พิชญ์รี ตันติวิทย์ หรือ "เม พรีมายา" เจ้าของแบรนด์ออนไลน์ชื่อดัง เผยความในใจหลังถูกหมายจับตามยุทธการผึ้งแตกรัง ลั่นไม่อ่อนแอมีกำลังใจส่งมามากมาย เชื่อไม่เคยหลอกลวงใคร ลั่นไม่เอาชีวิตมาเสี่ยงทำสิ่งไม่ดีหรอก พร้อมเผยภูมิใจเคยส่งต่อสิ่งดีๆ ให้สังคม
จากกรณีตำรวจไซเบอร์บุกบ้านหรูย่านซอยราชวินิตบางแก้ว บางพลี สมุทรปราการ ของเจ้าของแบรนด์ PRIMAYA ตามยุทธการผึ้งแตกรัง แต่กลับพบหายจ้อยทั้งผัวทั้งเมีย เปิดงบการเงินพบปี 64 กำไรสุทธิ 8 ล้านบาท ย้อนแย้งกับที่อ้างว่ากำเงิน 6 พัน ลงทุน 3 เดือนได้เงิน 15 ล้าน ก่อนหน้านั้น ชาวเน็ตจับโป๊ะถ่ายรูปข้างรถหรูในโชว์รูมแต่ไม่ได้ซื้อ แถมเคยถูกจับคดีผสมสารไซบูทรามีนในยาลดน้ำหนัก และต่อมา นส.พิชญ์รี ตันติวิทย์ หรือที่คนในสังคมออนไลน์รู้จักกันในชื่อของ "เม พรีมายา" เจ้าของแบรนด์ PRIMAYA ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ในข้อหาทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนฯ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (20 ม.ค.) เฟซบุ๊ก "Phitnari Tantiwit" ได้ออกมาเคลื่อนไหวเผยความในใจอีกครั้ง และคาดว่าเป็นการแสดงความเชื่อมั่นให้ลูกข่ายออนไลน์ของเธอที่ติดตามว่ากรณีนี้จะไปจบที่ตรงไหน โดยได้ระบุข้อความว่า “วันนี้เมไม่ได้ยืนหยัดกับการสู้ชีวิตมากมายขนาดนี้แค่เพื่อตัวเองหรอกนะคะ แต่เมเห็นความรักและความหวังอีกมากมายที่ฝากไว้กับผู้หญิงคนนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยจริงๆ ค่ะที่จะไม่ต่อสู้ เดินหน้าเพื่อพวกเราทุกคน เราทำกันมาได้ขนาดนี้ ทุกคนสู้ ตั้งใจ ทุ่มเทมามากมายจนมันทำให้เมยอมแพ้และอ่อนแอไม่ได้เลยเหมือนกัน
เมขอขอบคุณทุกคนที่รักกันจริงๆ การกระทำของพวกเรา (เพื่อนพี่น้อง คนใกล้คนไกล คนที่รักและหวังดี) ต่างก็เป็นกำลังใจให้กันและกันมาเสมอ มันคอยตะโกนออกมาจนเมสัมผัสได้ทุกช่องทาง "บอสเมสู้ๆ" เมรู้และเมก็เชื่อว่าคนอื่นก็รับรู้ได้ที่เมก็คอยส่งกำลังใจและหวังดีให้พวกเรามาโดยตลอดเช่นกัน
เมทำงานตรงนี้ เมื่อก่อนมันก็คงทำเพราะคำว่า "หน้าที่" จนตอนนี้มันกลายเป็นความรักความหวังดี พลังที่ยิ่งใหญ่ที่พร้อมจะทำทุกอย่างด้วยหัวใจ และทุ่มให้สุดกำลังใจและกายที่มี เพื่อทุกคนในครอบครัวพรีมายาจริงๆ ยิ่งทุกคนรัก ยิ่งทุกคนเชื่อใจเมมากเท่าไหร่ มันยิ่งทวีคูณพลังของเมที่จะไม่ทำให้คนที่รักเมเสียใจ และมันทำให้เมรักทุกคนมากขึ้นทุกวัน
ปัญหาอุปสรรคตลอดการทำงาน ทำให้เมได้เรียนรู้ปรับตัวแก้ไข ที่จะเป็นเมเวอร์ชันที่ดีขึ้นในทุกๆ วันเสมอ จากเด็กคนหนึ่งอายุ 22-23 หาเงินใช้เลี้ยงตัวเองได้ จนสามารถแบ่งเบาภาระครอบครัว และภูมิใจที่สุดในชีวิตคือเราสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่จะส่งต่อสิ่งดีๆ ให้โอกาสกับคนในสังคมอีกเยอะแยะมายมาย รู้ตัวอีกทีก็วุ่นๆ กับการสร้างตัวมานี่ไม่กี่วันก็จะอายุ 30 แล้วนะ เวลา 7 ปีที่ผ่านมาได้อะไรมาเยอะแยะมากมาย แต่ที่เสียไปก็เป็นอะไรที่ย้อนเอาคืนมาไม่ได้เหมือนกัน มันแลกมาด้วยทุกอย่าง ไม่มีอะไรง่ายเลยจริงๆ
เมมีวันนี้ได้ มาจากความเข้าใจเสมอที่ว่าอุปสรรคเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ขนาดของอุปสรรคมาพร้อมกับขนาดของธุรกิจ เมเข้าใจทุกอย่างที่เกิดขึ้นโดยไม่เคยตั้งคำถามว่าทำไม? เพราะทุกอย่างมันเข้าใจได้จริงๆ ทำงานเยอะโอกาสล้มเหลว โอกาสผิดพลาด โอกาสสำเร็จก็เยอะมากเท่านั้น ทำงานแล้วเจอปัญหา ไม่ว่าจะใหญ่จะเล็ก มันก็เกิดขึ้นได้เสมอค่ะ อย่างเช่นครั้งนี้ก็เช่นกัน
ใครจะมองยังไงไม่รู้ #แต่ปัญหาครั้งนี้ไม่ต้องใช้ใจ มารักกันหรือพยายามเข้าใจกันก็ได้ คงสังเกตจากการกระทำ เจตนาได้ไม่ยาก ว่าที่ผ่านมาเราบริสุทธิ์ใจมากแค่ไหนและไม่เคยมีเจตนาไม่ดีในการทำธุรกิจเลยสักครั้งเดียวในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่มีใครกล้าเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงทำสิ่งไม่ดีหรอกนะ
เมเชื่อว่า ไม่ว่าจะปัญหาไหนๆ ที่เข้ามา เมผ่านไปได้อย่างแข็งแกร่งแน่นอน เมพร้อมที่จะเติบโต เมรักการทำงาน หน้าที่การงานตรงนี้ มันกลายเป็นจิตวิญญาณไปแล้ว เมอยากให้หนึ่งชีวิตนี้ชีวิตเดียวที่เมมี มีคุณค่ามากที่สุดเท่าที่เมจะทำได้ ในอนาคตข้างหน้าคงมีอะไรให้เราเรียนรู้ ปรับปรุง พัฒนาอีกเยอะแยะมากมาย มันก็ถูกแล้วค่ะ ทำงานเนอะ มันก็ต้องมีปัญหาให้เราแก้ ต้องมีเรื่องที่ไม่รู้ให้เราได้รู้อยู่ตลอดแหละ
ขอขอบพระคุณอีกครั้งกับทุกความหวังดี ทุกกำลังใจ ความรักความเมตตาคนคนนี้ ผู้หญิงคนนี้มันรักดีอยู่แล้ว พร้อมจะเรียนรู้ พร้อมจะเรียนผูกเรียนแก้ ใช้ชีวิตกันต่อไป เพื่อจะเติบโตอีกมากมายบนโลกใบนี้ มันจะผ่านไปได้ เหมือนกับที่ผ่านๆ มาได้ตลอดนั่นแหละ”
คลิกโพสต์ต้นฉบับ