xs
xsm
sm
md
lg

คิดว่าโง่มั้ง ชาวเน็ตแซะป้ายชาติพัฒนากล้ายกเลิกแบล็กลิสต์บูโร กรณ์แจงใช้เครดิตสกอร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พบชาวเน็ตรายหนึ่งแซะป้ายหาเสียงพรรคชาติพัฒนากล้า "ยกเลิกแบล็กลิสต์บูโร" เหน็บเครดิตบูโรไม่มีระบบแบล็กลิสต์ กรณ์โต้กลับโดยพฤตินัยมีแบล็กลิสต์อยู่แล้ว แนะรื้อการเก็บข้อมูล เอาค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์มาประกอบด้วย ไม่ใช่แค่ประวัติสินเชื่อในธนาคาร ส่องพรรคการเมืองอื่น ภูมิใจไทยพักหนี้คนละล้าน 3 ปี ใช้กลไกออกพันธบัตรดอกสูง ส่วนพรรคเพื่อไทยแค่หาเสียงไม่มีคำอธิบายชัดเจน

วันนี้ (17 ม.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า มีชาวเน็ตรายหนึ่งโพสต์ภาพป้ายหาเสียงของพรรคชาติพัฒนากล้า ที่ระบุข้อความว่า "ยกเลิกแบล็กลิสต์บูโร รื้อระบบสินเชื่อ" โดยระบุว่า "เรียนคุณกรณ์ เครดิตบูโรไม่มีระบบแบล็กลิสต์ กรุณาอย่าติดป้ายตลกๆ แบบนี้กลางสาทรซึ่งเป็นแหล่งของผู้มีความเชี่ยวชาญทางการเงิน มันดูตลก และอาจเข้าข่ายเป็นการเผยแพร่เฟกนิวส์ อนึ่ง ในความเห็นส่วนตัว หากท่านเสนอยกเลิกเครดิตบูโร น่าจะทำให้คะแนนเสียงของท่าน ซึ่งน่าจะมาจากผู้ทำงานทางด้านการเงินและการธนาคารหดหายลงอีกด้วย"


ปรากฏว่า นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า คอมเมนต์กลับไปว่า "ขอบคุณในความเห็นครับ การมีการระบุประวัติการผิดนัดชำระหนี้ และถูกยกเป็นเหตุผลการปฏิเสธการขอสินเชื่อ นั่นคือการมีแบล็กลิสต์โดยพฤตินัยครับ สิ่งที่เราเสนอไม่ใช่การยกเลิกเครดิตบูโรอย่างที่คุณว่า และไม่แม้แต่ลบประวัติใคร แต่เป็นการปรับระบบเป็นระบบเครดิตสกอร์ (Credit Score) โดยเอาข้อมูลอื่นๆ มาเป็นองค์ประกอบคำนวณสกอร์ร่วมกับประวัติชำระหนี้

เมื่อวานผมคุยกับน้องผู้หญิงคนหนึ่ง เขาค้าขายอยู่ในแพลตฟอร์มหนึ่ง ทางแพลตฟอร์มมีดาต้า (Data) รายได้และความขยันของน้องเขา เลยมีการเสนอสินเชื่อให้เพื่อขยายร้าน แต่ปรากฏว่าน้อง "ติดบูโร" เพราะยังเคลียร์หนี้ที่อื่นไม่หมด (ผ่อนจ่ายอยู่) ทางแพลตฟอร์มเลยปล่อยสินเชื่อไม่ได้ นี่แหละครับ ความหมายของคำว่า "แบล็กลิสต์" เราไม่ใช่ประเทศร่ำรวย เราต้องมีระบบการเงินที่ให้โอกาสคนยากคนจนมากกว่านี้ครับ นี่ก็ความเห็นส่วนตัวผมเหมือนกัน"


อีกด้านหนึ่ง เมื่อวันที่ 16 ม.ค. พรรคชาติพัฒนากล้าแถลงข่าว “ยกเลิกแบล็กลิสต์บูโร รื้อระบบสินเชื่อ” โดยได้นำกลุ่มตัวอย่างที่ถูกปฏิเสธการให้สินเชื่อจากสถาบันการเงินมาร่วมแถลงข่าวประมาณ 10 คน โดยนายกรณ์แถลงว่า นโยบายของพรรคจะรื้อระบบเก็บข้อมูลของ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร โดยแทนที่จะเก็บข้อมูลเพียงแค่ประวัติการชำระหนี้ของสถาบันการเงินเพียงอย่างเดียว ให้สามารถนำข้อมูลทุกชนิดที่จะบ่งบอกสถานะที่แท้จริงของตัวผู้กู้ ไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ เพราะเห็นว่าควรมีประวัติที่เป็นบวกต่อชีวิตด้วย ไม่ใช่เอาเพียงแค่ข้อมูลในอดีตที่เป็นลบ มาเป็นตัวพิจารณาเครดิตเพียงเท่านั้น

นายกรณ์กล่าวว่า จากการสอบถามประชาชนที่เคยผิดนัดชำระเงินกู้มา ไม่ว่าจะนานกี่ปี วันนี้ไม่สามารถที่จะกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินในระบบได้ เหลือที่พึ่งเดียวคือนายทุนนอกระบบ อัตราดอกเบี้ย เดือนละ 10-20% อยู่ยากมาก และเมื่อใครติดแบล็กลิสต์แล้ว สภาพเหมือนตกนรก ยากมากที่จะฟื้นคืนชีพกลับมาทางเศรษฐกิจ ตนในฐานะนักการเมือง ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชน รู้สึกหนักใจมาก เพราะมีปัญหามานานและหนักหนาสาหัสมากขึ้น โดยเฉพาะหลังวิกฤตโควิด-19 การรื้อระบบเก็บข้อมูลของเครดิตบูโร จึงเป็นวิธีที่จะช่วยเหลือประชาชนอย่างยั่งยืน เพื่อให้ทุกคนสามารถที่จะกู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรมจากสถาบันการเงินในระบบได้ เพื่อให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น โดยไม่รบกวนเงินภาษีของประชาชนแม้แต่บาทเดียว เพราะเชื่อว่าการปลดล็อกแก้กฎหมาย แล้วใช้เทคโนโลยี ช่วยประชาชนให้กู้ยืมเงินอย่างเป็นธรรม สามารถทำได้ทันที

“ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เรื่องนี้ยังเป็นปัญหาสำคัญที่พบและหนักขึ้นเรื่อยๆ ที่บอกว่าแบล็กลิสต์ไม่มีจริงนั้น ถามคนติดแบล็กลิสต์สิ พวกเขาหัวเราะอย่างขมขื่น เพราะถูกปฏิเสธการกู้ยืมเงินในระบบ ต้องแบกภาระหนี้สินที่หนักอึ้ง ต้องทำงานไปจ่ายหนี้นอกระบบไป และตราบใดที่ยังไม่หลุดจากแบล็กลิสต์ ก็ยังกู้หนี้ไม่ได้ ยืนยันว่าระบบเครดิตบูโรยังจำเป็นต้องมี มันเป็นวินัยทางการเงิน แต่สังคมเราต้องให้โอกาสคน โดยเฉพาะคนยากคนจน ที่มีต้นทุนทางการเงินในระดับที่ซื้อของมาขายแล้วมีเงินเหลือพอเลี้ยงครอบครัว เราต้องเปลี่ยนระบบใหม่ แทนที่จะเอาเรื่องไม่ดีของประชาชนบรรจุไว้ในบัญชี ควรเอาเรื่องดีๆ มาแสดงให้เขาด้วย" นายกรณ์ กล่าว

ภาพ : https://bhumjaithai.com/policy/80677
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า นโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับหนี้สินประชาชน นอกจากพรรคชาติพัฒนากล้าแล้ว ก่อนหน้านี้พรรคภูมิใจไทยเสนอนโยบายพักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอกคนละไม่เกิน 1 ล้านบาท เพื่อลดปัญหาหนี้สินให้ประชาชน ไม่ต้องหาเงินจ่ายต้นจ่ายดอกทบเท่าทวีคูณ จะได้นำเงินที่มีและหาได้มาใช้ยังชีพเลี้ยงดูครอบครัวเป็นลำดับแรก มีเวลาตั้งหลักเริ่มต้นใหม่เป็นเวลา 3 ปี จะทำให้มีความสามารถชำระหนี้เพิ่มขึ้น โดยกลไกจะไม่ต้องจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นเวลา 3 ปี และดอกเบี้ยจะไม่มาทบต้นทบดอก เหมือนโครงการพักหนี้เกษตรกร และพักหนี้อื่นๆ ที่เคยมีมา

โดยจะต้องเป็นหนี้ในระบบที่มีการทำสัญญาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย กับเจ้าหนี้ที่รัฐบาลรับรองให้ปล่อยเงินกู้ได้ ได้แก่ ธนาคาร สถาบันการเงิน สหกรณ์ กยศ. กองทุนหมู่บ้าน บัตรเครดิต ไฟแนนซ์ ลีสซิ่ง เป็นต้น ซึ่งพรรคภูมิใจไทยจะใช้วิธีออกพันธบัตรรัฐบาล ชื่อ พันธบัตรคนไทยรวมพลัง หรือพันธบัตรไทยพาวเวอร์ จำหน่ายให้แก่ประชาชนผู้มีเงินฝาก อัตราดอกเบี้ย 2.50-3.00% ต่อปี แล้วนำเงินที่ได้จากการขายพันธบัตรมาแก้ปัญหาหนี้สินให้ประชาชนที่เป็นหนี้ เมื่อครบเวลาพักหนี้ 3 ปี ประชาชนจะมีความสามารถชำระหนี้ได้เพิ่มขึ้น เจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้มากขึ้น ลดปัญหาหนี้สินให้ประชาชน ลดปัญหาหนี้เสียให้ธนาคาร สถาบันการเงิน สหกรณ์ และกองทุนต่างๆ ที่เป็นเจ้าหนี้

ส่วนพรรคเพื่อไทย ไม่มีการอธิบายให้ชัดเจนว่า นโยบายการแก้ปัญหาหนี้สินของพรรคจะมีลักษณะอย่างไร มีแต่เพียง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย หาเสียงว่าจะไม่เน้นแค่การพักหนี้ แต่จะล้างหนี้ให้ประชาชนจนหมดสิ้น โดยเปิดโอกาสให้คนที่ต้องการสร้างเนื้อสร้างตัว หรือวิสาหกิจชุมชนสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้หลากหลาย มีดอกเบี้ยต่ำ มีกองทุนหมู่บ้านที่ขยายบทบาทมากขึ้น กองทุนร่วมทุน และการระดมทุนแบบ crowdfunding ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ระบุว่า จะเอารายได้ใหม่มาแก้ปัญหาให้ระบบเศรษฐกิจไทย รายได้ใหม่จากภาคการเกษตร ต้องขับเคลื่อนโดยตลาดนำนวัตกรรมเสริมเพิ่มรายได้เป็นหลัก
กำลังโหลดความคิดเห็น