สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA เดินหน้าลุยขับเคลื่อนสู่รัฐบาลดิจิทัล โชว์ผลงานบริการภาครัฐที่เข้าถึงประชาชนช่องทางเดียว ง่าย จบ กว่า 80 บริการ ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ จนประเทศไทยได้อันดับ 57 ในปี 2563 และก้าวขึ้นอีก 2 อันดับมาเป็นอันดับ 55 ในปี 2565 ติดเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน จากผลสำรวจรายงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ประจำปี 2565 เผยแผนขับเคลื่อนอีก 5 ปีข้างหน้าต่อเนื่อง เพื่อเป้าหมายสู่การเป็นอันดับ 40 ชู 4 ยุทธศาสตร์ พร้อมปรับกลยุทธ์รีแบรนดิ้งวิธีการสื่อสารใหม่ จากรัฐบาลดิจิทัล เป็น Smart Connector เพื่อทำหน้าที่คิด สร้างสรรค์ และเชื่อมต่อภาครัฐกับภาคประชาชนในการทำให้ประเทศเป็น Smart Nation ทันสมัย และ ประชาชน Smart Life คือการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เข้าถึงการบริการภาครัฐ รวดเร็ว ง่ายขึ้น และโปร่งใส
ปัจจุบันภารกิจด้านรัฐบาลดิจิทัลนับว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อประเทศไทย เนื่องจากกระแสความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัลที่เข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้น ทั้งในภาคของธุรกิจ สังคม ชีวิตความเป็นอยู่ รัฐบาลในฐานะผู้มีหน้าที่ดูแลชีวิตประชาชน จำเป็นต้องขับเคลื่อนนำระบบดิจิทัลเข้ามาพัฒนาการทำงานทุกภาคส่วนกว่า 7,850 หน่วยงานรัฐ เพื่อให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีความทันสมัย คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยถูกพัฒนาให้ดีขึ้น สามารถเข้าถึงสิทธิการรักษาพยาบาลที่ดี รวดเร็ว ทุกคนได้รับการศึกษาแบบเท่าเทียมกัน และ สามารถเข้าถึงการบริหารจัดการของภาครัฐบาลได้เพื่อตรวจสอบความโปร่งใส เพราะนีี่คือเรือธงสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศให้เทียบเท่าสากล
อย่างไรก็ดี ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA เปิดเผยว่า ในฐานะที่ DGA เป็นหน่วยงานเจ้าภาพจัดทำแผนงานบูรณาการรัฐบาลดิจิทัล ที่ผ่านมา DGA มีผลงานในการขับเคลื่อนสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างมากมายเพื่อเชื่อมโยงไปสู่การบริการของภาครัฐกว่า 80 บริการ ผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" ปัจจุบันมียอดใช้งานสะสมกว่า 3.8 ล้านครั้งในปี 2665 ที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการบริการรัฐได้ผ่านช่องทางเดียว ง่าย จบ ครบทุกช่วงวัย ขณะที่ SME หรือภาคธุรกิจได้รับความสะดวกในการติดต่อขอรับบริการจากภาครัฐกว่า 95 ใบอนุญาต ผ่าน bizportal.go.th ประกอบกับปลายปี 2565 DGA เดินหน้ายกระดับการให้บริการประชาชนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีการเปิดตัวระบบท้องถิ่นดิจิทัล เพื่อช่วยสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพในการบริหารงานและให้บริการประชาชนในท้องถิ่นได้รวดเร็ว โดยมีเป้าหมายต้องการยกระดับ อปท.จำนวน 400 แห่งให้ได้ในปี 2566
ทั้งนี้ จากการเดินหน้ารัฐบาลดิจิทัลของ DGA ในประเทศไทย ส่งผลให้ประเทศไทยได้อันดับการพัฒนาด้านรัฐบาลดิจิทัลที่จัดสำรวจโดยองค์การสหประชาชาติ (UN) เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากผลสำรวจรายงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government Development Index หรือ EGDI) ประเทศไทยได้อันดับ 57 ในปี 2563 และก้าวขึ้นอีก 2 อันดับมาเป็นอันดับ 55 ในปี 2565 และถือเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน ซึ่งการจะทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลเต็มรูปแบบนั้นยังต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ดร.สุพจน์กล่าวว่า DGA ได้จัดทำ (ร่าง) แผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศ พ.ศ. 2566-2570 ภายใต้วิสัยทัศน์ คือ “บริการภาครัฐสะดวก โปร่งใส ทันสมัย ตอบโจทย์ประชาชน” ประกอบด้วย 4 ยุทธศาสตร์ คือ 1. พัฒนาบริการที่สะดวกและเข้าถึงง่าย 2. สร้างมูลค่าเพิ่มอำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจ 3. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน และเปิดเผยข้อมูลเปิดภาครัฐ 4. ยกระดับการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลภาครัฐ เพื่อการบริหารงานที่ยืดหยุ่น คล่องตัว และขยายสู่หน่วยงานภาครัฐระดับท้องถิ่น
ทั้งหมดนี้ DGA มีเป้าหมายสำคัญคือ ต้องการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของไทย E-Government Development Index (EGDI) Ranking จากเดิมอยู่ในอันดับ 55 ขึ้นมาให้อยู่ในอันดับ 40 ของโลกให้ได้ภายในปี 2570 ดังนั้น DGA ไม่เพียงแต่วาง 4 ยุทธศาสตร์เพื่อยกระดับรัฐบาลดิจิทัล ยังได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การสื่อสารภาพลักษณ์ หรือการรีแบรนดิ้ง (Rebranding) องค์กรของ DGA ใหม่ จากคำว่า "รัฐบาลดิจิทัล" เป็น " Smart Connector" ในการทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางเข้ามาช่วยคิด ร่วมสร้างสรรค์ และเชื่อมต่อภาครัฐกับประชาชน เพื่อช่วยกันสร้างประเทศให้เป็น Smart Nation คือ ทันสมัย ก้าวหน้าทันโลก และช่วยกันยกระดับชีวิตของคนไทยให้กลายเป็น Smart Life คือคนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เข้าถึงบริการได้ง่าย ทั่วถึง สะดวก โปร่งใส ลดความเหลืื่อมล้ำ ขณะที่ภาคธุรกิจดำเนินธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ราบรื่น องค์กรได้ถูกยกระดับให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
เพราะการที่ทำให้ประเทศไทยกลายเป็น Smart Nation Smart Life ประเทศไทยทันสมัย ชีวิตคนไทยถูกพัฒนาให้มีคุณภาพดีขึ้น ต้องอาศัยความร่วมมือทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อน โดย DGA ผู้ทำหน้าที่เป็น "Smart Connector" และในฐานะหน่วยงานเจ้าภาพจัดทำแผน
งานบูรณาการรัฐบาลดิจิทัลได้นำเสนอแผนงานดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณารายจ่ายงบประมาณแผนงานบูรณาการ มีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการภายใต้แผนทั้งสิ้น 78 โครงการ จาก 51 หน่วยงาน รวมงบประมาณทั้งสิ้น 5,523.9110 ล้านบาท ตามที่ DGA นำเสนอ และหลังจากนี้ข้อมูลทั้งหมดจะจัดส่งไปยังสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาจัดทำเป็นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 ตามลำดับ เพื่อเดินหน้าทรานส์ฟอร์มสู่การเป็น Smart Nation Smart Life ภายในปี 2566-2570 ต่อไป
