สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) -คุรุสภา-ศูนย์ภูมิภาคว่าด้วยสะเต็มศึกษาขององค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asian Ministers of Education Organization Regional Centre for STEM Education / ศูนย์ SEAMEO STEM-ED) -บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ร่วมพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการในโครงการครุศึกษายุคใหม่ หรือ Strengthening Teachers Education Program (STEP) ตั้งเป้าเป็นโมเดลต้นแบบที่ช่วยยกระดับการพัฒนาคุณภาพการผลิตครูรุ่นใหม่ โดยมีมหาวิทยาลัยเข้าร่วมแล้วจำนวน 10 แห่ง
ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) กล่าวว่า บทบาทของ สอวช.ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ที่ผ่านมาได้ร่วมสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายส่วนในด้านการอุดมศึกษา โดยเฉพาะการปรับรูปแบบมาตรฐานของหลักสูตรให้สอดรับกับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงในโลกปัจจุบัน สิ่งที่ สอวช.ร่วมขับเคลื่อน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการอนุมัติข้อเสนอหลักสูตรแซนด์บอกซ์ไปแล้วรวม 4 หลักสูตร นอกจากนี้ สอวช. ยังมีความร่วมมือในการเปิดตัวแพลตฟอร์มพัฒนาทักษะแห่งอนาคตรองรับการลงทุนภาคการผลิตและบริการ ที่เปิดให้นักศึกษาที่ต้องการยกระดับทักษะตนเอง สามารถเข้าไปเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย รองรับนักศึกษากว่า 2 ล้านคน และมีหลักสูตรที่ผ่านการยอมรับจากบริษัทและองค์กรชั้นนำจำนวนมากกว่า 250 หลักสูตร
“อีกบทบาทสำคัญของกระทรวง อว. คือการผลิตครู ที่ในปัจจุบันบทบาทของครูควรต้องปรับเปลี่ยนไป จากที่เป็นแค่ผู้สอน จะต้องเพิ่มบทบาทในการเป็นเมนเทอร์ หรือเป็นโค้ช ให้กับนักเรียน ต้องมีความพร้อมที่จะดูแลนักเรียนตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อนักเรียนต้องการคำปรึกษา ครูต้องพร้อมที่จะให้คำปรึกษาได้เสมอ โดยอาศัยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เราจึงต้องเพิ่มความเข้มแข็งให้กับการพัฒนาครู ต้องดูว่าเราต้องการครูแบบไหน ซึ่งนอกจากกระทรวง อว.ที่มีบทบาทในการพัฒนาครูแล้ว อีกหน่วยงานสำคัญคือคุรุสภาของไทย ที่ต้องสร้างมาตรฐานการผลิตครูให้ดีขึ้นด้วย ซึ่งการนำหลักสูตรของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียเข้ามาประยุกต์เข้ากับการสอนในประเทศไทย เชื่อว่าจะช่วยให้เกิดการพัฒนาศักยภาพครูในไทยได้ โดยเฉพาะแนวทางการเรียนการสอนที่เน้นการฝึกปฏิบัติจริงมากกว่าภาคทฤษฎี” ดร.กิติพงค์กล่าว
ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า โครงการ STEP ถือเป็นโมเดลต้นแบบที่จะช่วยยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาแก่นิสิตนักศึกษา คณะศึกษาศาสตร์และครุศาสตร์ ระดับปริญญาตรี ให้พร้อมจบไปเป็นครูมืออาชีพ โดยจะนำองค์ความรู้และเทคนิคการสอนภาคปฏิบัติจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย สถาบันผลิตครูชั้นนำของสหรัฐอเมริกา มาถ่ายทอดให้คณาจารย์และนิสิตนักศึกษา “เน้นการฝึกปฏิบัติมากกว่าทฤษฎี” เพื่อใช้ในการสอนได้จริง สอดรับงานวิจัยหลายชิ้นซึ่งระบุว่าประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิรูประบบการศึกษาครั้งใหญ่ โดยเฉพาะครูวิชาชีพในอนาคตต้องเพิ่มทักษะการสอนด้วยกระบวนการฝึกประสบการณ์จริงที่เข้มข้นมากกว่าทฤษฎี
ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร ผู้อำนวยการ ศูนย์ SEAMEO STEM-ED กล่าวว่า องค์ประกอบสำคัญของโครงการ ประกอบด้วย 1. ภาควิชาการ ถ่ายทอดแนวปฏิบัติการสอน พื้นฐานจำเป็นที่ครูต้องเรียน เช่น การฝึกเทคนิคและวิธีการสอนที่ช่วยในการตั้งคำถาม พร้อมให้คณาจารย์และนิสิตนักศึกษาช่วยกันหากระบวนการปรับปรุงการเรียนการสอน สร้างและแบ่งปันเนื้อหา/แพลตฟอร์ม กรณีศึกษาต่างๆ โดยเชิญ Consortium for Core Practices จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย มาให้คำแนะนำ 2. ภาคปฏิบัติ จัดตั้งเป็นทีม โดยเน้นกระบวนการเป็นพี่เลี้ยงทางวิชาการที่มีคุณภาพ โดยแต่ละทีมต้องมีครูพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์การสอนและผ่านการอบรมด้านการให้คำปรึกษามาช่วยให้คำแนะนำ พร้อมเข้าเยี่ยมนิสิตนักศึกษาเพื่อให้คำปรึกษา 2 ครั้งต่อเดือน
นางสาวพรสุรีย์ กอนันทา รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกิจการองค์กร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวว่า โครงการ Strengthening Teacher Education Program (STEP) นับเป็นการผสานความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง 2 หน่วยงานที่ทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานและนโยบายการผลิตและพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาให้แก่ประเทศ ซึ่งเชฟรอนยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนโครงการฯ ทั้งการจัดหาผู้เชี่ยวชาญ ทุนการดำเนินโครงการ การฝึกอบรม ทุนวิจัย ตลอดจนการจัดกิจกรรมการให้ความรู้เพื่อการขยายผลต่อไป ด้วยงบประมาณทั้งสิ้น 12 ล้านบาท
“โครงการ STEP นับเป็นอีกหนึ่งการต่อยอดความสำเร็จของโครงการ Chevron Enjoy science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต ในระดับนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม ที่มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการศึกษาโดยเฉพาะครูในสาขาสะเต็ม ซึ่งเป็นสาขาวิชาที่เป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศในระยะยาว นอกจากนี้ การสนับสนุนโครงการดังกล่าวยังสอดรับตามเจตนารมณ์ของเชฟรอนที่มุ่งให้ความสำคัญต่อการพัฒนา ‘พลังคน’ อันถือเป็นหนึ่งในแนวทางปฏิบัติมาตลอดระยะเวลา 60 ปี ที่เชฟรอนได้ดำเนินภารกิจจัดหาพลังงานให้แก่ประเทศด้วยความปลอดภัย ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างยั่งยืน” นางสาวพรสุรีย์กล่าวทิ้งท้าย