"ชูวิทย์" ตัดพ้อพึ่งใครไม่ได้แล้ว ประชาชนคงต้องพึ่งตัวเอง หลังจากศาลออกหมายจับ 3 จนท.ดีเอสไอข้อหาลักทรัพย์ บุกรุกเคหสถาน จากเหตุการณ์เข้าไปค้นคอนโดฯ ของอดีตกงสุลใหญ่นาอูรู เหตุการณ์ต่อเนื่องจากไปตบทรัพย์บ้านจีนเทาสาทร ปล่อยผู้ต้องหาหมายแดงหนี แบ่งเงินกัน ด้านตำรวจก็ไม่น้อยหน้า ทำเสียชื่อหากินกับขบวนนำนักท่องเที่ยว ตามด้วยด่านตบทรัพย์นักท่องเที่ยวไต้หวัน
วันที่ 28 ม.ค. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีศาลอาญาออกหมายจับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 3 ราย ว่า
เช้านี้ ศาลอาญาออกหมายจับเจ้าหน้าที่ระดับ ผอ.ในดีเอสไอ พร้อมพวก
นายตฤณ พิชิตกุญชร, นายอดิศร สนธิวรชัย และนายอนัน สีลาโคตร รวม 3 คน
ข้อหาร่วมกันบุกรุกเคหสถาน, ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน
จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2565 บุกเข้าไปค้นคอนโดฯ ของอดีตกงสุลใหญ่นาอูรูแถวห้วยขวาง
ก่อนหน้าแก๊งนี้ไปตบทรัพย์บ้านจีนเทาสาทร ปล่อยผู้ต้องหาหมายแดงหนี แบ่งเงินกัน
แล้ว 3 คนนี้แยกมาที่คอนโดฯ ต่อโดยไม่มีหมายค้น
เข้าไปรื้อหาเงินสดแต่ไม่พบ แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว เลยหิ้วทรัพย์สินมีค่าติดมือออกมาเสียหน่อย
พอเรื่องแดง ดันเอาไปคืนสถานกงสุลนาอูรู กลายเป็นความโง่ให้เห็นว่าไปเอาของออกมาจากห้อง เลยโดนไป 2 ข้อหาหนัก
แก๊งนี้คงย่ามใจทำมาหลายครั้ง เสียชื่อองค์กรดีเอสไอ ที่จัดตั้งขึ้นมาเลียนแบบ “เอฟบีไอ” ของอเมริกา
แต่ดันไปทำตัวเหมือน “โจรกระจอก” เสียดายคนดีๆ ที่พลอยเสียชื่อไปด้วย
ต่อไป ใครเห็นดีเอสไอไปตรวจ คงต้องรีบเก็บเงิน เก็บทรัพย์สินก่อน เพราะกลัวโดนลักทรัพย์
ตอนนี้ไหนจะตำรวจที่เสียชื่อเรื่องหากินกับขบวนนำนักท่องเที่ยว ตามด้วยด่านตบทรัพย์นักท่องเที่ยวไต้หวัน
จริงไม่จริง เรื่องอย่างนี้รอช้าไม่ได้ คนยืนยันต้องเป็นหญิงไต้หวัน หรือทูตไต้หวัน ไม่ใช่ให้ตำรวจมายืนยันว่าไม่ได้ทำ
กล้องวงจรปิดก็มี ทีจับโจรร้านทองรวดเร็ว แต่เรื่องนี้ทำลายชื่อเสียงการท่องเที่ยว ดันออกลูกลีลาชักช้าว่าต้องทำให้ชัดเจน
แล้วยังมาเจอดีเอสไอ ทั้งลักทั้งตบทรัพย์ปล่อยตัว
พึ่งใครไม่ได้ซะแล้ว ประชาชนคงต้องพึ่งตัวเอง