กรมอนามัยร่วม SAVE แกงส้มไทย หลังดรามากระหึ่มโซเชียลฯ เมื่อถูกโหวตเป็นอาหารยอดแย่ลำดับที่ 12 ของโลก ชี้เป็นแกงเพื่อสุขภาพ คู่ครัวไทย เชิญชวนผู้บริโภคทั่วโลกเปิดใจรักแกงส้ม
วันนี้ (8 ก.พ.) ดร.นายแพทย์ สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากประเด็นในโลกโซเชียลเมื่อเมนูแกงส้มของไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นอาหารยอดแย่ที่สุดในโลกโดยเว็บไซต์ท่องเที่ยวชื่อดัง ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งอยู่ในลำดับที่ 12 จากการโหวตให้เมนูแกงส้มมีคะแนน 2.3 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน ส่งผลให้เกิดดรามาเกิดแฮชแท็ก #SAVEแกงส้มในประเทศไทย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จึงขอร่วม #SAVEแกงส้ม และอยากขอเชิญชวนให้ผู้บริโภคทั่วโลกเปิดใจรักแกงส้ม รวมทั้งเปิดประโยชน์ และคุณค่าโภชนาการของแกงส้มในฐานะแกงไทยที่ถือเป็นอาหารหลักอยู่คู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน
ดร.นายแพทย์ สราวุฒิกล่าวต่อว่า แกงส้มจัดเป็นแกงไทยชนิดไม่ใส่กะทิ มีรสชาติความเป็นไทย ทั้งรสเผ็ด เค็ม เปรี้ยว และหวานปะแล่มครบรส ความโดดเด่นคือ รสเปรี้ยวนำจากมะขามเปียกซึ่งเป็นแหล่งวิตามินซีชั้นดี ตามด้วยสรรพคุณจากพริกแกงไทยซึ่งเป็นการใช้สมุนไพร เช่น พริก กระเทียม หอมแดง กระชาย กะปิ มาโขลกรวมกัน จึงทำให้มีสรรพคุณหลากหลายมากมาย
จนแกงส้มได้ชื่อว่าเป็น ‘แกงเพื่อสุขภาพ’ ไม่ใช่เพียงแค่ส่วนผสมของพริกแกงเท่านั้น แกงส้มยังใส่ผักและสมุนไพรหลายชนิดลงไป เช่น ผักกาดขาว ดอกแค แตงโมอ่อน มะละกอดิบ ผักบุ้ง ผักกระเฉด เป็นต้น นอกจากนี้ แกงส้มยังมีโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อปลาหรือกุ้ง ที่นิยมนำมาโขลกรวมกับพริกแกงหรือใส่แยกต่างหาก ซึ่งแกงส้มของแต่ละภาคจะมีขั้นตอนการปรุงอาหารแตกต่างกันเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบในท้องถิ่น ผักหลากหลายชนิด ทำให้แกงส้มมีไขมันต่ำ อุดมด้วยใยอาหารช่วยการทำงานของระบบขับถ่าย ผักมีวิตามินเอที่ช่วยการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย วิตามินซีช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก ต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน วิตามินบี 12 จากเนื้อสัตว์จะช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง และการทำงานของระบบประสาทและสมอง
คลิกโพสต์ต้นฉบับ