สมาคมลดโลกร้อน โดย ศ.ดร.สุนทร บุญญาธิการ นายกสมาคมฯ กล่าวว่า ขณะนี้สมาคมฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มบริษัทผู้ที่เข้าร่วมโครงการ Solar Farm (VSPP) 2565 (ขนาดไม่เกิน 8 MW) ไม่น้อยกว่า 30 บริษัท ว่าได้รับผลกระทบจากการทำงานที่ไม่ชัดเจนจาก กกพ. และการไฟฟ้าฯ และมีการให้คะแนนที่เหมือนเอื้อประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยมีข้อสังเกตดังนี้
1. กกพ.ประกาศเลื่อนผลการตรวจสอบจุดเชื่อมต่อระบบไฟฟ้า Feeder จากประกาศเดิม 11 พฤศจิกายน 2565 เป็น 21 พฤศจิกายน 2565 แต่ไม่ยอมประกาศเลื่อนการส่งโครงการจากเดิม 25 พฤศจิกายน 2565 เป็นเมื่อไร ไม่มีการประกาศชัดเจน มีแต่วงในที่บอกว่าจะไม่เลื่อนการส่งโครงการ (VSPP) จาก 25 พฤศจิกายน 2565 แต่จะเลื่อนการส่งโครงการ (SPP) (เกิน 8 MW) ออกไป
จะเห็นว่าการทำงานดังกล่าวของ กกพ.ไม่ชัดเจน และไม่ตรงตามข้อเท็จจริง เพราะการจัดทำโครงการที่มีข้อมูลมากมาย อีกทั้ง (16-18 พฤศจิกายน 2565 ราชการหยุดทำการ เพราะมีการประชุมเอเปก (APEC)) เหลือเวลาดำเนินการ 21-25 พฤศจิกายน 2565 แค่ 5 วันเท่านั้น กกพ.ไม่สนใจนโยบายและบริบทของสังคมว่ามีการประชุมเอเปก (APEC) ราชการหยุดทำการ
2. ขณะนี้หลายบริษัทยังไม่ได้รับจดหมายแจ้งผลการเช็กจุดเชื่อมโยงฉบับจริงจากการไฟฟ้าฯ ทั้งๆ ที่ 25 พฤศจิกายน 2565 การส่งโครงการต้องใช้จดหมายตัวจริงจากการไฟฟ้าฯ
3. การกำหนดการให้คะแนนของ กกพ.เป็นการส่อว่าจะกีดกันผู้ประกอบการรายเล็ก รายกลาง เช่น ความพร้อมด้านที่ดินต้องซื้อที่ดินเท่านั้น จึงได้คะแนนสูงสุด คำถาม ถ้าผู้ประกอบการลงทุนซื้อที่ดินแล้วไม่ได้โครงการ ใครจะรับผิดชอบที่ดินนั้น จะเอาไปทำอะไร ข้อเท็จจริง ที่ผ่านมาเกณฑ์ที่ดินแค่จะซื้อจะขายก็เพียงพอ หรือเช่าที่ดิน 26 ปีก็ใช้ได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อที่ดินทันทีก่อนการยื่นโครงการ เพราะอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ประกอบการได้
4. การกำหนดให้ใช้เงินประกันซองเป็นแคชเชียร์เช็ค หรือเงินสดเท่านั้น 1 ล้าน/1 MW เป็นการกำหนดที่จงใจกีดกันผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง ปกติหลักสากลทั่วไปการประกันซองแค่ใช้ Bank Guarantee จากธนาคารเท่านั้น
ทางออก:ขอเรียกร้องต่อนายกฯ ให้ผ่าทางตันโครงการเพื่อความเป็นธรรม เพื่อไม่เป็นการกีดกันผู้ประกอบการขนาดเล็ก และขนาดกลาง
1. กกพ.ควรประกาศเลื่อนการยื่นเสนอโครงการขนาดเล็ก (VSPP) ออกไปให้ยื่น พร้อมกับขนาดใหญ่ (SPP) ซึ่งขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะให้ยื่นวันไหน
2. การกำหนดความพร้อมเรื่องที่ดิน ควรเป็นหลักสากลใช้สัญญาจะซื้อจะขาย หรือเช่า 26 ปี จากเจ้าของที่ดิน ไม่จำเป็นต้องซื้อที่ดินเลย เพราะถ้าไม่ได้โครงการผู้ประกอบการก็เสียหาย เพราะไม่รู้จะเอาที่ดินไปทำอะไร
3. การกำหนดหลักประกันซองควรเป็นหลักสากล เช่น ใช้แค่ B.G.เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องใช้แคชเชียร์เช็ค หรือเงินสด 1 ล้าน/1 MW (ส่วนใหญ่จะยื่น 6-8 MW) กรณี VSPP
4. มีการประกาศรับซื้อ Solar Farm 5 ปี ระหว่างปี 2565-2573 จำนวนประมาณ 2,368 MW และไม่มีการประกาศว่าจะแบ่งการรับซื้อไฟฟ้าเป็นขนาดใหญ่ (SPP) เท่าไหร่ ขนาดเล็ก (VSPP) เท่าไหร่ ซึ่งไม่ชัดเจนสามารถปรับเปลี่ยนให้เอื้อประโยชน์กลุ่มใดก็ได้
การกำหนดรับซื้อไฟฟ้า (ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา)
ปี 2567 - 190 MW
ปี 2568 - 290 MW
ปี 2569 - 258 MW
ปี 2570 - 440 MW
ปี 2571 - 490 MW
ปี 2572 - 310 MW
ปี 2573 - 390 MW
รวม 2,368 MW
แต่ให้อำนาจ กกพ. และการไฟฟ้าฯ สามารถปรับการรับซื้อไฟฟ้าในแต่ละปีได้ ซึ่ง กกพ.ก็ยังไม่ประกาศให้ชัดเจนว่าจะปรับการรับซื้อเท่าไหร่ในแต่ละปี ซึ่งควรจะประกาศให้ชัดเจนก่อนยื่นโครงการฯ เพื่อป้องกันความเสียหายจากทุกฝ่าย
อนึ่ง ข่าววงในแจ้งว่า กกพ.จะประกาศรับซื้อทั้งหมด 2,368 MW ในปี 2567 ซึ่ง กกพ.ขณะนี้ก็ยังไม่ประกาศการรับซื้อไฟฟ้าให้ชัดเจน ทำให้เห็นว่าการประกาศการรับซื้อไฟฟ้าที่ไม่ชัดเจน ปรับตามอำเภอใจแบบนี้สามารถเอื้อประโยชน์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก็ได้