xs
xsm
sm
md
lg

แพทย์แนะจับ 3 สัญญาณภัยเงียบ “โรคพังผืดในปอด” หวังคนรู้เร็วก่อนลุกลาม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กลุ่มแพทย์รณรงค์สร้างความตระหนักโรคพังผืดในปอด เผยอัตราเสียชีวิตสูงภายใน 3-4 ปีหากไม่ได้รักษาตั้งแต่เริ่มต้น เร่งกระจายความรู้ตรงให้กลุ่มบุคลากร-ประชาชน สังเกต 3 สัญญาณโรค เพื่อเข้าสู่การวินิจฉัยที่รวดเร็วถูกต้อง และรักษาทันท่วงทีก่อนโรคลุกลาม

รศ.นพ.แจ่มศักดิ์ ไชยคุนา นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวผ่าน​Facebook Live ในงานเสวนาเรื่อง Freshen Up Your Life “สูดลมหายใจให้เต็มปอด เพื่อผู้ป่วยโรคพังผืดในปอด” ว่าโรคพังผืดในปอด (lung fibrosis) เป็นโรคหนึ่งในกลุ่มโรคปอดอินเตอร์สติเชียล (interstitial lung disease หรือ ILD) จัดเป็นโรคหายากที่มีความรุนแรงมาก อัตราการรอดชีวิตใกล้เคียงกับโรคมะเร็งปอด เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบ แผลเป็น หรือพังผืดที่เนื้อเยื่อปอด และหลอดลมฝอยในปอด ทำให้ปอดทำงานได้ไม่เหมือนคนปกติทั่วไป ส่งผลต่อการหายใจผิดปกติ ซึ่งโรคนี้เป็นโรคเรื้อรังสามารถลุกลามมากขึ้น


โรคพังผืดในปอดมี 3 ลักษณะเด่นที่พบคือ 1. ไอแห้งเรื้อรังมากกว่าสองเดือนขึ้นไป 2. เหนื่อยหอบมากขึ้น ทำให้ทำกิจวัตรประจำวันได้น้อยลง เช่น เดินได้ช้าลง ออกกำลังกายได้ลดลง 3. เมื่อแพทย์ฟังเสียงปอดจะได้ยินเสียงกรอบแกรบผิดปกติที่ชายปอดทั้งสองข้างคล้ายเสียงลอกแถบตีนตุ๊กแก นอกจากนี้ก็มีอาการอื่นๆ เช่น น้ำหนักตัวลดลงเรื่อยๆ ปวดกล้ามเนื้อและข้อ ปลายนิ้วมือหรือเท้ามีลักษณะโค้งกลมและกว้างขึ้น ส่วนสาเหตุของโรคนั้นเกิดจากโรคแพ้ภูมิต้านทานตนเอง การใช้ยาบางชนิด อาชีพและสิ่งแวดล้อม และมีบางส่วนที่ไม่ทราบสาเหตุด้วย

ทางด้าน รศ.นพ.ศุภฤกษ์ ดิษยบุตร ประธานคณะอนุกรรมการโรคปอดอินเตอร์สติเชียลและโรคปอดจากการทำงานและสิ่งแวดล้อม ย้ำว่าโรคนี้พบผู้ป่วยได้ไม่บ่อยนัก มักเกิดในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ในแถบประเทศตะวันตกมีอุบัติการณ์ประมาณ 20 คนต่อประชากร 1 แสนคนต่อปี

สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย มีการรวบรวมข้อมูลจาก 20 โรงพยาบาลใหญ่ ในโครงการลงทะเบียนผู้ป่วยโรคปอดเป็นพังผืดชนิดไม่ทราบสาเหตุ (idiopathic pulmonary fibrosis หรือ IPF) จำนวน 146 คน (ข้อมูล ณ เดือนกรกฎาคม 2565) แต่อย่างไรก็ตามยังมีผู้ป่วยอีกจำนวนมากที่ไม่ได้ลงทะเบียน ดังนั้นจึงคาดว่า จะมียอดผู้ป่วยจริงมากกว่านี้แน่นอน

ในส่วนสาเหตุที่เกิดจากอาชีพและสิ่งแวดล้อมนั้น จะมีบางอาชีพที่เป็นกลุ่มเสี่ยง อาทิ คนที่ทำงานในสถานที่ก่อสร้าง ซึ่งมีโอกาสจะได้รับฝุ่นจากปูนและแร่ใยหินสูงกว่าคนทั่วไป ส่วนสภาพแวดล้อมอื่นๆ ที่สุ่มเสี่ยง อาทิ อยู่ใกล้สัตว์ปีกจำนวนมากเป็นเวลานาน เช่น เลี้ยงนกจำนวนมาก หรือมีสภาพแวดล้อมที่ไปสัมผัสนกพิราบบ่อย รวมถึงการสัมผัสกับเชื้อรานานๆ เช่น ในห้องนอนที่มีเชื้อราสะสม เป็นต้น

ผู้ป่วยที่พบในประเทศไทย มีอายุเฉลี่ย 71 ปี เป็นเพศชายร้อยละ 71 มีประวัติสูบบุหรี่ร้อยละ 59 ผู้ป่วยมักมีอาการหอบเหนื่อยร้อยละ 88 และไอแห้งร้อยละ 85 ที่น่ากังวล คือ ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาต้านพังผืดที่ใช้ในการรักษาได้เพียงร้อยละ 45

ในกลุ่มผู้ป่วยที่เสียชีวิตร้อยละ 50 จะมีสาเหตุจากภาวะการหายใจล้มเหลวจากตัวโรค อีกร้อยละ 50 เสียชีวิตจากโรคร่วม อาทิ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจล้มเหลว และการติดเชื้อ เป็นต้น

รศ.นพ.แจ่มศักดิ์ ไชยคุนา
ทั้งนี้เนื่องจากโรคนี้มีอาการไม่จำเพาะเจาะจง การวินิจฉัยค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อน ต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทำงานร่วมกับสหวิชาชีพ เพื่อให้วินิจฉัยอย่างถูกต้องรวดเร็วผ่านการซักประวัติ การตรวจร่างกาย การตรวจสมรรถภาพปอด ร่วมกับเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ชนิดความละเอียดสูง (high resolution computed tomography หรือ HRCT) โดยอาจพิจารณาร่วมกับการประเมินผลทางปฏิบัติการอื่นๆ
สำหรับกระบวนการรักษาในกรณีของโรคพังผืดในปอดที่ไม่ทราบสาเหตุหรือ IPF นั้นจะใช้ยาต้านพังผืด และการรักษาตามอาการ ร่วมกับกายภาพบำบัด เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพปอด การบำบัดด้วยออกซิเจน และการปลูกถ่ายปอดขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์

รศ.นพ.ศุภฤกษ์ ดิษยบุตร
ที่ผ่านมา​ สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทยฯ และองค์กรที่เกี่ยวข้องต่างร่วมกันทำงานมานานมากกว่า 10 ปี เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้กระจายไปยังบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มขึ้น ทำให้ปัจจุบันการตรวจวินิจฉัยของแพทย์เริ่มคำนึงถึงโรคพังผืดในปอดมากขึ้น หากผู้ป่วยได้รับการรักษา จะสามารถชะลอการเสื่อมสมรรถภาพของปอดได้ถึงร้อยละ 50 ปัจจุบันมีช่องทางในการให้ข้อมูลผู้ป่วยหลายช่องทาง สำหรับแพทย์จะมีเพจรู้ไว้ไอแอลดี และแอปพลิเคชัน 360 องศา ILD ส่วนประชาชนทั่วไปมี official line account “O2lung” หรือ “ปอดโปร่ง”

ขณะที่ ศ.พญ.ดวงฤดี วัฒนศิริชัยกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหายาก และรองประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อผู้ป่วยโรคหายากประเทศไทย กล่าวว่าโรคพังผืดในปอดถือเป็นโรคหายากโรคหนึ่ง สอดคล้องกับคำนิยามของโรคหายากของกระทรวงสาธารณสุข ที่พบได้ไม่เกิน 10,000 คน หายารักษาได้ยาก และต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการวินิจฉัย รวมถึงเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในครัวเรือน สาเหตุของโรคพบว่าร้อยละ 80 มาจากพันธุกรรม อีกร้อยละ 20 มาจากสาเหตุอื่นๆ

ทั้งนี้การจะทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาได้อย่างทันท่วงที จำเป็นต้องสร้างระบบรองรับที่ดีในการดูแลรักษา ทั้งระดับนโยบายที่ต้องมีความรู้ความเข้าใจ เพื่อขยายสิทธิบัตรทองให้ผู้ป่วยเบิกจ่ายได้ครอบคลุม พร้อมกับการบรรจุยาที่ใช้ในการรักษาเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติ ขณะที่ผู้ป่วยก็ต้องรวมตัวกันเป็นเครือข่ายแลกเปลี่ยนข้อมูลการดูแลรักษาตนเองและร่วมกันผลักดันให้ระดับนโยบายเห็นความสำคัญของโรคนี้


นางสาวมนฤทัย เด่นดวง พยาบาลผู้มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยโดยตรง กล่าวว่า สิ่งสำคัญในการดูแลผู้ป่วย คือการให้กำลังใจ ขณะเดียวกันพยาบาลต้องมีความรู้เกี่ยวกับโรคนี้ และเรียนรู้ไปพร้อมกับแพทย์ เพื่อสามารถแนะนำเพิ่มเติมคนไข้ให้ปฏิบัติตัวได้ดีขึ้น

โดยปีนี้เป็นอีกปีที่สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ร่วมกับคณะทำงานโรคปอดอินเตอร์สติเชียลและโรคปอดจากการทำงานและสิ่งแวดล้อม, มูลนิธิเพื่อผู้ป่วยโรคหายาก และ บริษัท เบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ ประเทศไทย จัดกิจกรรม Pulmonary Fibrosis Awareness Month และเสวนาเรื่อง Freshen Up Your Life “สูดลมหายใจให้เต็มปอด เพื่อผู้ป่วยโรคพังผืดในปอด” เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2565 ที่ผ่านมาเพื่อเผยแพร่ความรู้สู่สาธารณะ
สำหรับผู้ที่สนใจสาเหตุของโรคพังผืดในปอด และวิธีการรักษาโรคนี้ สามารถชม VTR ให้ความรู้เรื่อง โรคพังผืดในปอด เพิ่มเติมได้ที่ลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=Hef0xHFeR_A


กำลังโหลดความคิดเห็น