จากกรณีมีการลงข่าวอดีตผู้ช่วยเลขานุการรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์ มีผู้เสียหายซึ่งเป็นสาวใหญ่ที่รู้จักกันจากการอบรมหลักสูตรของคณะกรรมการการเลือกตั้ง รายละเอียดว่า สาวใหญ่ได้ให้ของมีค่าจำนวนหลายรายการแก่อดีต ผช.เลขาฯ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ยืมไปใช้ และต่อมาขอคืนปรากฏว่าไม่ได้รับคืนจึงได้ดำเนินการแจ้งความ
วันนี้ (7 ม.ค. 66) นายอดิศักดิ์ แสงชูชัย เป็นตัวแทนได้รับมอบหมายจากอดีตผช.เลขาฯ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมนำหลักฐานเอกสารสำคัญมาแสดง เช่น ข้อความบทสนทนาทางไลน์ซึ่งเป็นการยืนยันว่า เป็นการแลกเปลี่ยนของกัน โดยมีทรัพย์สินมีค่าที่ได้ซื้อ เช่น นาฬิกาปาเต๊ะจำนวน 3 เรือน มูลค่ากว่า 6 ล้านบาท ต่างหูเพชร 1 คู่ มูลค่า 7 แสนบาท และสินค้าแบรนด์เนมอีกหลายรายการ รวมมูลค่ามากกว่า 10 ล้านบาท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายอดิศักดิ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้อดีต เลขาฯ เข้าใจว่าสาวใหญ่ดังกล่าวเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ จึงได้ซื้อของมีค่าให้ และทุกครั้งสาวใหญ่คนนี้จะเอาพระเครื่องมาให้ โดยอ้างว่าได้พระเครื่องดังกล่าวมาจากอดีตรัฐบุรุษ และมักจะอ้างว่าตนเองเป็นบุตรบุญธรรม ซึ่งทำให้อดีตเลขาฯ หลงเชื่อ ต่อมาทางอดีต เลขาฯ ได้นำพระเครื่องที่ได้รับมาไปให้ผู้เชี่ยวชาญดูจึงทราบว่าเป็นของปลอม ทั้งนี้ หลักฐานที่ตนได้รับมอบมาจากอดีตเลขาฯ ให้เข้าดำเนินคดีในวันนี้เป็นหลักฐานที่มีความชัดเจนทั้งพยานเอกสาร และพยานบุคคล
ส่วนเหตุที่เข้าใจว่าสาวใหญ่ดังกล่าวมาแบล็กเมล์นั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางอดีต เลขาฯ ได้แจ้งความดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทและข้อหาฉ้อโกงไปก่อนแล้ว โดยพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกสาวใหญ่คนดังกล่าว จึงทำให้ไม่พอใจและหาเหตุในการสร้างเรื่องมาเพื่อเป็นการต่อรอง ดังนั้นทางอดีตเลขาฯ จึงจำเป็นต้องปกป้องศักดิ์ศรีของตน
นายอดิศักดิ์ได้กล่าวต่ออีกว่า ด้านอดีตเลขาฯ ได้ขอฝากไปถึงสำนักข่าวบางสำนักที่ลงข่าวบิดเบือนความจริงและยังอ้างว่าพยายามติดต่อตน ซึ่งตนไม่เคยได้รับการติดต่อใดๆ เลย จึงขอความเห็นใจจากสื่อที่ตนคิดว่ามีจรรยาบรรณ ช่วยให้ความเป็นกลาง และแสวงหาข้อเท็จจริงอย่างครบถ้วนก่อนจะนำเสนอข่าวใดๆ ตนมีข้อมูลว่าผู้บริหารของสำนักข่าวดังกล่าวมีความสัมพันธ์ส่วนตัวและยอมเป็นเครื่องมือของสาวใหญ่คนนี้ ซึ่งตนย้ำอีกครั้งว่าอยากจะให้สื่อทำหน้าที่เป็นกลางและดำรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของความเป็นสื่ออาชีพ
สุดท้ายตนขอเตือนคนที่เข้าไปใกล้ชิดสาวใหญ่คนนี้ ให้ดูกรณีของตนเป็นตัวอย่าง อย่าได้หลงเชื่อกับภาพหรูหราที่พยายามสร้างให้เกิดความน่าเชื่อถือ และใครที่ได้พระเครื่องจากสาวใหญ่คนนี้ไป ขอให้เอาไปตรวจสอบให้ดี เพราะคนที่ตนรู้จักที่เคยได้พระเครื่องจากหญิงคนดังกล่าวไปต่างลงความเห็นให้สาวใหญ่คนนี้มีฉายาว่า เจ๊ ก.พระปลอม
อีกประเด็นที่สำคัญที่สุด สำหรับผู้ที่เป็นข้าราชการให้ระมัดระวังเนื่องจากในขณะนี้มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายคนที่ถูกสาวใหญ่คนนี้หลอกใช้งานจนต้องถูกดำเนินคดี