xs
xsm
sm
md
lg

"นอท กองสลากพลัส" ร่ายยาว ปมต้องการนายทุนกู้เงิน 200 ล้าน ปล่อยวางคนวิจารณ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"นอท กองสลากพลัส" ร่ายยาว ปมโพสต์หานายทุนกู้เงิน 200 ล้านบาท หลังโดนชาวเน็ตแซวหนัก พร้อมปล่อยวางคอมเมนต์วิพากษ์วิจารณ์ที่โยงไปถึงทุนสีเทา

จากกรณี "นอท กองสลากพลัส" บอกมีนายทุนถอนทุนออก ต้องการเงินทุน 200 ล้าน จ่าย 1.25% ต่อเดือน ทวิตเตอร์สายดาร์กถาม นายทุนคนไหน ใช่ธุรกิจเทาๆ ไหม ส่วนอีกเพจตะลึง "งานไม่ใหญ่แน่นะวิ"

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. "นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) แพลตฟอร์มที่ชื่อว่า "กองสลากพลัส" ได้เคลื่อนไหวโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวอีกครั้ง ชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นการประกาศหานายทุน โดยเจ้าตัวได้อธิบายว่า

“มีประเด็นคอมเมนต์กันมากมายถึงเรื่องที่ผมโพสต์หานายทุน จำนวนเงิน 200 ล้านบาท

- มีคนคอมเมนต์แนวๆ ว่า ผมไม่ใช่เจ้าของตัวจริงหรือ?
- ไหนว่ามีหมื่นล้านทำไมต้องมาหาแค่ 200 ล้าน
- ประกาศหานายทุนบนเฟซบุ๊กเนี่ยนะ
- สงสัยนายทุนสีเทา
- นายทุนคือตู้ห่าวหรือเปล่า

และอีกหลายๆ เรื่องที่สรรหาจะคอมเมนต์กันตามสติปัญญาของแต่ละคน

ข้อแรก ธุรกิจนี้เป็นของผม 94% และเป็นของทีมงานผมอีก 6% ส่วนนายทุนทั้งหมดนั้นเป็นเพียงผู้ให้กู้ยืมเงินเท่านั้น

โดยปกติธุรกิจส่วนใหญ่เขาก็กู้เงินมาทำธุรกิจกันทั้งนั้นแหละครับ เพียงแต่เขาอาจจะกู้แบงก์ หรือขอหยิบขอยืมใครมาทำธุรกิจ

เพียงแต่ว่าของผมมันกู้แบงก์ไม่ได้ เพราะวงเงินมันสูงมาก บริษัทยังมีอายุเพียงสองปี และบริษัทไม่มีทรัพย์สินมาค้ำประกัน

ผมเองเริ่มธุรกิจนี้ด้วยเงินเพียงไม่ถึง 2 ล้านบาทในตอนแรก หลังจากที่เริ่มขายลอตเตอรี่ได้ และเห็นว่ามันพอมีอนาคต ผมก็เอารถ เอาบ้าน เอาคอนโดฯ ไปจำนอง, ขายฝากเพื่อมาทำธุรกิจ

เพราะธุรกิจลอตเตอรี่เป็นธุรกิจเงินสด และกองสลากพลัสเราโตเร็วมาก เร็วจนผมเองก็ตั้งตัวไม่ทัน

ลองคิดดูนะครับ ผมขายลอตเตอรี่ 1 ล้านใบต้องใช้เงินสดประมาณ 100 ล้านบาทในการซื้อของมาขาย

และช่วงที่ผมเติบโตหนักๆ จนรันด้วยตัวเองไม่ไหวคือช่วง 1-8 ล้านใบ

ช่วงนั้นผมเติบโตงวดละ 1 ล้านใบ นั่นหมายความว่าทุก 15 วันผมจะต้องหาเงินเพิ่มเพื่อมาซื้อของงวดละ 100 ล้านบาท หรือ หาเงินเพิ่มเดือนละ 200 ล้านบาทเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าผมจะใช้วิธีการซื้อหมุนหลายล็อต ซื้อมาชุดหนึ่ง 2 ล้านใบ พอขายได้ก็นำเงินไปหมุนซื้อมาใหม่

แต่สุดท้ายมันก็ไม่พอในการขายอยู่ดี เพราะปัจจุบันวันแรกเราต้องมีลอตเตอรี่ถึง 5 ล้านใบเพื่อจำหน่าย

ตอนที่ผมเริ่มหานายทุนหยิบยืมครั้งแรกนั้น ผมหอบเอาข้อมูลและยอดขายไปคุยกับเขาว่าผมสามารถจ่ายดอกให้เขาได้ทุกเดือน เพื่อกู้เงินเขา

ตอนนั้นผมมีลูกค้า 400,000 กว่าคน ขายได้ประมาณ 1.5 ล้านใบ

ซึ่งตัวผมเองนั้นก็มีชื่อเสียงในวงการอินไลน์พอสมควร มีผลงานต่างๆ มากมาย ทำให้คนที่ให้ผมยืมเงินรู้จักนิสัยใจคอผมมาบ้าง

อย่างตอนที่ผมขายฝากบ้าน-คอนโดฯ นั้น ผมก็ได้ดอกมาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ เพียง 1 บาทต่อเดือนเท่านั้น

โดยคนให้กู้บอกว่ารู้จักผม เห็นผมเป็นนักสู้ อยากสนับสนุนให้ผมทำธุรกิจนี้ โดยที่ผมเองไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร ผมขายฝากผ่านบริษัท และลูกน้องของเขาเป็นคนดำเนินการ

เงินทุนตอนนี้ของผมแบ่งออกเป็น 5 กอง

1. เงินส่วนตัว ที่ขายของได้กำไรก็เอามาโปะเข้าไปเรื่อยๆ
2. เงินทุนกลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มนักธุรกิจรุ่นน้อง อันนี้มี 4 สัญญา
3. เงินทุนจากนักธุรกิจที่ทำแบรนด์สินค้าออนไลน์ อันนี้อีก 3 สัญญา
4. เงินทุนจากการที่ผมหาทุนผ่านเฟซบุ๊ก มีลูกค้าปล่อยกู้ผมราวๆ 7-8 ราย (ด้วยการโพสต์บนเฟซบุ๊กนี่แหละ)

และที่ผ่านมาเงินทุกบาทยังอยู่ครบเป็นทุนหมุนซื้อลอตเตอรี่ ยืมใครมาเท่าไหร่อยู่เท่านั้น และผมเองก็ส่งดอกเบี้ยตรงเป๊ะไม่มีขาด เพื่อรักษาเครดิต

และที่ผมโพสต์หาคนลงทุนเพิ่มนั้น เพราะกลุ่มรุ่นน้องกลุ่มแรกไม่ต่อสัญญา 1 สัญญา เพราะเขาจะเอาเงินไปลงทุนของเขาเอง ก็เท่านั้น

สำหรับที่บอกว่าผมโม้ว่าขายได้เป็นหมื่นล้าน ทำไมต้องมาหาเงินแค่นี้

หมื่นกว่าล้านมันคือ “ยอดขาย” ครับ เมื่อหักต้นทุน + ค่าใช้จ่ายแล้ว มันไม่ได้เหลือเยอะอะไร เดี๋ยวสิ้นปีผมยื่นภาษีก็คงเห็นตัวเลขกัน

ส่วนประเด็นที่ว่าเงินเทา ตู้ห่าว หรือเปล่านั้น ขอตอบว่าเงินที่ผมยืมมาจากนักธุรกิจของผมทุกคนก็ประกอบอาชีพสุจริต มีหน้ามีตาทางสังคม และเงินทุกบาทก็เป็นเงินที่ถูกนำเข้าระบบธนาคารตรวจสอบได้

สุดท้ายที่ผมจำเป็นต้องประกาศหาทุนเพิ่มก็เพราะ

1. ผมเพิ่งชำระ “ภาษีมูลค่าเพิ่ม vat 7%” ให้ลูกค้าไปประมาณ 190 ล้าน

2. นายทุนไม่ต่อสัญญาเงินกู้

ทั้งสองข้อทำให้กระแสเงินสดในบริษัทเราลดลงไปจนอาจจะได้รับผลกระทบ ผมเลยต้องรีบหาทางแก้ไข

การที่ผมขอยืมหรือกู้เงินมาทำธุรกิจ ผมเองก็ว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสม

เพราะผมเอากำไรมาจ่ายดอกเบี้ย ผมขายของได้กำไรขั้นต้น 3.50 บาท (หัก vat) ใน 3.50 นั้นผมเสียดอกตก 1.25 บาท ผมเองก็ยังเหลือกำไรให้บริหาร และทำการตลาด

เดี๋ยวอาจจะมีคนค่อนแคะว่า เห็นซื้อ Supercar ใช้เงินเป็นว่าเล่นทำไมต้องมาขอยืมคนอื่น

ขอบอกว่าเงินส่วนตัว กับเงินบริษัท มันคนละส่วนกันครับ ชีวิตส่วนตัวผมแยกกับบริษัทโดยสิ้นเชิง

และการที่ผมหายืมเงินครั้งนี้สาเหตุสำคัญจริงๆ ก็เพราะ กองสลากพลัส กำลังจะก้าวใหญ่เพื่อเติบโตอย่างยิ่งใหญ่ มั่นคง และยั่งยืนต่อไปในปีหน้าครับ

และคนที่ให้ผมกู้เงินก็จะเติบโตไปกับเรา

นอท พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์”
กำลังโหลดความคิดเห็น