เพจ "สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว" โพสต์รายงานความคืบหน้าผลตรวจพบปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของ เสี่ยจั๊บ เจ้าของรถหรูเบนท์ลีย์ อยู่ที่ระดับ 10 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ดังนั้นกฎหมายจึงถือว่าไม่เข้าข่ายเมาแล้วขับ
จากกรณี นายสุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์ ผู้ก่อเหตุขับรถหรูเบนท์ลีย์มาด้วยความเร็วจนเกิดอุบัติเหตุพุ่งชนรถยนต์มิตซูบิชิเสียหลักไปชนรถดับเพลิง อปพร.บางรัก เสียหายทั้ง 3 คันพังยับบนทางด่วน แต่เจ้าของรถหรูเบนท์ลีย์กลับปฏิเสธการเป่าแอลกอฮอล์ โดยอ้างว่าเจ็บหน้าอก แต่ขอเป็นการตรวจเลือดแทน ซึ่งทำให้เกิดข้อกังขาว่ากลัวผลการตรวจไม่แม่นยำ
ล่าสุดวันนี้ (11 ม.ค.) เพจ "สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว" โพสต์รายงานความคืบหน้าผลการตรวจเลือดคนขับเบนท์ลีย์ มีรายงานออกมาว่า ไม่เกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ระดับ 10 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์เท่านั้น ดังนั้นกฎหมายจึงถือว่าไม่เข้าข่ายเมาแล้วขับ และโรงพยาบาลตำรวจส่งผลตรวจให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีนำไปประกอบสำนวนแล้ว
สำหรับผลการตรวจเลือดของผู้ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลีย์ที่ขับรถเฉี่ยวชนรถ 2 คัน มีผู้บาดเจ็บ 8 คน บริเวณบนทางด่วนเวลา 00.35 นาฬิกา วันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งพนักงานสอบสวนรอผลการตรวจวัดแอลกอฮอล์และสารเสพติดจากทางโรงพยาบาลตำรวจ แต่เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาขับรถเฉี่ยวชนผู้อื่นเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหายและได้รับบาดเจ็บ
มีรายงานจากโรงพยาบาลตำรวจระบุว่า ผลการตรวจเลือดทางห้องแล็บ พบว่าผู้ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อเบนท์ลีย์มีผลเลือดประมาณแค่กว่า 10 มิลลิกรัมฯ ไม่เกิน 20 มิลลิกรัมฯ โดยผลอย่างเป็นทางการโรงพยาบาลตำรวจส่งให้พนักงานสอบสวนเจ้าของพื้นที่รับผิดชอบไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยกระบวนการจากนี้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องชี้แจงรายละเอียดคดีต่อไป
ทั้งนี้ ตามกฎหมายระบุว่า หากพบว่าผลการตรวจวัดแอลกอฮอล์จากลมหายใจ หรือปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่มีค่าเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถ้ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ให้ถือว่าเมาสุราเช่นกัน