xs
xsm
sm
md
lg

"หมอสมิทธิ์" ชี้แอลกอฮอล์ในเลือดหายไปทุกชั่วโมง จี้คำนวณค่าเลือด "เสี่ยเบนท์ลีย์" ย้อนหลัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หมอสมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย เผยข้อมูลตามหลักวิทยาศาสตร์ด้วยว่า “แอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ป่วยจะหายไปทุกๆ ชั่วโมงที่ผ่านไป” ชี้เคส "เสี่ยเบนท์ลีย์" ควรคำนวณปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดย้อนหลังเพื่อความแม่นยำ

จากกรณี นายสุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์ ผู้ก่อเหตุขับรถหรูเบนท์ลีย์มาด้วยความเร็วจนเกิดอุบัติเหตุพุ่งชนรถยนต์มิตซูบิชิเสียหลักไปชนรถดับเพลิง อปพร.บางรัก เสียหายทั้ง 3 คันพังยับบนทางด่วน แต่เจ้าของรถหรูเบนท์ลีย์กลับปฏิเสธการเป่าแอลกอฮอล์ โดยอ้างว่าเจ็บหน้าอก แต่ขอเป็นการตรวจเลือดแทน ซึ่งทำให้เกิดข้อกังขาว่ากลัวผลการตรวจไม่แม่นยำ

จากนั้นมีรายงานผลการตรวจสอบเลือดของนายสุทัศน์ เจ้าของรถหรูเบนท์ลีย์ จากโรงพยาบาลตำรวจ พบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดอยู่ที่ระดับ 10 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ดังนั้นกฎหมายจึงถือว่าไม่เข้าข่ายเมาแล้วขับ

อ่านข่าวประกอบ - "เสี่ยจั๊บ เบนท์ลีย์" รอดคดีเมาแล้วขับ! ตรวจพบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดแค่ 10 mg%

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 ม.ค. เฟซบุ๊ก "Smith Fa Srisont" หรือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กรรมการแพทยสภา และนายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย ได้ออกมาโพสต์ในเรื่องการเป่าลมหายใจตรวจหาแอลกอฮอล์ โดยระบุว่า "ที่ตำรวจไม่ได้ให้เป่าลมหายใจตรวจหาแอลกอฮอล์ในเลือดของคนขับรถ แต่ส่งไปให้แพทย์เจาะเลือดส่งตรวจแทน จริงๆ พอยอมรับได้นะครับกับการให้เจาะเลือด แต่ต้องใช้หลักวิทยาศาสตร์ด้วยว่า “แอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ป่วยจะหายไปทุกๆ ชั่วโมงที่ผ่านไป” ดังนั้นผลเเอลกอฮอล์ในเลือด ณ เวลาที่เจาะจะใช้ไม่ได้ ต้องส่งให้แพทย์นิติเวชทำการคำนวณหาแอลกอฮอล์ในเลือด ณ เวลาที่เกิดอุบัติเหตุ

นอกจากนี้ ต้องส่งคนขับรถไปเจาะตรวจเลือดให้เร็วที่สุด ถ้ามีการประวิงเวลาในการตรวจ เท่ากับเป็นการปฏิเสธการตรวจได้เลย เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ผมเห็นมานานว่า ในไทยทางตำรวจไม่ค่อยมีการส่งให้แพทย์ทำการคำนวณ ย้อนกลับกัน ทั้งๆ ที่ต่างประเทศทำกันเป็นเรื่องปกติ หรือในไทยบริษัทประกันชีวิตก็มีการให้คำนวณแบบนี้แล้ว นอกจากนี้บางทียังมีการส่งคนขับรถไปโรงพยาบาลให้เจาะเลือดช้า บางทีที่เคยเจอคือ ไม่กำหนดให้ไปเจาะเลยทันที ให้ไปตอนเช้าอีกวันเลยก็มี ซึ่งแบบนี้แทบไม่มีความหมายเลยครับ

นอกจากนี้ ในการเลือกให้เป่าลมหายใจตรวจแอลกอฮอล์หรือเจาะเลือด ตามกฎหมายระบุว่าให้ตรวจจากการเป่าลมหายใจก่อน ถ้าไม่สามารถทดสอบได้ จึงตรวจจากเลือด ดูได้ตามรูป ดังนั้นไม่ควรอ้างว่าตรวจจากเลือดแปลผลดีกว่า แล้วไม่ตรวจลมหายใจ ทั้งๆ ที่คนขับรถสบายดี เพราะผิดหลักกฎหมายและการตรวจช้าลงก็ได้ผลที่ถูกต้องช้าลงด้วย ปล.หากเคสนี้ไม่มีการคำนวณย้อนกลับ สามารถเชิญผมไปเป็นพยานเพื่อช่วยในการคำนวณได้นะครับ"




กำลังโหลดความคิดเห็น