กลุ่มเจ้าของร้านซับสไครบ์ย่านสะพานพระราม 7 ปรึกษาทนายตั้ม เล็งดำเนินคดีหมิ่นประมาท พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แร็ปเปอร์หนุ่ม "อิลสลิก" และเรียกค่าตัวที่จ่ายไป 4.5 แสนบาทคืนมา เปิดความจริงไม่ได้เป็นไปตามที่โพสต์ ไม่มีใครเรียกไอ้อี ดูแลอย่างดีตลอด แต่กลับถูกเท ทำให้ร้านเสียหายจวนเจียนเจ๊ง ถาม "ทำอะไรให้เกลียดขนาดนั้นเหรอ" ร้านก็เป็นแฟนคลับ กลับทำแบบนี้
วันนี้ (12 ต.ค.) ที่สำนักงานทนายความษิทรา ลอว์เฟิร์ม อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ ถนนสาทรใต้ กรุงเทพฯ กลุ่มเจ้าของร้านซับสไครบ์ ย่านสะพานพระราม 7 หลังมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ อ.เมือง จ.นนทบุรี ได้ขอคำปรึกษาทางกฎหมายจากนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง กรณีที่นายทิฆัมพร เวชไทยสงค์ หรือโต้ง หรืออิล นักร้องเพลงแร็ปเจ้าของฉายา อิลสลิก ยกเลิกการแสดง ซึ่งทางร้านยืนยันว่าไม่ได้เป็นไปตามที่นายทิฆัมพรพูด
นายษิทรากล่าวว่า ทางร้านประสงค์จะให้วงอิลสลิกมาแสดง จึงได้คุยกับผู้จัดการส่วนตัว เนื่องจากเวทีมีความสูงไม่เท่าที่ทางวงต้องการ จึงได้มีการเสริมเวที และจัดเตรียมอุปกรณ์ครบทุกอย่าง เมื่อถึงวันแสดงทางวงได้ส่งทีมงานมาที่ร้านตั้งแต่เวลา 13.00 น. ส่วนนักร้องนำมาตอน 15.00 น. ได้มีการทดสอบ แต่เกิดปัญหาไมค์หอน ทางวงแก้ไขไม่ได้
ทางร้านพยายามอธิบายวิธีการแก้ไข แต่ทางวงอยากจะทำเอง สุดท้ายแก้ไขไม่ได้จึงอารมณ์เสีย นักร้องนำก็กลับไป ซึ่งทางร้านไม่อยากมีปัญหาก็โพสต์ข้อความขอโทษ แต่ปรากฏว่านักร้องนำไม่จบ มีการโพสต์ข้อความในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง จึงได้ปรึกษากับตนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ตนติดภารกิจหลายอย่าง จึงได้แถลงข่าววันนี้
นายษิทราอธิบายว่า ที่นายทิฆัมพรโพสต์ข้อความกล่าวหาว่าทางร้านมีลำโพงพีเอแค่ 2 ตัวนั้นไม่เป็นความจริง เพราะรู้อยู่แล้วว่าลำโพงมีทั้งหมด 6 ตัว เรื่องที่งงก็คือ วงอิลสลิกเป็นวงที่ทางร้านชื่นชอบ แล้วทำไมนายทิฆัมพรถึงมาโพสต์แบบนี้ จึงขอคำปรึกษา ถามว่าอุปกรณ์ไม่ครบตรงไหน หรือว่าที่โกรธจริงๆ เพราะเรื่องอื่นกันแน่ อีกทั้งมายกเลิกอ้างว่าผิดสัญญา ไม่คืนเงินมัดจำด้วย ทำให้ทางร้านเสียหายจำนวนมาก
เมื่อสอบถามทีมงานของทางร้านไม่มีใครพูดจาหยาบคายตามที่นายทิฆัมพรพูด แต่เมื่อทีมงานของร้านยังเป็นเด็ก จึงเลือกที่จะโพสต์ยอมรับผิดเพราะไม่อยากมีเรื่องมีราว คิดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่ เราเป็นเด็กผิดไว้ก่อนก็ได้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่จบ ก็ต้องชี้แจงข้อเท็จจริง ขอถามว่าใครดูหมิ่นเหยียดหยาม อย่ามาโพสต์แบบไม่มีมูลความจริง อาจเป็นการตีกินหรือเปล่าให้ทัวร์ลงร้านนี้
ที่ผ่านมาทางร้านดูแลศิลปินอย่างดีมาตลอด อย่างวงอิลสลิก นอกจากค่าจ้าง 450,000 บาทแล้วยังต้องเตรียมโรงแรมให้ เตรียมอาหารกล่อง หรือใครต้องการอะไรก็เอามาให้หมด แม้แต่โค้กที่ทางร้านขายเป็นขวด แต่ทางวงต้องการกระป๋องก็ออกไปซื้อให้ ใจดีขนาดนี้ใครจะเรียกไอ้อี แม้แต่ถ่านที่ใส่ไมค์ยี่ห้อนี้ยังต้องซื้อที่เซเว่นฯ ดูแลให้เหมือนเทพเจ้า จะดูหมิ่นเหยียดหยามอะไร
ด้านนายฮาร์ท หุ้นส่วนของร้าน กล่าวว่า ตนได้ติดต่อว่าจ้างวงอิลสลิกกับผู้ดูแลศิลปินตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ด้วยค่าจ้าง 450,000 บาท และได้พูดคุยมาโดยตลอด มีการเสริมเวที เตรียมอุปกรณ์ตามสัญญาทุกอย่าง ทางวงจึงได้ส่งสัญญามาให้ ทางร้านตอบตกลงและโอนเงินค่ามัดจำ 225,000 บาททันที
ตนและหุ้นส่วนทุกคนดีใจที่ได้วงนี้มาเล่น เพราะติดตามผลงานมานาน และกว่าจะได้คิวแสดงนั้นนานมาก พร้อมเตรียมงานอย่างเต็มที่ เตรียมจัดไฟ จัดโต๊ะ เลิกงาน 6 โมงเช้าก็มี พอถึงวันจริง ทีมงานมาตั้งแต่เกือบบ่ายโมง อยู่นานพอที่จะเห็นอุปกรณ์ของทางร้าน ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่เวลานักร้องนำมาถึง เกิดไมค์หอนก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
สำหรับความเสียหายนอกจากค่าบัตรแล้ว ลูกค้าที่ร้านซึ่งเดินทางมาไกล มารอตั้งแต่เวลา 10.00 น.เพื่อมารอชมคอนเสิร์ต ตนเลี้ยงเหล้าทั้งร้านยังนับว่าน้อยไปด้วยซ้ำ คนที่มารอตนไม่สามารถซื้อความรู้สึกของเขาได้เลย จึงทำได้แค่เปิดเหล้าฟรีไปเลย และโพสต์ขอโทษ ยอมรับผิดเอง และไลน์ไปหาผู้จัดการส่วนตัวว่ายอมรับผิดเองว่าดูแลลูกน้องไม่ดีพอ
ตนฟังลูกน้องแล้วอยากให้เรื่องนี้จบ ตนและเด็กๆ มาทำร้าน ไม่อยากเกิดกระแสดรามา อีกทั้งชื่นชอบผลงานจึงไม่อยากมีปัญหา แต่กลับไม่จบ นำเรื่องนี้ไปพูดกับอีกร้านหนึ่ง ทำให้พวกตนโดนโจมตี มีทัวร์มาลงร้าน ตนถามว่าทำอะไรให้โกรธให้เกลียดจึงมาทำแบบนี้ ตนไม่มีเจตนาที่ดูหมิ่นเหยียดหยาม ตนดีใจด้วยซ้ำที่เกิดงานนี้ขึ้นมา
และอย่างที่พูดกับศิลปินว่าไอ้นั้นไม่มี ตนจัดทุกคอนเสิร์ตมา มีปัญหาอะไรก็ร่วมแก้ปัญหาให้มันออกมาด้วยดีโดยตลอด ไม่มีใครเรียกศิลปินว่าไอ้อี ให้เกียรติกับทุกวงเสมือนเป็นพี่้เสมอ
ส่วนนายอาทิตย์ ผู้ดูแลระบบเสียงของร้าน กล่าวว่า วันนั้นทีมงานของวงอิลสลิกเข้ามาซาวนด์เช็ก ใช้เวลานานมาก มีปัญหาที่ไมค์ของนักร้องนำ แก้ไขกันนานมาก อีกทั้งนายทิฆัมพรใส่หูฟังเอียร์มอนิเตอร์เข้าไปในหูด้วย ตนเกรงว่าเสียงฟีดแบ็กเอี๊ยดจะทำให้หูมีปัญหา จึงบอกวิธีแก้ไขเฉพาะหน้ากับเอ็มซีว่า ถ้าอิลมาฝั่งนี้ให้แพลนไมค์ออกมาเล็กน้อยแล้วอาการไมค์หอนก็หาย
สักพักนายทิฆัมพรออกไปด้านหลังร้าน เอามือชี้แล้วบอกกับตนว่า มึงเป็นใครมาเรียกเพื่อนกูอะไรสักอย่าง แล้วเดินกลับไป ตนจึงไปคุยกับ น.ส.ลิลลี่ ตัณฑ์เอกชน ผู้จัดการส่วนตัว และทีมงาน ตนไม่ได้เปรียบเทียบนายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือตูน บอดี้สแลม แต่บอกว่าซาวนด์ของวงบอดี้สแลมก็แก้ไขกันแบบนี้ ถ้านักร้องอยู่หน้าลำโพง และตูน บอดี้สแลมก็ไม่เคยมาเล่นที่ร้าน
นายฮาร์ทกล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมามีวงโปเตโต้ วงสล็อตแมชชีน วงค็อกเทล แสดงแบบนี้ รวมทั้งแหลม ทเวนตี้ไฟว์อาวเวอร์ ก็มาแสดงที่ร้าน พร้อมกับนำวิดีโอคลิปที่แหลมกล่าวบนเวทีว่า ที่นี่เครื่องเสียงก็ดีเหมือนกัน
เมื่อถามว่าผลกระทบของทางร้านเป็นอย่างไร แอดมินเพจของทางร้านกล่าวว่าได้รับผลกระทบ เพจของทางร้านถูกต่อว่าตลอด มีคำด่าตลอด คนอื่นเข้าใจว่าร้านไม่ได้เรื่อง มารยาทไม่ดี เจ้าของร้านแย่ ความน่าเชื่อถือลดลงไปเลย บางคนไม่อยากมาเลย บางคนกล่าวว่าปิดร้านไปเลย ทำกับศิลปินแบบนี้ได้ยังไง เป็นสิ่งที่เอากลับคืนมาไม่ได้
ที่ผ่านมามีศิลปินหลายวงมาแสดงและไม่เคยมีปัญหา มีเหตุขัดข้องนิดหน่อยก็แก้ไขกันไปจนราบรื่น หลังเกิดเหตุการณ์ขึ้น ทางร้านพิมพ์ไปหาผู้จัดการส่วนตัวกลับไม่คุยกันเลย
นายฮาร์ทกล่าวว่า ที่ผ่านมาตนใส่เบอร์เป็นผู้ประสานงาน วันแสดงไม่มีใครโทร.ประสานหาตนเลย แม้กระทั่งตอนเกิดเรื่องไม่มีใครคุยกับเขาเลย มีแต่ตนขอร้องกับตัวแทนที่ประสานงานกับผู้จัดการส่วนตัวว่าขอคุยได้ไหม ถามสะดวกแบบไหน ก็ไม่มีตอบกลับมา พอนายทิฆัมพรโพสต์ออกมาก็จบแล้ว ไม่มีโอกาสได้คุยกับเขาเลย ซึ่งจะปรึกษาข้อกฎหมายกับนายษิทราอีกครั้ง
"พวกผมเป็นเด็กๆ ไม่ได้มีกระบอกเสียง ไม่มีสื่ออะไรในมือ มาปรึกษาทนายษิทราอยากขอความเป็นธรรม เพราะทุกอย่างที่นายทิฆัมพรโพสต์ออกไปทางร้านเสียหายมาก ทำผมขนาดนี้อยากให้ผมเจ๊งไปเลยเหรอ ผมทำอะไรให้พวกเขาเกลียดขนาดนี้" นายฮาร์ทกล่าว
เมื่อถามถึงความเสียหายจากการถูกยกเลิกคอนเสิร์ต นายฮาร์ทกล่าวว่า ความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท และเสียชื่อเสียง ตนพยายามรักษาชื่อเสียง แก้สถานการณ์ตรงหน้าให้ดีที่สุด ส่วนจะให้วงอิลสลิกกลับมาเล่นหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของอนาคต ส่วนกับศิลปินคนอื่นๆ ไม่มีปัญหา
เมื่อถามถึงความผิดที่เกิดขึ้น นายษิทรา กล่าวว่า การโพสต์ในสิ่งที่ไม่เป็นความจริงผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จะสอบถามว่าทางร้านอยากจะดำเนินคดีหรือไม่ ผิดมากน้อยขนาดไหน รวมทั้งหมิ่นประมาททำให้ร้านเสียหายก็มีความผิดอีก ส่วนเรื่องเงินมัดจำที่ทางวงเอาไป จะต้องดูสัญญา ที่อ้างว่าอุปกรณ์ไม่พร้อมแล้วยกเลิกสัญญานั้นเราคิดว่าไม่ถูกต้อง เพราะอุปกรณ์เราพร้อม แต่จะมาหาเหตุหรือเปล่าในการที่จะไม่คืนเงิน ซึ่งจะต้องฟ้องร้องเกิดขึ้นทั้งการผิดสัญญาและความเสียหายของทางร้าน
เมื่อถามว่าในฐานะแฟนคลับ เจอเหตุการณ์แบบนี้เสียความรู้สึกหรือไม่ นายฮาร์ทกล่าวว่า แน่นอน เสียความรู้สึกอยู่แล้ว ตนแค่อยากถามว่าผิดขนาดนั้นเลยหรือ ตนทำอะไรให้เขาเกลียดขนาดนั้นเลยหรือเขาถึงโพสต์ขนาดนี้ ซึ่งความจริงเรื่องราวไม่มีอะไรเลย ทำไมถึงโพสต์ให้ตนเสียหาย พูดจริงๆ วันนั้นร้านแทบเจ๊ง
เมื่อถามว่า ที่นายทิฆัมพรกล่าวหาว่าทางร้านทำอุปกรณ์เขาเสียหาย นายฮาร์ทกล่าวว่า อุปกรณ์ของเขาไม่มีใครไปยุ่ง ไม่มีใครไปแตะ กล้องวงจรปิดมีเป็นหลักฐาน เขาควรจะโพสต์ให้ชัดเจน ส่วนทีมงานของร้านอีกคนหนึ่งกล่าวว่า เรื่องนี้มีส่วนของช่างเสียงของวงกับช่างเสียงของทางร้านคุยกันตอนซาวนด์เช็กแล้วว่าเกิดเหตุเพราะอะไร มีภาพประกอบด้วย
นายษิทรากล่าวเสริมว่า นายทิฆัมพรโพสต์ข้อความเหมือนสองแง่สองง่าม ให้คนเข้าใจว่าอุปกรณ์เสียเพราะร้านนี้ เราเตรียมกล้องวงจรปิดไว้ทุกอย่างแล้วว่า ไม่มีใครไปแตะต้องอุปกรณ์ของเขาเลย และจะดำเนินคดีทางกฎหมายด้วย มาโพสต์ก้ำกึ่งให้ทัวร์มาลง ตอนนี้เก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว ยืนยันว่าทางร้านไม่ได้ไปทำอุปกรณ์เสียหายมูลค่า 3 แสนบาท ใครเสียหายก็ทางนี้เอง
"ที่ดูหมิ่นเหยียดหยาม ดูหมิ่นเหยียดหยามใคร อะไรยังไง อย่ามาพูดรวมๆ มั่วๆ อะไรแบบนี้ไม่ดี และตัวเองเป็นบุคคลสาธารณะด้วย ก่อนจะโพสต์หรืออะไร เอาความจริงมาโพสต์" นายษิทรากล่าว
เมื่อถามถึงค่าเสียหายทั้งหมดอีกครั้งว่ามีค่าอะไรบ้าง ทีมงานของทางร้านกล่าวว่า ถ้ารวมทั้งหมดกว่า 1 ล้านบาท เช่น ค่าคืนบัตร ค่าเปิดโต๊ะ ค่าตัวที่เขาไม่ได้คืน ค่าเตรียมงานต่างๆ ค่าพนักงานการ์ดที่เสริมขึ้นมาที่ทางอิลสลิกขอมาประจำเขา และค่าดูแลส่วนตัวเบิลของเดิมขึ้นมา ยอดค่าตัว 450,000 บาท จ่ายไปหมดแล้วและไม่คืนด้วย