xs
xsm
sm
md
lg

ลูกชายนักธุรกิจยันพาคุณพ่อออกจากอพาร์ตเมนต์ของครอบครัว ไม่มีการบังคับ พร้อมแจงทุกประเด็น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ความคืบหน้าภายหลัง นายศุภโชค ศุภบัณฑิต พร้อมครอบครัว เข้าร้องทุกข์กองปราบปราม ขอให้สอบสวนหาข้อเท็จจริงว่ากลุ่มบุคคลที่เข้ามาตีสนิทกับคุณพ่อวัย 75 ปี จนทำให้ต้องสูญเสียทรัพย์สินไปแล้วประมาณ 50 ล้านบาทนั้น

โดยทางด้านผู้หญิงไฮโซคนดังกล่าว ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้มีการเอ่ยชื่อถึงแต่ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนเพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ พร้อมกับนำภาพถ่าย ทะเบียนสมรส ภาพวันหมั้น ภาพวันที่มายื่นหนังสือถึง ผบก.ป. และ ผบช.ก.ที่กองบังคับการปราบปราม รวมทั้งคลิปเสียงบางส่วนที่ผู้หญิงกับคุณพ่อของนายศุภโชคพูดคุยกันหลังจดทะเบียนสมรสแล้ว เผยแพร่ทางสื่อ

ล่าสุดวันนี้ (23 ต.ค.) นายศุภชัย ศุภบัณฑิต ลูกชายอีกคนหนึ่งของนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ได้ชี้แจงในประเด็นต่างๆ ที่ผู้หญิงรายนี้ให้ข้อมูลพาดพิงครอบครัวว่า ในประเด็นที่ผู้หญิงรายดังกล่าวอ้างว่าคุณพ่อจะมายืมเงินแต่ทรัพย์ติดจำนองเลยไม่ให้กู้ จึงตั้งข้อสงสัยกลับไปว่า ถ้าไม่เชื่อว่าคุณพ่อมีเงิน แล้วทำไมถึงมาอวดเช็คร้อยล้าน และสิ่งที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นอยากได้คุณพ่อเป็นสามีและปรากฏการมาเอาเงินกับทรัพย์สินอื่นจากคุณพ่อไป

ส่วนเรื่องการจดทะเบียนนั้น มองว่าการจดทะเบียนหย่ากับอดีตสามีและจดทะเบียนสมรสกับคุณพ่อในวันเดียวกันนั้นเป็นสิ่งที่ผิดปกติหรือไม่ และมีเหตุผลอะไรที่จะต้องรีบจดทะเบียนสมรสใหม่ในทันทีที่หย่าขาดจากอดีตสามี

ส่วนอาคารที่ผู้หญิงรายนี้กล่าวอ้างว่าเป็นบ้านของเขาและมีคนบุกไปอุ้มคุณพ่อก็ไม่เป็นความจริง เพราะแต่เดิมผู้หญิงคนนี้ให้คุณพ่อไปอยู่บ้านของเขาเอง แถววัดบัวขวัญ แต่ภายหลังมีการจ้างคนมาคุมคุณพ่อหลายคน จึงย้ายมาอยู่อพาร์ตเมนต์ของครอบครัวแถววังหิน ซึ่งเป็นอพาร์ตเมนต์ของครอบครัวที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ ยังไม่ได้เปิดให้ใครเช่า ส่วนคนที่ไปรับพ่อ คือลูกชายแท้ๆ และไปรับมาจากตึกของคนในครอบครัวไม่ใช่บ้านของผู้หญิงคนนั้น

หนึ่งในเหตุผลที่ต้องไปรับพ่อกลับ เป็นห่วงพ่อเพราะรู้ว่าผู้หญิงคนที่พ่อไปจดทะเบียนสมรสเป็นคนที่มีข่าวบ่อยๆ ตลอด และเพิ่งพ้นโทษออกจากคุกมา

ขณะที่ลูกไปรับคุณพ่อออกจากอาคารก็เดินจูงมือกันมาตามปกติไม่ได้มีการบังคับหรือข่มขู่ให้คุณพ่อเดินออกมาแต่อย่างใด คุณพ่อเดินขึ้นรถก่อนด้วย ประตูรถอีกฝั่งก็เปิดอยู่ เพราะถ้าไม่อยากไปก็สามารถลงจากรถได้เลย

จากนั้นทางครอบครัวได้ไปเอาตึกคืน พร้อมกับนำป้ายห้ามเข้ามาติดไว้ เพราะตึกเป็นของรามสวีทแต่ผู้หญิงคนนี้กลับแอบอ้างทำนามบัตรเป็นเจ้าของ โดยใช้ชื่อบริษัทที่ตัวเองตั้งขึ้นมาอ้างว่าเป็นเจ้าของตึก

สำหรับเรื่องการแบ่งสมบัตินั้น โดยส่วนใหญ่คุณพ่อจะถือหุ้น 50 เปอร์เซ็นต์ในเกือบทุกบริษัทและครอบครัวอีก 5 คนก็ถือส่วนที่เหลือ

คุณพ่อเคยบอกความตั้งใจกับครอบครัวว่า ส่วนที่เหลือก็คงจะทยอยแบ่งให้กับคนที่เข้ามาช่วยดูแลแต่ละทรัพย์สินให้ถือเยอะขึ้น แต่ทางบ้านก็ไม่เคยรบเร้า ก็แล้วแต่เมื่อท่านเห็นว่าเวลาจะเหมาะสม

และแม้ว่าจะมีคุณแม่ พี่ชาย และน้องชาย ช่วยทำธุรกิจมาตลอด แต่คุณพ่อก็ยังเป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามอยู่

ส่วนกรณีคลิปเสียงของผู้หญิงที่ปล่อยออกมานั้น มองว่าคนที่อ้างว่าเป็นภรรยาอัดคลิปเสียงที่ให้คุณพ่อพูดลักษณะดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่ามีการเตรียมการล่วงหน้าหรือไม่ เพราะหากคุณพ่อเสียชีวิตก็จะได้สมบัติของคุณพ่อแบบนี้ไม่ได้รักกันจริงแต่น่าจะเป็นการแช่งให้ตาย ทั้งที่เพิ่งจดทะเบียนสมรสกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น