เผยทรัพย์สิน “สุทธิพงษ์” ปลัดปากแจ๋ว ด่าลูกน้องจนดังสนั่นโซเชียล แจ้ง ป.ป.ช.เมื่อปี 63 รวมของคู่สมรสมีมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท จนได้รับฉายาว่า "ปลัดมหาดไทยหมื่นล้าน"
จากกรณีหลังโลกออนไลน์เผยคลิปการประชุมข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ที่มีการถ่ายทอดระบบซูมไปยังหลายจังหวัด โดยช่วงหนึ่งได้เปิดให้ข้าราชการรายหนึ่งรายงานเกี่ยวกับพัฒนาสินค้าของราชทัณฑ์โดยมีการพูดจาไม่เหมาะสมกับข้าราชการชั้นผู้น้อย
ต่อมา ปลัด มท.ออกมาโพสต์ขอโทษ หลังคลิปด่ากราด ขรก.ว่อนโซเชียล ปัดเหยียดสถานศึกษา รับเป็นคนลูกทุ่ง ดุแรง แต่ไม่เคยโกรธแค้น ย้ำเจตนาเร่งรัดงานเพื่อ ปชช. เพราะไม่มีความคืบหน้า แต่รับถึงเวลาฟังคำเตือนเลิกด่าลูกน้อง ขอบคุณทุกคำตำหนิรวมถึงคนในครอบครัว
สำหรับ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รายนี้จบการศึกษาปริญญาตรี และปริญญาโท รัฐศาสตร์บัณฑิต และรัฐศาสตรมหาบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาภาวะผู้นำเชิงยุทธศาสตร์ความเป็นเลิศ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต รัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และรัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
การอบรมหลักสูตรปลัดอำเภอ รุ่นที่ 92 หลักสูตร นอ.รุ่นที่ 48 หลักสูตร นบส.รุ่นที่ 67 หลักสูตร วปอ.รุ่นที่ 55 หลักสูตรจิตอาสา 904 หลักสูตรพื้นฐานรุ่นที่ 1/62 หลักสูตรฝึกทบทวนจิตอาสา 904 (Upgrade)รุ่นที่ 1/63
ประวัติการรับราชการ
เริ่มจากการเป็นปลัดอำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง เมื่อปี 2531 จากนั้นปี 2534 มานั่งเป็นปลัดอำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ปี 2538 เป็นปลัดอำเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์ ช่วยราชการสำนักงานเลขานุการ กรมการปกครอง
ปี 2541 ช่วยราชการสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อปฏิบัติหน้าที่เลขานุการให้แก่นายพลากร สุวรรณรัฐ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้อำนวยการ ศอ.บต. ในขณะนั้น
ปี 2543 นั่งเป็นปลัดอำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ในปีเดียวกันโยกมานั่งเป็นปลัดอำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม และปี 2545 ขยับมานั่งเป็นปลัดเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม
ปี 2546 เป็นปลัดอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี และเป็นปลัดอำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ในปี 2547 และในปี 2548 เป็นปลัดอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร
ปี 2549 เป็นหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย เติบโตขึ้นไปนั่งเป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ในปี 2551 รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายกในปี 2552 ก่อนก้าวขึ้นเป็น “ผู้ว่าฯ นครนายก” ที่อายุน้อยที่สุดในปี 2553
ปี 2555 ถูกโยกมานั่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ก่อนกลับไปดำรงตำแหน่ง “ผู้ว่าฯ สระบุรี” ในปี 2556 และเป็นผู้ว่าฯ ชัยนาท ปี 2557
ปี 2558 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย กระทั่งมานั่งเป็น อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในปี 2560 และอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ตั้งแต่ปี 2562 และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยเมื่อปี 2564
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย แจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2563 ในสมัยที่ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชุน ว่าเขาและภรรยา ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ มีทรัพย์สินรวมกันกว่า 1 หมื่นล้านบาท
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ มีทรัพย์สิน 15,724,125 บาท ได้แก่ เงินฝาก 194,745 บาท เงินลงทุน 2,088,830 บาท ที่ดิน 13,440,550 บาท ไม่มีหนี้สิน
ด้าน ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ภรรยา มีทรัพย์สิน 10,209,774,199 บาท ได้แก่ เงินสด 1 ล้านบาท เงินฝาก 7,423,410 บาท เงินลงทุน 9,164,610,873 บาท เงินให้กู้ยืม 538,921,611 บาท ที่ดิน 43,761,550 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 236,812,440 บาท ทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป) 217,253,314 บาท ไม่มีหนี้สิน
สำหรับทรัพย์สินที่น่าสนใจของ ดร.วันดี พอร์ตหุ้นรวม 18 รายการ ที่เหลือเป็นการลงทุนในกองทุนเปิดในตลาดหลักทรัพย์ และธนาคาร รวมถึงสหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ โดยพอร์ตหุ้นที่มีมูลค่ามากสุดคือ SPCG จำนวน 298,950,000 หุ้น ได้มาเมื่อ 29 มี.ค. 2554 มูลค่าหุ้นที่ถือในมือ ล่าสุด ณ วันที่ 29 ธันวาคม 2565 กว่า 4,274 ล้านบาท (ราคาหุ้นอยู่ที่ 14.30 บาท) รองลงมาคือ UBS จำนวน 95,200,050 หุ้น ได้มา 20 ต.ค. 2560 มูลค่ารวม ณ ปี 2564 กว่า 2,078 ล้านบาท
มีเงินให้กู้ยืม 6 รายการ 538,921,611 บาท แบ่งเป็น บริษัท แคปปิตอล เวิร์ค เพลส จำกัด ระหว่างปี 2551-2562 รวม 482,399,691 บาท บริษัท ดวงแก้ว เชียงใหม่ จำกัด ระหว่างปี 2551-2562 รวม 34,674,060 บาท บริษัท เสริมศรี โฮลดิ้ง จำกัด ระหว่างปี 2551-2562 รวม 4,360,445 บาท บริษัท โชคชัย ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด ระหว่างปี 2558-2562 รวม 9,990,165 บาท นายชาตรี โสวรรณตระกูล 2 ครั้ง รวม 7,497,250 บาท
มีอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ อย่างน้อย 2 แห่ง ระบุว่าเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกับลูกสาว ได้แก่ Apartment แห่งหนึ่งตั้งอยู่ Block 3, 5 Pearson Square, London W1T 3BF ได้มา 1 ม.ค. 2558 รวมมูลค่า 25 ล้านบาท และ Apartment อีกแห่งตั้งอยู่ Centre Point, New Oxford Street, London ได้มา 16 ก.ย. 2558 รวมมูลค่า 83,250,000 บาท
ดร.วันดีมีรายได้ระหว่าง (1 ต.ค. 2560-1 ต.ค. 2563) รวม 1,325,968,003 บาท เป็นเงินเดือน โบนัส 26,665,207 บาท ค่าเบี้ยประชุม ค่าตอบแทน 1,215,000 บาท เงินปันผล 1,286,246,562 บาท จำหน่ายกระแสไฟฟ้า 391,887 บาท ค่าชดเชยเกษียณอายุ 8,625,133 บาท เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (กรณีเกษียณอายุ) 2,824,212 บาท มีรายจ่ายรวม 70,026,633 บาท เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 45 ล้านบาท เงินบริจาคปี 2561-2563 รวม 25,026,633 บาท
ปัจจุบัน ดร.วันดี เป็นประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG โดยผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2565 มีสินทรัพย์รวม 24,135.45 ล้านบาท หนี้สินรวม 3,830.46 ล้านบาท รายได้รวม 3,121.92 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,649.77 ล้านบาท
ธุรกิจของกลุ่ม SPCG ประกอบด้วย
1. ธุรกิจลงทุนและพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) ธุรกิจบริการรับเหมาก่อสร้างโซลาร์ฟาร์มแบบครบวงจร (Engineering, Procurement and Construction: EPC) และธุรกิจบริการด้านการปฏิบัติการ การบำรุงรักษา และการประมวลผลโซลาร์ฟาร์ม (Operation, Maintenance and Monitoring: OM&M)
2. ธุรกิจจำหน่ายและติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof)
3. ผู้แทนจำหน่ายและผู้ให้บริการเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) อย่างเป็นทางการ (Authorised Sales & Service Partnership) ของ SMA Solar Technology AG (SMA) ประเทศเยอรมนี
4. ธุรกิจผลิต จำหน่าย และให้บริการติดตั้งหลังคาเหล็ก (Metal Sheet Roofing) พร้อมบริการครบวงจร