เพจ "วันนั้นเมื่อฉันสอน" เปิดเผยด้านมืดของการศึกษาไทยที่คนในระบบมองว่า "การสอนไม่นับเป็นผลงาน" แต่ถ้าหากพลาดเรื่องเอกสาร ไม่เตรียมรายงานจะโดนด่าทันที ถามนักเรียนอยู่ตรงไหนของระบบนี้ ชี้หมดเวลาครูถูกดึงออกนอกห้องเรียนเพื่อทำงานอื่น แนะหากจะพัฒนาการศึกษาเราต้องแยกได้แล้วว่าหน้าที่หลักของครูคืออะไร
เมื่อวันที่ 8 ม.ค. เพจ "วันนั้นเมื่อฉันสอน" ได้โพสต์ข้อความเปิดเผยเรื่องราวสุดอึ้งของระบบการศึกษาไทย ที่คนในระบบมองว่า "การสอนไม่นับเป็นผลงาน" แต่ถ้าหากไม่มีรายงาน ไม่เบิกจ่าย ไม่เตรียมเอกสารประเมินให้สำรวจหรือขอข้อมูล ชื่อโรงเรียนขึ้นตัวแดงที่เขตจะโดนด่าทันที ทั้งนี้ ทางเพจได้ระบุข้อความว่า
"การศึกษาในประเทศนั้นจะต้องย่ำแย่ขนาดไหน จนกระทั่งคนในระบบมองว่า "การสอนไม่นับเป็นผลงาน"
"สอนหนังสือใครก็สอนได้ ต้องงานนอกสิ" แล้วนักเรียนอยู่ตรงไหนของระบบนี้
เรื่องจริงอย่างหนึ่งก็คือ ไม่สอนหนังสือไม่มีใครว่า แต่ไม่ทำงานส่งโดนด่า ต่อให้มีเวลาทิ้งห้องเรียนไปนั่งประจบ ไม่สอนอ้างว่าดูแลนั่นนี่หรือนินทาใครเป็นวันๆ ก็ตามแต่จะไม่มีใครว่าหรือทำอะไรได้ ไม่ได้ผิดร้ายแรงเท่ากับ ไม่รายงาน ไม่เบิกจ่าย ไม่เตรียมเอกสารประเมินให้สำรวจหรือขอข้อมูล ชื่อโรงเรียนของคุณจะขึ้นตัวแดงที่เขตและโดนด่าทันที
ภาระงานอื่นที่นอกเหนือจากการสอนกำลังฉุดรั้งระบบการศึกษาไทยและประสิทธิภาพของครู "ไม่ควรมีครูคนไหนต้องถูกดึงออกนอกห้องเรียนเพื่อทำงานอื่น" เหมือนกับนักฟุตบอลที่ไม่ควรต้องมาทำอาหาร ทำบัญชีขายของที่ระลึก เรื่องแปลกอย่างหนึ่งคือ คนในระบบกลับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ หรือรู้แต่ไม่มีใครพูดมันออกมา
เมื่อครูต้องทำมากกว่าสอน ทำให้เกิดความคลุมเครือในหน้าที่เช่นไปขลุกอยู่ห้อง ผอ.เป็นวันๆ โดยอ้างว่าต้องรายงานนั่นนี่ ออกไปข้างนอกเพื่อทำงานส่งเขตโดยไม่รู้ว่าจริงแท้เป็นอย่างไร ไปจริงไหม คนไปจริงก็มีชื่นชมในความรับผิดชอบ แต่คนที่อ้างแล้วหายไปเป็นวันๆ ก็มีเช่นกันเพราะหน้าที่ครูไม่ชัดเจนใครจะสั่งอะไรอ้างอะไรก็ได้เพียงเพราะคำว่า
"หน้าที่อื่นที่ได้รับมอบหมาย"
เจ้านายชอบตีกอล์ฟให้ครูไปเสิร์ฟน้ำก็ยังได้เพราะเป็นภาระงานที่ได้รับมอบหมายเหมือนกัน ไม่ทำก็ไม่เติบโต จนไม่รู้จะสอนไปทำไมเอาเวลาไปประจบสอพลอ นอกห้องเรียนยังจะดีกว่า
หากจะพัฒนาการศึกษาเราต้องแยกได้แล้วว่าหน้าที่หลักของครูคืออะไร เลิกเอาทุกอย่างมาลงที่โรงเรียนและครูได้แล้ว และควรมีการเพิ่มบุคลากรสายสนับสนุน ไม่ใช่ครูยังต้องทำอาหารกลางวัน แต่งกิ่ง ตัดหญ้า ทาสี ขายของสหกรณ์ แต่ก็เข้าใจได้ที่ต้องทำอย่างนี้เพราะหมดปัญญาในการแก้ปัญหาจึงยัดเยียดทุกอย่างมาไว้แค่ที่คำว่า "เสียสละ" คำว่าเสียสละจึงเป็นการลดต้นทุนการผลิดที่ง่ายที่สุด
การศึกษาเป็นปัญหาของทุกคน ครูและผู้ปกครองควรร่วมช่วยกันส่งเสียงเพราะวันหนึ่งเมื่อมีโจรผู้ร้ายเกิดขึ้นเพราะได้รับการศึกษาที่ไม่มีคุณภาพ จะต้องเป็นลูกหลานของคนดีๆ ที่ต้องสังเวยชีวิตแล้วต้องไปตามจับคนเหล่านั้นกลับมา สร้างเด็กที่ดี ง่ายกว่าการซ่อมผู้ใหญ่ที่เสีย จงเชื่ออย่างนั้นเพราะเมื่อเชื่อเราจะทำทุกอย่างให้เกิดระบบการศึกษาที่ดี
แต่หากยังเชื่อว่าระบบการศึกษาที่เป็นอยู่ดีแล้วก็ต้องถามผู้ปกครองว่าคุณอยากให้ลูกคุณเรียนกับครูที่ "สอนเก่ง" หรือ "ทำงานอื่นเก่ง" คุณภูมิใจใช่ไหมที่ครูไปนั่งในห้องประชุม ขณะที่ตอนนั้นเป็นเวลาสอน ลูกคุณพอใจใช่มั้ยที่เห็นเขาดายหญ้า ทั้งที่มีชั่วโมงในตาราง ถ้าพอใจแค่นั้น ระบบการศึกษาบ้านเราก็มาได้แค่นี้แหละไม่มีหวังที่มันจะพัฒนาไปได้มากกว่านี้ เพราะถ้าทำให้ครูแข่งกันสอนไม่ได้
"นักเรียนก็ไม่มีความหมายใดๆ ในระบบการศึกษา""