xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 30 ต.ค.-5 พ.ย.2565

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



1.จบง่าย! ผู้ว่าฯ สุพรรณฯ ถอนแจ้งความ “แอ๊ด คาราบาว” แล้ว หลังเจ้าตัวหอบพานดอกไม้เข้าขอขมา!

จากกรณีที่มีผู้ใช้ติ๊กต๊อกนำคลิป “แอ๊ด คาราบาว” หรือยืนยง โอภากุล นักร้องเพื่อชีวิต ที่ด่านายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ด้วยถ้อยคำที่หยาบคายมากมายต่อหน้าคนจำนวนมาก ระหว่างไปเล่นดนตรีงานวันคล้ายเกิดอายุ 59 ปี กำนันพุก หรือนายปิยพจน์ เกียรติชูสกุล ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี เมื่อคืนวันที่ 12 ต.ค. โดยอ้างว่าโดนสั่งไม่ให้คาราบาวเล่นคอนเสิร์ตที่สุพรรณฯ ไม่เพียงด่าผู้ว่าฯ สุพรรณฯ แต่ยังมีลักษณะโชว์กร่างด้วย เช่น คำพูดที่ว่า "มึงรู้ไหมกูเป็นใคร" พร้อมเรียกผู้ว่าฯ ขึ้นมาเคลียร์กลางงาน

โดยคลิปเผยให้เห็นการพูดของแอ๊ดว่า “มึงเป็นผู้ว่าฯ มึงคิดว่ามีอำนาจเหรอ ขึ้นมาเคลียร์กันหน่อยดิ อยู่เปล่า ไม่ต้องเล่น (ให้วงหยุดเล่น) ขึ้นมาเคลียร์กันหน่อยดิ มึงรู้ไหมกูเป็นใคร กูเกิดที่นี่ กูตายที่นี่ แล้วมึงเป็นใคร ไม่ให้กูเล่นที่สุพรรณฯ คนกาญจน์ฯ ยังให้กูไปเล่นเลย ไอ้สั.. ส้นตี.. คิดเหรอ มึงแค่เอาตัวรอด แล้วไม่คิดเหรอคนสุพรรณฯ จะเป็นยังไง เขาไม่ได้ดูคาราบาว (คนปรบมือ) มึงคิดว่ามึงเป็นผู้ว่าฯ มึงมีอำนาจเหรอ กูไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ แต่กูคือแอ๊ด คาราบาว กูไม่มีอำนาจใดๆ ทั้งสิ้น แต่กูพูดความจริง นำเสนอความจริง กูทำเพื่อชาติบ้านเมืองจริงๆ ไม่ได้เป็นข้าราชการแบบพวกมึง ที่เลีย..ให้ได้ตำแหน่งและรักษาตำแหน่ง เลีย..ไปเรื่อยรักษาตำแหน่ง ไอ้สั.. ไอ้เด็กเมื่อวานซืน กูเล่นไม่ได้แล้วเว้ย โมโห”

กระทั่งในเวลาต่อมา นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ชี้แจงผ่านสื่อยืนยันว่า ไม่เคยมีการห้ามวงคาราบาวมาเล่นในจังหวัดสุพรรณฯ หรืองานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ แต่เป็นเรื่องของภาคเอกชนจัด ไม่ใช่ความรับผิดชอบของทางจังหวัด นายณัฐภัทร ยังกล่าวด้วยว่า โดยส่วนตัวตนเป็นแฟนคลับคาราบาวด้วยซ้ำ ...ตนเองก็เป็นคนสุพรรณฯ พอรู้ว่า แอ๊ด คาราบาว ก็เป็นคนสุพรรณฯ ตนยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ ยืนยันว่า จังหวัดไม่เคยมีการปิดกั้นวงคาราบาวแต่อย่างใด

ขณะที่ชาวบ้านจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ออกมาเรียกร้องให้แอ๊ด คาราบาว กลับมาขอโทษ หากเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าใจผิด และไม่คิดว่าศิลปินแห่งชาติจะใช้ถ้อยคำที่รุนแรง

นอกจากนี้หลายภาคส่วนยังเรียกร้องให้ปลดแอ๊ดออกจากการเป็นศิลปินแห่งชาติอีกด้วย เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ใช้วาจาหยาบคายทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย

ต่อมา นายณัฐภัทร ผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี ได้ส่งสัญญาณว่าจะแจ้งความดำเนินคดีแอ๊ด คาราบาว ด้านแอ๊ด ได้รีบโพสต์ข้อความกราบขออภัยผู้ว่าฯ สุพรรณฯ โดยอ้างว่า เป็นอารมณ์ชั่ววูบที่ขาดสติไป ส่วนเรื่องคดีพร้อมอ้าแขนรับความผิดเต็มๆ

อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี ยังคงแจ้งความดำเนินคดี โดยให้เหตุผลว่า แม่ส่วนตัวจะไม่ติดใจแล้ว แต่สิ่งที่แอ๊ดพูด เกี่ยวโยงถึงตำแหน่งหน้าที่ด้วย จึงต้องว่าไปตามกฎหมาย

ด้านแอ๊ด ยังคงเดินหน้าขออภัยผู้ว่าฯ สุพรรณฯ ขณะไปเล่นดนตรีที่ จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 22 ต.ค. โดยอ้างว่า ที่ตนด่าผู้ว่าฯ สุพรรณฯ เพราะเมา “พี่น้องครับ ผมมีเรื่องที่คาใจอยู่อยากจะฝากบอกพี่น้องชาวลพบุรีว่า เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ผมก้าวร้าว และไปเล่นที่ จ.สุพรรณฯ ที่อำเภอสองพี่น้อง แล้วผมก็ก้าวล่วงผู้ว่าราชการจังหวัด ด่าท่านสาดเสียเทเสีย พี่น้องครับ ผมผิด ผมผิด ผมกราบขอโทษ คนเราเมื่อผิดเราก็ต้องกราบขอโทษผู้ว่าฯ และผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งหมด 77 จังหวัด หวังว่าท่านจะให้อภัยผม ผมสำนึกผิด และผมยอมรับทุกอย่างที่ท่านจะจัดการกับผม..."

ล่าสุด เมื่อเย็นวันที่ 31 ต.ค. "แอ๊ด" ได้เดินทางไปที่ศาลากลางจังหวัดและได้เข้าพบนาย ณัฐภัทร ผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี โดยมี ผบช.ภ.7 และ ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี ร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อกราบขอขมาที่ใช้วาจาล่วงเกิน "กระผม นายยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว) กราบขอขมาที่ได้กล่าววาจาล่วงเกินท่านตามที่เป็นข่าว บัดนี้ท่านผู้ว่าฯ ได้มีเมตตายอมรับคำขอขมา และให้อภัยแก่กระผมแล้ว กระผมจึงขอกราบขอบพระคุณท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี และท่านผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดด้วยความซาบซึ้งใจในความเมตตาครั้งนี้ด้วยครับ

"แทนคำขอขมา กระผมขอตอบแทนด้วยการแต่งเพลงประจำจังหวัดในเชิงประวัติศาสตร์ และส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้ง 77 จังหวัดให้แก่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อนำไปดำเนินการจัดสร้าง เป็นสื่อประชาสัมพันธ์ของจังหวัดต่างๆ ต่อไป รวมทั้งขอปวารณาตัวมีส่วนร่วมในการสมัครเป็นเมืองสร้างสรรค์ด้านดนตรีขององค์การยูเนสโก ที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรีกำลังดำเนินการอยู่"

กระทั่งในเวลาต่อมา มีรายงานว่า ผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี เตรียมถอนแจ้งความแล้ว หลังเจ้าตัวออกมาขอโทษและยอมรับผิด พร้อมนำดอกไม้มาขอขมาต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 พ.ย. นายสรวุฒิ แสนเทศ นิติกรชำนาญการ สำนักงานจังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับมอบอำนาจจากนายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี ให้นำเอกสารหลักฐานเดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.หญิง อัจฉรี วุฒิวัฒนา รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ตามที่นายณัฐภัทร ได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษนายยืนยง โอภากุล หรือ "แอ๊ด คาราบาว" ว่ากระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาไว้เมื่อวันที่ 16 ต.ค. โดยผู้ว่าฯสุพรรณบุรี ไม่มีความประสงค์จะให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายยืนยง เนื่องจากได้รับการขอโทษและขอขมาจนเป็นที่พึงพอใจแล้ว จึงขอถอนการแจ้งความและคำร้องทุกข์ที่ให้ไว้กับ ร.ต.อ.หญิง อัจฉรี

2."ศรีสุวรรณ" ยื่นศาล ปค.สูงสุดสั่งระงับร่าง ก.ม.ให้ต่างชาติซื้อที่ดิน 1 ไร่ "เต้" ยื่นผู้ตรวจการฯ ส่งศาล รธน.ตีความ ด้าน “บิ๊กตู่” บอก ยังปรับเปลี่ยนได้!


จากกรณีที่ ครม.ได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าว ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนฯ โดยอนุญาตให้คนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูง 4 ประเภท ครอบครองที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยได้ไม่เกิน 1 ไร่ ภายในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล หรือในบริเวณที่กำหนดฯ โดยต้องมีเงินลงทุนในธุรกิจหรือกิจการ ไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท และลงทุนต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 3 ปี ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ว่านี่เป็นการขายชาติขายแผ่นดินหรือไม่?

ซึ่งหลายภาคส่วนที่ไม่เห็นด้วยเริ่มเคลื่อนไหว โดยเมื่อวันที่ 3 พ.ย. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เข้ายื่นฟ้องคณะรัฐมนตรีต่อศาลปกครองสูงสุด ขอให้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาเพิกถอนกฎหรือคำสั่งหรือสั่งห้ามการนำร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าวตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ..ไปใช้ และขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎ โดยสั่งชะลอหรือระงับการดำเนินการใดๆ ตามกฎหรือมติดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า มติ ครม.ที่เห็นชอบร่างกฎกระทรวงดังกล่าวตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอเมื่อวันที่ 25 ต.ค. 65 ถือเป็นมติอัปยศที่แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไร้ความสามารถที่จะแสวงหารายได้เข้าแผ่นดิน เป็นการไม่คำนึงว่าการให้ชาวต่างชาติมายึดถือครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินอย่างถาวรนั้น จะกระทบกับคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศในระยะยาว ที่รัฐบาลอ้างว่า เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน จึงเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เฉพาะกลุ่มทุนที่เป็นแลนด์ลอร์ดในขณะนี้ที่ถือครองที่ดินไว้มากกว่า 80%

นายศรีสุวรรณ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันคนยากจนยังต้องถูกไล่รื้อบ้านเรือนออกจากพื้นที่ดินของรัฐ เช่น ชาวริมคลอง แล้วบังคับให้ประชาชนไปเป็นหนี้ผ่านโครงการบ้านมั่นคง จึงเห็นว่า ปัญหาดังกล่าว ครม.ยังขาดเงื่อนไขการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะปัญหาสังคมที่จะตามมา รวมทั้งเงื่อนไขที่กำหนดยังไม่ตอบโจทย์ข้อวิตกกังวลของประชาชน ได้เปรียบทฤษฎีกบต้ม ที่กว่าจะรู้สึกตัวก็สายเสียแล้ว มติดังกล่าวจึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยไม่ชอบ ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 178 มาตรา 77 ประกอบมาตรา 25 มาตรา 26 ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม จึงต้องมายื่นฟ้องต่อต่อศาลปกครองสูงสุดให้มีคำพิพากษาดังกล่าว

ด้านนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ และหัวหน้าพรรค พร้อมคณะได้ยื่นเรื่องต่อประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายวทัญญู ทิพยมณฑา รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อวันที่ 31 ต.ค. เพื่อให้พิจารณาส่งต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีของวันที่ 25 ต.ค. เรื่องการขายที่ดินให้ต่างชาติแลกการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรืออื่นๆ ไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท

นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า ตนในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่งที่รักและหวงแหนผืนแผ่นดิน ประเทศไทยเป็นเอกราชมาช้านาน และบรรพชนต่างเสียสละเลือดเนื้อปกป้องรักษาผืนแผ่นดินนี้ด้วยชีวิตมาจนถึงปัจจุบัน มติ ครม.ดังกล่าว อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อพี่น้องประชาชนบนผืนแผ่นดินไทยอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ทั้งยังเป็นการกระทำขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 1 ระบุว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรหนึ่งเดียว จะแบ่งแยกมิได้ การที่มติดณะรัฐมนตรีอนุมัติกฎกระทรวงให้คนต่างชาติสามารถถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินได้จำนวน 1 ไร่ จึงอาจขัดรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว จึงมาร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้ยื่นเรื่องนี้ต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยว่าการกระทำตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่

ทั้งนี้ หลังเกิดกระแสคัดค้านและมองว่า มติ ครม.ดังกล่าว เป็นการขายชาติขายแผ่นดินหรือไม่ ล่าสุด ที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ได้มีการหารือเพื่อปรับแนวทางกันใหม่ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้กับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆ ว่า ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ เพราะเรื่องยังอยู่ในชั้นกฤษฎีกา

3. “ครูยุ่น” ปัดทำร้ายเด็กในมูลนิธิคุ้มครองเด็ก หลังถูกแจ้งความ ยันเด็กทำผิดกฏ แค่ตีให้หลาบจำ!



หลังเกิดกรณีมูลนิธิเส้นด้าย เข้าแจ้งความที่ สภ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ว่า มีการทำร้ายเด็กภายในมูลนิธิคุ้มครองเด็ก ต.สวนหลวง อ.อัมพวา ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง

โดยเมื่อวันที่ 2 พ.ย. นางลักษณา อิศรางกูร ณ อยุธยา พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรสงครามได้นำเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมเอกสารมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 รับเด็กสถานสงเคราะห์เด็กเอกชนไปยังสถานแรกรับของทางราชการ โดยเมื่อไปถึง เจ้าหน้าที่มูลนิธิคุ้มครองเด็กได้ต่อโทรศัพท์ไปยังนายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ และอดีต ส.ว. ซึ่งถูกระบุว่า เป็นประธานมูลนิธิคุ้มครองเด็กดังกล่าว ให้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้ นายแก้วสรร เผยในเวลาต่อมาว่า เด็กที่มูลนิธิฯ เป็นเด็กที่ไม่มีบ้าน ถูกรังแก ถูกทำร้าย มูลนิธิแห่งนี้จึงรับมาดูแล มูลนิธิมีอำนาจการปกครองถูกต้อง สามารถทำโทษเด็กเหมือนพ่อทำโทษลูก ไม่ได้รุนแรงเกินกว่าเหตุ การที่มีเด็กร้องเรียนไม่กี่คน ซึ่งกลุ่มนี้บางคนติดยาเสพติด ถ้าเป็นที่อื่นจับส่งตำรวจหมดอนาคตไปแล้ว แต่สถานที่แห่งนี้พยายามอบรมสั่งสอนเพื่อให้กลับตัวเป็นคนดี จะมาหาว่าทำรุนแรงเกินไปได้อย่างไร เด็กทั้งหมดดูแลอย่างดี การจะมารับเด็กทั้ง 55 คนไปอาศัยอำนาจอะไร ถามเด็กทั้งหมดหรือยัง สิ่งที่ถูกต้องควรฟังหูไว้หู ควรมาตรวจสอบแบบเงียบๆ เพื่อคุ้มครองเด็ก ไม่ใช่นำสื่อแห่กันมาแบบนี้ หากเจ้าหน้าที่ทำเกินว่าเหตุ ตนเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน

ด้านนายมนตรี สินทวิชัย หรือครูยุ่น เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก และอดีต ส.ว.สมุทรสงคราม ได้เดินทางไปยัง สภ.อัมพวาเมื่อวันที่ 3 พ.ย. ตามหมายเรียกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ข้อหาทำร้ายร่างกายเด็กและอาจจะมีข้อหาใช้แรงงานเด็กด้วย

ครูยุ่น เผยหลังให้ปากคำพนักงานสอบสวนว่า ยอมรับว่าตีเด็กจริง เพราะมีกฎระเบียบคาดโทษไว้แล้ว เด็กเบอร์ 1 พาน้องที่ว่ายน้ำไม่เป็นลงไปเล่นน้ำในคลอง หากเกิดอะไรขึ้นใครจะรับผิดชอบ ไม่เคยใช้ปัสสาวะราดเด็ก ไม่เคยเอาเสื้อผ้าเด็กมาเช็ดอุจจาระ มีแต่รื้อกองเสื้อผ้าที่คนบริจาคมาให้เด็กไปใส่แล้วกองทิ้งไว้ไม่ยอมซัก ขณะนี้ตัวเองกลายเป็นปิศาจไปแล้วตามสายตาของผู้เสพสื่อ ส่วนที่ตำรวจแจ้งข้อหาตนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ได้รับการปล่อยตัวไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ประกันตัว เนื่องจากเดินทางมามอบตัวรับทราบข้อกล่าวหาเอง

ด้านนายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า ทางจังหวัดมอบให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรสงครามและทีมสหวิชาชีพ สอบถามเด็กที่มีกรณีร้องเรียนว่าถูกทำร้าย ก่อนนำตัวเด็กทั้ง 8 คน ออกจากมูลนิธิไปอยู่ในความคุ้มครองของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสมุทรสงคราม

ต่อมา ได้มีการนำตัวเด็กออกมาอีก 23 คน ไปอยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสมุทรสงคราม จึงเหลือเด็กอีก 24 คน ที่สมัครใจอยู่ในมูลนิธิฯ ต่อ เป็นเด็กเล็ก 14 คน และเด็กโต 10 คน อายุน้อยที่สุด 2 ขวบ และอายุมากที่สุด 16 ปี ซึ่งเดิมมูลนิธิฯ มีเด็กในความดูแลทั้งหมด 55 คน

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรสงคราม และทีมสหวิชาชีพ ตำรวจ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสอบถามเด็กและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานเสนอจังหวัดพิจารณา หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง เช่น กระทำทารุณกรรมเด็ก ใช้แรงงานเด็กตามที่มีผู้ร้องเรียน ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจที่จะสั่งเพิกถอนใบอนุญาตมูลนิธิดังกล่าวได้

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมายังมูลนิธิคุ้มครองเด็กเพื่อติดตามคดีนี้เช่นกัน โดยมีรายงานว่า จากการสอบถามเด็กให้การว่า ถูกทำร้ายจริง โดยนายมนตรี สินทวิชัย หรือครูยุ่น ระบุว่า ที่ตีเพราะเด็กมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด มีการนำยาเสพติดมาใช้เสพในมูลนิธิ และบางคนชักชวนเด็กเล็กที่ว่ายน้ำไม่เป็น ลงเรือพายเรือเล่น จึงได้มีการเฆี่ยนตีเพื่อให้หลาบจำ

นอกจากนี้ มีรายงานว่า การสอบสวนยังพบว่า ที่มูลนิธิแห่งนี้มีการจ้างแรงงานเด็กต่ำกว่าสิบห้าปี ทำงานที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งภายใน จ.สมุทรสงคราม โดยเด็กจะได้รับค่าจ้างวันละ 30 บาท เป็นค่าตอบแทน แต่ไม่พบว่ามีการบังคับหรือเฆี่ยนตีหากไม่ทำงาน

4. ศาล พิพากษาจำคุกแก๊งโจ๋รุมตื้บ “ผู้กองปูเค็ม” ไลฟ์สดจับตู้สล็อตเมืองแปดริ้ว คนละ 2 ปี 12 เดือน ไม่รอลงอาญา!



เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ศาลจังหวัดฉะเชิงเทราได้อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายโสภณวิชญ์ อนันต์, นายนิรันดร์ บุญชัยยะ, นายชาตรี ชมชื่น, นายพีรวัส โรจนฤทัยพงศ์, นายพีระเดช วิริยะประเสริฐ, นางสาวนุชนาถ พรมแหร่ม, นายชาริน สำเภาจันทร์, นายจุมพล วนเจริญลาภ, นายสิทธิพล ชัยชนะ, นายวิทวัฒน์ สายทอง และนายวายุ มลประเสริฐ เป็นจำเลยที่ 1-11 ในความผิดฐานทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์

ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว พิพากษาว่า จำเลยทั้ง 11 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8), 298 ประกอบมาตรา 289 (4), 335 (7) วรรคแรก, 336 ทวิ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตา 83 การกระทำของจำเลยทั้ง 11 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายโจทก์จนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัสโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำคุกคนละ 3 ปี ฐานร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้การจับกุม จำคุกคนละ 3 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 10 กระทงละ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัสโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นจำคุก 4 ปี ฐานร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พันการจับกุม เป็นจำคุก 4 ปี

แต่จำเลยทั้ง 11 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ศาลจึงลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัสโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คงจำคุกจำเลยที่ 1-9 และที่ 11 คนละ 1 ปี 6 เดือน คงจำคุกจำเลยที่ 10 เป็นเวลา 2 ปี ฐานร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม คงจำคุกจำเลยที่ 1-9 และที่ 11 คนละ 1 ปี 6 เดือน คงจำคุกจำเลยที่ 10 เป็นเวลา 2 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1-9 และที่ 11 คนละ 2 ปี 12 เดือน รวมจำคุกจำเลยที่ 10 เป็นเวลา 4 ปี

ศาลพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบรายงานสืบเสาะแล้ว พบว่า การกระทำของจำเลยทั้ง 11 เกี่ยวกับการพนัน แม้ภายหลังเกิดเหตุ จะเยียวยาชดใช้ให้แก่ผู้เสียหายแล้วก็ตาม แต่ยังไม่สมควรรอการลงโทษ

อนึ่ง คดีนี้สืบเนื่องจากเหตุการณ์ ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังลงพื้นที่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา โดยระบุว่าได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่จนต้องลงตรวจสอบ เพื่อนำจับการตั้งตู้สล็อตผิดกฎหมายบริเวณจุดจอดรถประจำทางศูนย์การค้าศิริพนม (ตลาดโต้รุ่ง) ถนนสาย 304 ฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี โดยได้ทำการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ก่อนถูกพวกจำเลยรุมทำร้าย

5. ผอ.รพ.เชียงแสนเสียใจเหตุ "แพทย์หญิง" ด่าคนไข้ สั่งพักงาน 7 วันเพื่อสอบข้อเท็จจริง พบเป็นหมอที่อารมณ์แปรปรวน เคยถูกเตือนมาแล้ว!



เมื่อวันที่ 4 พ.ย. สังคมออนไลน์ได้มีการเผยแพร่คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องทำงานของแพทย์โรงพยาบาลแห่งหนึ่งตั้งอยู่พื้นที่ชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน จ.เชียงราย ภายในเป็นโต๊ะทำงานและพลาสติกป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19

โดยมีหญิงที่ถูกระบุว่า เป็นแพทย์หญิงกำลังนั่งบนเก้าอี้และจ้องที่โทรศัพท์มือถือของตนเองอยู่เกือบตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ายคนถ่ายคลิปและญาติคนไข้ได้เดินเข้าไปในห้องและพยายามสอบถามแพทย์หญิงดังกล่าวว่า เหตุใดจึงพูดคุยกับผู้ป่วยเช่นนั้น

ด้านแพทย์หญิงได้บอกให้คนถ่ายคลิปออกจากห้อง แต่ไม่เป็นผล จากนั้นก็เกิดการโต้เถียงกันขึ้นโดยญาติคนไข้พยายามสอบถามว่าทำไมไม่ให้บริการผู้ป่วย ส่วนแพทย์หญิงตอบกลับว่า หมอไม่ใช่ผู้ให้บริการ แต่เป็นผู้บริบาล และหากอยากถ่ายคลิปก็ถ่ายไป

ทั้งนี้ ฝ่ายคนถ่ายคลิปและญาติคนไข้พยายามต่อว่าแพทย์หญิงว่า กินเงินเดือนจากรัฐบาลที่มาจากภาษีประชาชน เมื่อญาติของตนป่วยก็ได้พามาโรงพยาบาล จึงขอให้แพทย์มีจรรยาบรรณด้วย โดยญาติของตนควรได้รับการรักษาไม่ใช่มาถึงแล้วกลับโดนด่า และคนที่มารักษาก็เป็นคนไทย ใช้สิทธิด้วยการจ่ายเงิน ไม่ได้ใช้สิทธิบัตรทอง

จากนั้นได้เกิดการโต้เถียงกัน โดยญาติคนไข้ถามว่า "เต็มใจทำงานหรือเปล่า?" แพทย์หญิงตอบว่า "ไม่" ฝ่ายญาติคนไข้ตะโกนว่า "ไม่เต็มใจทำงานแล้วอยู่ทำไม" แพทย์หญิงตอบว่า "ต้องกินต้องใช้เหมือนกัน" ฝ่ายญาติคนไข้ถามว่า "จรรยาบรรณของหมอมีแค่นี้หรือ" แพทย์หญิงตอบว่า "เออ มีแค่นี้แหละ" จนเกิดเป็นการทะเลาะวิวาทกันด้วยวาจารุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตอนหนึ่งฝ่ายญาติคนไข้ถามว่า "หากเป็นญาติคุณไปรักษาคุณจะทำอย่างไร" แพทย์หญิงตอบว่า "ฉันก็จะทำอย่างนี้เหมือนกัน ถ้าญาติของฉันโง่อย่างนี้" จากนั้นการทะเลาะก็ยิ่งรุนแรงขึ้นถึงขั้นใช้สรรพนามว่า "มึง" และ "กู" กันด้วย

ช่วงท้ายของคลิปได้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) เข้าไปไกล่เกลี่ย ซึ่งคนที่ถ่ายคลิปก็ฟ้องว่า แฟนของตนและคนไข้ถูกด่า ทาง รปภ. ได้ขอให้ทุกคนใจเย็นๆ แต่ก็ยังเกิดการต่อว่าแพทย์หญิงคนดังกล่าวอีก เช่น มีหน้าที่เป็นแพทย์เรียนสูงกว่าคนอื่นไม่ควรด่าว่าคนอื่นว่าโง่ สงสัยว่าด่าคนไข้โง่ โง่อย่างไร คนไข้โง่ตรงไหน ฯลฯ

คนถ่ายคลิประบุว่าตนมีเงินมากพอที่จะไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน แต่เนื่องจากแฟนของตนมีอาการป่วยฉุกเฉินและใกล้บ้านจึงต้องมารักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ แต่ในขณะที่มีอาการเจ็บป่วยแล้วยังต้องมาถูกด่าจนทำให้ทนไม่ไหว ขณะที่ผู้ที่ถูกระบุว่าเป็นแพทย์หญิงยังคงจ้องแต่โทรศัพท์มือถือของตนเองและไม่ตอบกลับในช่วงท้าย ก่อนที่คลิปจะจบลง

ทั้งนี้ หลังคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ถึงพฤติกรรมของผู้ที่ถูกระบุว่าเป็นแพทย์หญิงดังกล่าว

ในเวลาต่อมา นพ.สุขชัย เธียรเศวตตระกุล ผอ.รพ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้แถลงข่าวถึงเรื่องดังกล่าวผ่านคลิปว่า ตามที่มีการเผยแพร่คลิปในสื่อโซเชียลเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2565 ช่วงเวลา 19.00-20.00 น. รพ.เชียงแสนขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากเหตุการณ์หญิงไทย อายุ 36 ปี ท้องอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ มาด้วยอาการ คือ 2 ชั่วโมงก่อนมา รพ.มีอาเจียนบ่อยมากกว่า 10 ครั้ง กินไม่ได้ อ่อนเพลีย มวนท้อง ผู้ป่วยไปรักษาที่คลินิกเอกชน หลังกลับไปบ้านยังมีอาการคลื่นไส้อ่อนเพลีย จึงมารักษาที่ห้องฉุกเฉิน รพ.เชียงแสน เวลา 18.35 น. แพทย์สั่งการรักษาด้วยการฉีดยาแก้อาเจียน

"แต่ผู้ป่วยไม่ต้องการยาฉีด ขอนอน รพ.และให้น้ำเกลือ แพทย์ไม่ดำเนินการตามผู้ป่วยร้องขอ ทำให้ผู้ป่วยไม่พอใจ และเรียกญาติเข้ามาในห้องฉุกเฉิน และมีการโต้เถียงตามที่ปรากฏในคลิปดังกล่าว ทาง รพ.เชียงแสนได้ทบทวนมาตรฐานการรักษาพยาบาล พบว่า การรักษาเป็นไปตามมาตรฐานทางการแพทย์ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเบื้องต้นมาจากการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน"

อย่างไรก็ตาม นพ.สุขชัยกล่าวว่า ได้ให้แพทย์รายดังกล่าวหยุดปฏิบัติงานเป็นเวลา 7 วัน ระหว่างรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยละเอียด ส่วนผู้ป่วย เราได้ติดตามสอบถามอาการ ทราบว่า ขณะนี้พักรักษาอยู่ที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย อาการดีขึ้นแล้ว ในฐานะ ผอ.รพ.เชียงแสน และแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะนำมาเป็นแนวทางการปรับปรุงการให้บริการ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก พร้อมกันนี้ได้รายงานผลการทบทวนเหตุการณ์ดังกล่าวให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงรายรับทราบแล้ว ส่วนรายงานสรุปเหตุการณ์โดยละเอียดจะรายงานผู้บังคับบัญชาอีกครั้ง

ทั้งนี้ ผู้บริหารโรงพยาบาลเชียงแสนคนหนึ่ง เผยว่า บุคคลในคลิปเป็นแพทย์หญิงประจำโรงพยาบาลเชียงแสน โดยเป็นแพทย์ทั่วไปไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก และว่า ปกติแล้ว แพทย์หญิงคนนี้เป็นคนมีจิตอาสา โดยหากมีงานบริการที่ใดก็มักจะขันอาสาทำและยังทำหน้าที่ได้ดีด้วย

อย่างไรก็ตาม แพทย์หญิงดังกล่าวจะมีอารมณ์แปรปรวน ทำให้ทางโรงพยาบาลเคยแจ้งเตือนและพิจารณาเรื่องเงินเดือนมาแล้ว จนกระทั่งมาเกิดเหตุในครั้งนี้ ทางโรงพยาบาลจึงได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงพฤติกรรมของแพทย์และให้พักงานแพทย์หญิงคนดังกล่าวเอาไว้ก่อน ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าเจ้าตัวได้รู้สึกผิด ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาวได้เสนอไปยังสำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงราย ให้พิจารณาดำเนินการ ด้านผู้ป่วยในคลิป ทางโรงพยาบาลจะได้ประสานเพื่อขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป

ด้านชายที่เป็นผู้ถ่ายคลิปดังกล่าว ซึ่งอาศัยอยู่หมู่บ้านพื้นที่ ต.เวียง อ.เชียงแสน กล่าวว่า ผู้ป่วยในคลิปเป็นน้องสะใภ้ของตน ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ราว 2-3 เดือน และมีอาการแพ้ท้องรุนแรง โดยน้องสะใภ้ของตนมีประกันชีวิตสามารถไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งได้ แต่เนื่องจากโรงพยาบาลของรัฐอยู่ใกล้บ้าน จึงแวะตรวจเบื้องต้นเผื่อจะถูกส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลที่ใหญ่กว่า แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่ก็ให้บริการดีด้วยการนำล้อเข็นไปรับแล้วนำเข้าไปยังห้องรักษาฉุกเฉิน โดยญาติได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าผู้ป่วยแพ้ยาหลายอย่าง ดังนั้นหากจะให้ยาก็ขอให้แจ้งด้วย แต่ต่อมาอีก 10-20 นาที น้องสะใภ้กลับร้องไห้ออกมาจากห้องแล้วขอให้พาไปโรงพยาบาลอื่น

ทำให้พวกตนเข้าไปสอบถามแพทย์หญิงที่รักษา ก็ทราบว่าจะให้ยาแก้อาการอาเจียน ซึ่งเมื่อน้องสะใภ้ บอกว่า เป็นคนแพ้ยาดังกล่าวเพราะเป็นโรคหัวใจ แพทย์หญิงคนดังกล่าวกลับบอกว่า แค่แพ้จะอะไรนักหนา ทั้งยังพูดทำนองว่าอยากจะนอนโรงพยาบาลหรือ ดราม่าอีกแล้วหรือ ฯลฯ จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ตามที่ตนได้ถ่ายคลิปเอาไว้ดังกล่าว

ชายที่ถ่ายคลิป เผยด้วยว่า ล่าสุด ทางสำนักงานสาธารณสุข อ.เชียงแสน ได้ติดต่อพวกตนมาแล้วและจะแจ้งผลการดำเนินการต่างๆ ให้ทราบทุกระยะ ส่วนน้องสะใภ้ของตนได้เดินทางไปรักษาและนอนพักที่โรงพยาบาลเอกชนจนปัจจุบันอาการดีขึ้นแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น