จับอีกโป๊ะ “นอท กองสลากพลัส” อ้างไม่รู้จัก “เอ๊ดดี้ พันณรงค์” เจ้าพ่อเว็บพนันและยาเสพติดรายใหญ่ ทั้งที่เคยพาพนักงานไปเหมารีสอร์ทจัดกิจกรรมแถมรีวิวให้เสร็จสรรพ ซ้ำมีหลักฐานเคยเปิดบริษัทถือหุ้นร่วมกับ “พีท วริศ” อดีตดาราวัยรุ่น ลูกน้องคนสนิทที่หนีตาม “เอ๊ดดี้” ไปอังกฤษเรียบร้อยแล้ว ไม่นับรวมภาพถ่ายที่สื่อชัดเป็นก๊วนเดียวกัน
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้เปิดโปงเพิ่มเติมเกี่ยวกับเบื้องหลังของนายพันธุ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือนอท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทล็อตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด เจ้าของแพลตฟอร์มขายสลากกินแบ่งออนไลน์ “กองสลากพลัส” หลังจากได้เปิดโปงไปก่อนหน้านี้ 2 สัปดาห์ซ้อน และกลายเป็นประเด็นให้สื่อต่าง ๆ รวมถึงโซเชียลมีเดียนำไปขยายผลต่อ
โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก ยืนยันสิ่งที่รายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” นำเสนอ โดยตอนหนึ่งนายชูวิทย์บอกว่า ทุกวันนี้ธุรกิจสีเทาเติบโต พัฒนารูปแบบแตกต่างจากเดิม บ่อนการพนันแบบดั้งเดิม นับวันลูกค้าลดน้อยถอยลง
“พนันออนไลน์สะดวกกว่า เล่นได้หลายรูปแบบ ตลอด 24 ชั่วโมง จึงเหมาะกับคนรุ่นใหม่ และมีโฆษณาเชิญชวนจาก “เน็ตไอดอล” อย่างเปิดเผย รายได้ของพนันออนไลน์จึงพุ่งพรวด
“โดยเจ้าใหญ่สุดของไทย คือ เอ๊ดดี้ (ชื่อจริงพันณรงค์ ขุนพิทักษ์) ที่หนีหมายจับไปตั้งหลักซื้อโรงแรมใจกลางกรุงลอนดอน มีโรงแรมกระจายทั่วเหนือจรดใต้ในไทย
“มีลูกน้องชื่อปีเตอร์ (วริศ) เป็นดาราเก่า และอีกคนชื่อเจียว (คมสัน) ทำงานแบงค์มาก่อน คอยจัดการเรื่องเงินๆ ทองๆ ให้
“อั้ม PSV ที่ติดคุกพร้อมเมีย เป็นลำดับถัดมา แทนไทและเป็นต่อ รวมทั้งเจ้าขนาดกลาง เล็ก มากมาย เช่น มาเก๊า888 ที่ดังจากเมียเก่าแฉ แรงแค้นผู้หญิงมันน่ากลัว เลยต้องหลบไปลอนดอนสักพัก รอเรื่องเงียบ
“ล่าสุด อั้มโดนบิ๊กก้องลุยจับ ตำรวจคนนี้ไม่รับเคลียร์ กับที่ DSI เจ้าหน้าที่ชื่อย่อ ค. ก็ไม่รับเคลียร์อีกเหมือนกัน ปัจจุบันกลุ่มพนันออนไลน์หนีไปตั้งหลักชุมนุมที่ลอนดอนกันหมด เพื่อดูทิศทางลม”
นายชูวิทย์ โพสต์อีกว่า “ปัญหาใหญ่ของพวกนี้คือ เงินมากจนไม่รู้จะไปเก็บที่ไหน จึงต้องฟอกเงินให้มีที่มาที่ไป อย่างแรกต้องใช้นอมินีถือแทน แล้วนำเงินสดใส่เข้าไป
“ที่มีข่าวดังขณะนี้ คือ กองสลากพลัส ที่พวกเว็บพนันแห่กันไปฟอก ส่วน “นอท” จะทราบไม่ทราบ ต้องให้พี่สนธิแฉ ข้อมูลแกลึก มีเงินเว็บพนันเข้าไปหมุนเวียนเป็นพันล้าน เข้าบัญชี”
นั่นคือข้อมูลที่นายชูวิทย์เอามาแฉ ขณะที่นายพันธ์ธวัชยังตระเวนเที่ยวอยู่ที่ยุโรปก่อนจะกลับมาประเทศไทย
นายสนธิกล่าวว่า นายพันธ์ธวัชไม่หนี เพราะยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหา ยังมีเวลาอีกมากในการเตรียมตัวสู้คดีฟอกเงินที่เชื่อมโยงไปยังแก๊งเปิดบัญชีม้า และเว็บพนันออนไลน์ของ “นายเฟย” ลูกหลานของเจ้าพ่อบ่อนลอยฟ้าย่านปิ่นเกล้า และยังต้องมาชี้แจงต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เกี่ยวกับเส้นทางการเงินอีก 39 กรณีที่เชื่อมโยงไปถึงบัญชีส่วนตัวของนายพันธ์ธวัช
จับโกหก “นอท” ไม่รู้จัก เจ้าพ่อเว็บพนัน “เอ็ดดี้-ปีเตอร์” จริงหรือ
นายสนธิ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ได้เปิดเผยหลักฐานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง นายพันธ์ธวัช กับนายแทนไท ณรงค์กูล ที่เคยเป็นผู้ต้องหาคดีเปิดเว็บพนันออนไลน์ รวมถึงความสัมพันธ์ของนายพันธ์ธวัชกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงของ “กองบัญชาการไซเบอร์” ซึ่งนายพันธ์ธวัชก็ยอมรับว่ารู้จักกันจริงทั้งหมด แต่จะจริงและลึกในระดับไหนนั้นก็แล้วแต่ว่าจะยอมรับแค่ไหน
ทั้งนี้เมื่อ วันจันทร์ที่ 23 มกราคม 2566 ที่นายพันธ์ธวัช ออกมายอมรับว่ารู้จักกับ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง หรือ “แจ้” ผบก.สอท.1 หรือตำรวจไซเบอร์ ตั้งแต่ปี 2564 รวมถึง นายสุรชัช คล้ายคลึง บุตรชายคนโตของ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ ทั้งยังให้นายสุรชัช เข้ามาถือหุ้น และทำหน้าที่เป็นผู้บริหารของบริษัทลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด เจ้าของกองสลากพลัส ในช่วงปี 2564-2565 ในตำแหน่ง COO – Chief Operating Officer หรือ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ
นายสนธิกล่าวอีกว่า นายพันธ์ธวัชพลาดอย่างแรงตรงที่ออกมายอมรับว่า นายสุรชัช คล้ายคลึง เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด ทั้งถือหุ้น และเป็นผู้บริหารระดับสูง แสดงว่านายสุรชัชอาจมีส่วนรู้เห็นธุรกรรมที่นายพันธ์ธวัชเข้าไปเกี่ยวข้องในกรณีของ “นายสุทิน” ผู้ประกอบธุรกิจบัญชีม้า และ “นายเฟย” หรือนาย อ. อรรถกานณ์ ตระการศักดิกุล ที่ถูก DSI เชื่อมโยงว่าประกอบธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ และนำเงินมาฟอกเงินผ่าน “กองสลากพลัส” ในเดือนสิงหาคม 2564 ด้วยใช่หรือไม่?
นอกจากกรณีของนายแทนไท และตำรวจไซเบอร์แล้ว มีหลายคนออกมาเปิดเผยว่านายพันธ์ธวัช มีความเกี่ยวพันกับคนที่ชื่อ “เอ็ดดี้” หรือ นายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ ผู้ต้องหาในคดีเกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพติดและเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ในประเทศ ซึ่งขณะนี้หลบหนีไปยังต่างประเทศ เชื่อมโยงกับเครือข่ายของ นายตุน มิน ลัต นักธุรกิจชื่อดังของพม่าวัย 53 ปี ที่ถูกตำรวจไทยจับกุมตัวไปเมื่อเดือนกันยายน 2565 พร้อมกับยึดทรัพย์อีกนับพันล้านบาท
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่นายชูวิทย์ เปิดเผยออกมา เครือข่าย “เอ็ดดี้” ก็คือ หนึ่งในเว็บไซต์พนันออนไลน์ เจ้าใหญ่สุดของไทย ที่หนีหมายจับไปตั้งหลักซื้อโรงแรมใจกลางกรุงลอนดอน และ “เอ๊ดดี้” มีลูกน้องชื่อ ปีเตอร์ (วริศ) เป็นอดีตดาราวัยรุ่น อีกคนชื่อ เจียว (คมสัน) ทำงานแบงก์มาก่อน คอยจัดการเรื่องเงินๆ ทองๆ ให้
ข้อมูลของนายชูวิทย์ดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลที่มาจากเฟซบุ๊กเพจ “เหยื่อ” ที่ปัจจุบันมีผู้ติดตามราว 140,000 กว่าคน ที่ระบุว่า เอ็ดดี้ พันณรงค์ วัย 45 ปี กับ ลูกน้อง 2 คน หนึ่ง ชื่อ นายเจียว (ไข่เจียว) หรือ นายคมสัน รุกขพันธ์ อายุ 38 ปี (โดยทั้งคู่เป็นชาว จ.สงขลา) และลูกน้องอีกหนึ่ง คือ อดีตดาราวัยรุ่น ที่มีนามสกุลเป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจ นั่นคือ นายวริศ ลิ่มอติบูลย์ หรือชื่อในวงการคือ พีท หรือ ปีเตอร์
ทั้งหมดเป็นหัวเรือใหญ่ของเจ้าของเว็บพนันในประเทศไทยที่มีเงินพนันหมุนเวียนเป็นหมื่นล้านบาท เมื่อ “เอ็ดดี้” ถูกออกหมายจับก็หนีไปอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยร่ำลือกันว่าได้ซื้อกิจการโรงแรมมูลค่ากว่า 9 พันล้านบาทที่ประเทศอังกฤษ
ทั้งนี้ อาจเป็นเรื่องประจวบเหมาะพอดี เพราะมีเสียงลือกันว่าสาเหตุที่นายพันธ์ธวัชเดินทางไปพักผ่อนที่อังกฤษและยุโรปรอบนี้ แล้วอ้างว่าไปเดินหาซื้อเลโก้ให้ลูกยังไม่เจอเลยยังไม่กลับ ทางหนึ่งก็อาจไปพบปะและพูดคุยกับ “เอ็ดดี้ พันณรงค์” รวมถึงลูกน้องคนสนิทอย่าง “ไข่เจียว คมสัน” และ “พีท วริศ” ที่เป็นเจ้าของเครือข่ายเว็บไซต์พนันรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของประเทศไทย ทั้ง ๆ ที่นายพันธ์ธวัชก็ยืนกราน ปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่เคยรู้จักกับ “เอ็ดดี้” และเครือข่าย
จริง ๆ แล้ว นายพันธ์ธวัช เคยปฏิเสธผ่านสื่อไปแล้ว เมื่อถูกถามถึงสายสัมพันธ์กับผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดินอย่าง “เอ็ดดี้ พันณรงค์” ว่า ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว ในรายการเจาะลึกทั่วไทยทางช่อง MCOT เมื่อ วันที่ 5 มกราคม 2566
ทั้งนี้ “เอ็ดดี้” พันณรงค์ มีชื่อเป็นกรรมการและถือหุ้นธุรกิจอีกอย่างน้อย 6 บริษัท โดยก่อนหน้านี้ ในเดือนพฤศจิกายน 2565 สำนักข่าวอิศราเคยเดินทางไป ติดต่อขอสัมภาษณ์ “เอ็ดดี้” พันณรงค์ ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้ในเอกสารจัดทะเบียนตั้ง บริษัท บลูเคอร์ กรุ๊ป จำกัด ที่นายพันณรงค์ เป็นกรรมการ และแจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า คือ เลขที่ 246/5 ซอยลาดพร้าว 122 (มหาดไทย1) แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร
เมื่อเดินทางไปถึงที่อยู่ดังกล่าว พบว่าเป็นที่ตั้งของโรงแรมชื่อว่า YOTAKA Group Hotel แต่ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวอิศราก็ไม่พบตัวนายเอ็ดดี้ พันณรงค์ แต่อย่างใด
ทั้งนี้ เมื่อเป็นกลุ่มโรงแรมแสดงว่าโรงแรมโยทะกา (Yotaka) ย่อมมีอยู่หลายแห่ง ซึ่งเมื่อทีมงานค้นข้อมูลวพบว่า โรงแรมของเครือโยทะกาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ โยทะกา แอท ขนอม (Yotaka@Khanom) โรงแรมหรูตั้งอยู่ติดชายหากที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช
ข้อมูลดังกล่าวก็สอดคล้องกับข้อมูลที่นายชูวิทย์ เปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ 24 มกราคม 2566 โดยระบุว่า “เอ็ดดี้ซื้อโรงแรมที่ท่าขี้เหล็ก 3 แห่ง ซื้อบ้านที่ปอยเปต 6 หลัง ซื้ออพาร์ตเมนต์ราคากว่า 200 ล้านบาท สร้างโรงแรมใหญ่ที่ขนอม และซื้อโรงแรมที่อังกฤษราคากว่า 9,000 ล้านบาท
“ต่อมา เอ็ดดี้ไปซื้อบ่อนอัลลัวร์ต่อจาก ส.ว.อุปกิต และขณะเดียวกันก็ใช้เงินไปฟอกที่ “น” เพราะรู้จักมาจากลูกน้องตัวเองที่ชื่อ ปีเตอร์ ดาราเก่า
““น” เก่งเรื่องโซเชียล เอ็ดดี้ และ “น” จึงร่วมกันวางแผนการฟอกเงินผ่านการขายสลากฯ แน่นอนว่าต้องผ่านบัญชีนอมินี และต้องทำสัญญาเงินกู้ มีการจ่ายดอกเบี้ยซึ่งเรียกตามกฎหมายว่า “นิติกรรมอำพราง””
เมื่อทีมงานค้นข้อมูลไปอีกก็พบว่า เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2565 นายพันธ์ธวัช เคยยกทีมงานไปทำกิจกรรม Outing แบบเหมาทั้งรีสอร์ทกันมาแล้ว ที่โยทะกา ขนอม พร้อมกันนั้นตัวนายพันธ์ธวัชยังได้ทำรีวิวของรีสอร์ทแห่งนี้ไว้อย่างละเอียดลงใน YouTube ช่องกองสลากพลัส พร้อมระบุว่านี่เป็น “คลิปที่ทำให้พิเศษ” เพราะเป็นคลิปรีวิวครั้งแรกของ CEO นอท เองด้วย
นายพันธ์ธวัชอาจจะปฏิเสธว่าไม่รู้จักเจ้าของคือ “เอ็ดดี้” พันณรงค์ แค่ไปเหมารีสอร์ทเพื่อพักผ่อนกับทีมงานเฉยๆ และเห็นว่าสวยก็เลยอยากทำรีวิวตอบแทนให้ลงในยูทูปช่อง “กองสลากพลัส”
แต่มีหลักฐานอีกชิ้น ที่พบว่า นายพันธ์ธวัชนอกจากเป็นผู้บริหารและผู้ถือหุ้น บริษัทลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด แล้ว ในทางเปิดเผยยังเป็นกรรมการบริษัททั้งหมด 4 บริษัท และ เป็นผู้ถือหุ้น 8 บริษัท โดยในจำนวนนี้ เลิกกิจการไปแล้ว 1 บริษัท
บริษัทที่นายพันธ์ธวัชถือหุ้นแต่เลิกกิจการไปแล้วมีชื่อว่า บริษัท เชส เกมส์ จำกัด จดทะเบียนก่อตั้งบริษัทเมื่อ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2559 และเลิกกิจการไปเมื่อ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2563 จุดประสงค์ในการก่อตั้งคือ เพื่อประกอบกิจกรรมการบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์อื่นๆ
ตอนก่อตั้งมีทุนจดทะเบียน 15 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้น 15,000 หุ้น มีผู้ถือหุ้นอยู่ 6 คน โดย นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ถือหุ้นอยู่ 1,050 หุ้น คิดเป็น 7%
ประเด็นที่น่าสนใจคือ บริษัทเชส เกมส์ นี้มีผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นกรรมการด้วยอยู่ 2 คน คนหนึ่งชื่อ นายชัยพฤกษ์ บุญประกอบ ส่วนอีกหนึ่งก็คือ นายวริศ ลิ่มอติบูลย์ หรือ ปีเตอร์ หรือ พีท ที่ตกเป็นข่าวอื้อฉาวอยู่ว่าเป็นลูกน้องคนสนิทของ "เอ็ดดี้" พันณรงค์ ขุนพิทักษ์ เจ้าของเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ รายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งมีคดีพัวพันกับเรื่องยาเสพติด รวมไปถึงการฟอกเงิน และ กำลังหลบหนีหมายจับ พร้อมบรรดาคนสนิทไปอยู่ต่างประเทศ
“สรุปเมื่อข้อมูลเป็นเช่นนี้แล้ว เอ็ดดี้ พันณรงค์, ป.ปีเตอร์, จ.เจียว, น.นอท จะเป็นแก๊งเดียวกันหรือไม่ ก็ลองพิจารณาดูก็แล้วกัน”
นอกจากนี้ นายสนธิเปิดเผยอีกว่า ยังมีภาพที่แหล่งข่าวส่งมาให้ เป็นภาพเก่าเมื่อปี 2562 มี 3 คนในภาพ จากซ้ายไปขวา “นอท” นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ “ไข่เจียว” นายคมสัน รุกขพันธ์ และ “เอ็ดดี้” พันณรงค์ ขุนพิทักษ์
“พวกคุณนี่ ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า ซี้ย่ำปึ๊ก สนิทสนมกันอย่างมากๆ ถ้าจะมีการทำธุรกรรมอะไรร่วมกันก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ เพราะเดินทางมาสายเดียวกันหมด” นายสนธิกล่าวทิ้งท้าย