บนสื่อสังคมออนไลน์ มีการแบ่งปันบทความของ อรสม สุทธิสาคร นักเขียนสารคดี หัวข้อ "พระองค์ภา ... ผู้มอบชีวิตใหม่ให้คนคุก" รำลึกในพระกรุณาธิคุณ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา ที่ทรงมีน้ำพระทัยและความเมตตาต่อผู้ต้องราชทัณฑ์ พร้อมถวายพระพร ขอให้ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรง เพื่อเป็นที่พึ่ง เป็นแสงสว่างแห่งความหวังต่อไป
วันนี้ (19 ธ.ค.) บนโซเชียลฯ มีการแชร์โพสต์จากเฟซบุ๊ก "อรสม สุทธิสาคร" ของ น.ส.อรสม สุทธิสาคร นักเขียนสารคดี ซึ่งเขียนบทความหัวข้อ "พระองค์ภา ... ผู้มอบชีวิตใหม่ให้คนคุก" เพื่อรำลึกในพระกรุณาธิคุณ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ที่ทรงมีน้ำพระทัยและความเมตตาต่อผู้ต้องขังในเรือนจำ ความว่า
"เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ครั้งที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ยังเป็นเพียงตึกสองชั้น 4 หลังเล็กๆ บรรยากาศร่มเย็นด้วยต้นหมากรากไม้ และบึงน้ำเล็กๆ มีดอกบัวชูช่อไสว โรงพยาบาลได้รับงบประมาณค่ายาเพียงปีละเป็นเรือนแสน ซึ่งนับว่าน้อยมากหากเทียบกับจำนวนผู้มาใช้บริการ
มีเจ้าฟ้าพระองค์หนึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย บริจาคเงินค่าขนมเดือนละ 2,000 บาททุกเดือน เพื่อช่วยต่อลมหายใจให้กับผู้ป่วยที่นี่ ทั้งยังเสด็จมาเยี่ยมผู้ป่วยเป็นระยะๆ ถึงข้างเตียง เพื่อมอบกำลังใจให้กับผู้ป่วย โดยไม่ทอดทิ้ง และยังมอบหนังสือที่ได้อ่านแล้วให้กับผู้ป่วยได้อ่านต่อ เป็นการทำบุญแบบเงียบๆ เจ้าฟ้าหญิงพระองค์นี้ทรงเป็นหนอนหนังสือ อ่านหนังสือทุกประเภท จากหลากนักเขียน ทั้งนวนิยาย ฯลฯ แม้หนังสือสารคดีหนักๆ ก็ทรงอ่าน และเสด็จงานสัปดาห์หนังสือเป็นการส่วนพระองค์เป็นนิจ นับแต่ครั้งยังจัดงานที่กระทรวงศึกษาฯ
น้ำพระทัยและความเมตตาจากเจ้าฟ้าพระองค์นี้ จารึกอยู่ในใจผู้ต้องขังเจ็บป่วยตลอดมา โดยที่คนภายนอกมิได้ล่วงรู้
ต่อมาเมื่อทรงเจริญวัยขึ้นเป็นนักกฎหมาย ทรงให้กำเนิดโครงการกำลังใจในพระดำริฯ ทำกิจกรรมสารพัดเป็นอเนกอนันต์ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้ต้องราชทัณฑ์จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว
นักเขียนสารคดีคนหนึ่ง เคยตั้งปรารถนาไว้ว่าจะนำต้นทุนที่ตนพอมี คือความรู้ด้านการเขียนไปสอนการเขียนเรื่องเล่าให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำกลางบางขวาง เพื่อหวังให้งานเขียนของพวกเขาได้เป็น “ครู” เป็นอุทาหรณ์ให้กับสังคม ความปรารถนานี้ถูกเก็บงำอยู่ในใจมานานถึงสิบกว่าปี เพราะเป็นสิ่งที่ยากจะเป็นไปได้
ต่อเมื่อวันหนึ่งได้มีโอกาสเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ จึงได้มีโอกาสกราบบังคมทูลถึงเรื่องนี้ ครั้งนั้นโครงการกำลังใจในพระดำริฯ ยังไม่มีการทำกิจกรรมในเรือนจำชาย เจ้าฟ้าพระองค์นั้นได้เปิดโอกาสให้นักเขียนสารคดีเล็กๆ กลุ่มหนึ่งเข้าไปสอนการเขียน “เรื่องเล่าจากแดนประหาร” ได้ ในนามของโครงการกำลังใจในพระดำริฯ ร่วมกับกรมราชทัณฑ์และหน่วยงานอื่นๆ
ชีวิตการเป็นครูในเรือนจำของคนเขียนสารคดีเล็กๆ กลุ่มหนึ่งเริ่มต้นที่บางขวาง เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2553 ก่อนวันเกิดอายุครบ 53 ปีของครูใหญ่ในชั้นเรียนการเขียนเพียงสองสามวัน นักเรียนของเรามีทั้งโทษประหาร ที่มาเรียนกันด้วยโซ่ตรวนที่ล่ามขา ที่เหลือเป็นโทษตลอดชีวิต
ด้วยความใส่ใจ และความเมตตา เจ้าฟ้าพระองค์นั้นยังเสด็จเป็นการส่วนพระองค์ มาประทานประกาศนียบัตรหลังจบหลักสูตร นักเรียนทุกคนตื่นเต้น ปลื้มปีติใจกันมาก พวกเขาบอกกับพ่อแม่ คนในครอบครัวว่าแม้อยู่ในก้นคุกก้นตะราง ก็ยังได้มีโอกาสเข้าเฝ้าใกล้ชิด พวกเราทั้งครูและนักเรียนยังจดจำบรรยากาศที่แสนสดชื่น ซึ่งเกิดขึ้นนานๆ ครั้งในเรือนจำได้
นักเขียนสารคดีกลุ่มเล็กๆ กลุ่มนี้ยังคงเข้าไปสอนในแดนหญิง เรือนจำต่างๆ อีกราว 20 กว่าแห่งในช่วงเวลาต่อมา นับเป็นประสบการณ์ที่มีค่าต่อชีวิต จิตใจของเราอย่างยิ่ง ไม่นับการทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่องในบางขวาง เช่น โครงการจิตอาสาจากแดนประหาร สอนลูกศิษย์ถักหมวกถวายพระ ถักผ้าพันคอให้คนแก่ ทำหนังสืออักษรเบรลล์ให้คนตาบอด โครงการนิทานสร้างสุข สอนลูกศิษย์เขียนนิทานภาพสำหรับเด็ก และโครงการที่ประทับใจที่สุด คือโครงการสอนปั้นพระพุทธรูป ทั้งการเขียนและการปั้นพระ ดำเนินมาจนถึงรุ่นที่ 4
สำหรับสังคมภายนอก ค่าชีวิตของผู้ต้องขังคนหนึ่ง อาจไม่ต่างจากเดนคน ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้ผิดพลาดหรือแพะ ชีวิตในเรือนจำไม่ต่างจากแดนสนธยา ยิ่งเวลาเจ็บป่วยด้วยแล้วช่างน่าเวทนานัก หากปวดฟันก็ต้องทนทรมานอยู่อย่างนั้นเป็นเดือนเป็นปี การเข้าถึงสถานพยาบาลในเรือนจำ กว่าจะได้พบพยาบาลก็ยากเต็มที กว่าจะได้ยาแก้ปวดสักเม็ด ก็ช่างยากเย็นแสนเข็ญ
คนในเรือนจำเท่านั้นที่จะรับรู้และเข้าใจ คุกไม่ต่างจากนรกบนดินดีๆ นี่เอง
ในจำนวนเรือนจำทั้งหมด 100 กว่าแห่งทั่วประเทศ มีเพียงทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และสถานพยาบาลของเรือนจำกลางบางขวางเท่านั้นที่มีแพทย์อยู่ประจำ
โครงการราชทัณฑ์ปันสุข ที่เกิดขึ้นด้วยน้ำพระทัยของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ และพระราชวงศ์ โดยเฉพาะเจ้าฟ้าพระองค์นั้น ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังทั่วประเทศดีขึ้นมาก พวกเขาสามารถเข้าถึงการรักษาที่ดีขึ้นราวพลิกฝ่ามือราวอยู่คนละโลกจากเดิม เข้าถึงหมอ เข้าถึงการรักษาได้ดีขึ้น มีอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัยขึ้น เฉพาะที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์มีเครื่องฟอกไตอยู่เป็น 20 เครื่อง
บรรยากาศที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่กี่วันที่ผ่านมายังคงคึกคัก สดใส บรรดาผู้ต้องขังเจ็บป่วยที่นั่นกำลังตื่นเต้นที่จะได้เข้าเฝ้าเจ้าฟ้าพระองค์นั้น ที่จะเสด็จมาเยี่ยมเยียน เป็นกำลังใจให้พวกเขาในวันที่ 30 ธันวาฯ นี้
หนทางชีวิตของเจ้าฟ้าพระองค์นั้นไม่ใช่หนทางที่สะดวกสบาย ด้วยทรงทำงานหนัก พักผ่อนน้อยมาก บางคืนยังทรงไปนอนเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล ภาพที่เราท่านได้เห็นคือภาพของเจ้าฟ้าผู้ร่าเริง สดใส มีความกระตือรือร้น มีพลังชีวิต มีน้ำใจเมตตา เต็มด้วยความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น แต่ภาระมากมีที่แบกอยู่บนหลังไหล่นั้นเล่า ใครสักกี่คนที่จะเข้าใจและล่วงรู้
สำหรับคนเขียนสารคดีเล็กๆ คนหนึ่ง เจ้าฟ้าพระองค์นั้นคือผู้มีพระคุณที่เปิดโอกาสให้ได้ทำกิจกรรมในเรือนจำอย่างต่อเนื่องมา 12 ปีกว่าแล้ว ได้ดำเนินชีวิตที่พอเป็นประโยชน์แก่สังคม และแก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหาในนั้นได้ก็ด้วยพระเมตตาและด้วยพระหัตถ์ที่เปิด “โอกาส” ให้ได้ทำตามฝันที่ตั้งปรารถนาไว้ ได้พบความภูมิใจที่สุดในชีวิต คือการเป็นครูของคนคุก
จะมีหัวใจของใครกันที่จะมองเห็นคนทุกข์ จะมีมือของใครกันที่สนใจจะมาช่วย มาโอบอุ้มพวกเขา ฉุดเขาให้ขึ้นมาจากนรกบนดิน ให้มามีชีวิตอย่างเต็มคนเช่นที่เป็นอยู่ในวันนี้
แต่ดวงตาของเจ้าฟ้าพระองค์นั้นมองเห็น และมือของพระองค์ก็ได้เปิดบานประตูแห่ง “โอกาส” ให้กับพวกเขา ผู้ต้องราชทัณฑ์กว่า 3 แสนชีวิต
ขอกราบด้วยความระลึกพระคุณพระองค์ภาฯ ขอให้ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรงขึ้น เพื่อเป็นที่พึ่ง เป็นแสงสว่างแห่งความหวังของผู้ต้องราชทัณฑ์ต่อไป"
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่