สัปดาห์ที่ ๓ ของเดือนกันยายน ถูกกำหนดให้เป็น “วันรณรงค์โลกสะอาด” Clean up the World หรือวันทำความสะอาดโลก เกิดขึ้นครั้งแรกที่ออสเตรเลียในปี ๒๕๓๖ ด้วยความสนับสนุนของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ เชิญชวนให้ทุกประเทศมีส่วนร่วมในการแก้ไขสภาพปัญหาขยะในชุมชนของตนเอง ซึ่งมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของประเทศและโลก โดยจัดกิจกรรมทำความสะอาดในช่วงสัปดาห์ที่ ๓ ของเดือนกันยายน ประมาณวันที่ ๑๙-๒๑ เป็นการริเริ่มให้ชาวโลกได้ตระหนักถึงปัญหาความสำคัญและบทบาทของทุกๆคน ในการที่จะช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันมี ๑๑๐ ประเทศ เข้าร่วมกิจกรรม
ขณะนี้ชาวโลกต่างตระหนักแล้วว่า โลกใบนี้ทรุดโทรมลงทุกที แม้จะเริ่มมีความคิดว่าจะไปหาโลกใหม่อยู่ แต่ก็เป็นเพียงความฝันที่ยังไกลความเป็นจริง ทั้งนี้ก็เพราะในจักรวาฬยังพบว่ามีโลกเพียงใบเดียวที่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ ฉะนั้นจึงต้องอยู่บนโลกใบนี้ต่อไป และไม่ใช่อยู่อย่างจมปลัก จึงต้องช่วยกันดูแลทำความสะอาดโลกเหมือนที่เราต้องกวาดบ้านถูบ้านกันทุกวัน เมื่อให้โลกสะอาดสดใส ชีวิตของคนอยู่บนโลกก็สดใสมีความสุข
ปัจจุบันจึงมีวันที่ถูกกำหนดให้ตระหนักถึงการดูแลรักษาโลกออกมามาก เช่น ๒๒ เมษายนเป็น “วันคุ้มครองโลก” ( Earth day) ๕ มิถุนายนเป็น “วันสิ่งแวดล้อมโลก” (World Environment Day) และยังมีวันเกี่ยวกับการอนุรักษ์ ป่าไม้ แหล่งน้ำ และอากาศ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งแวดล้อมของโลกทั้งนั้น
ในวันที่ ๒๐ กันยายนยังเป็น “วันอนุรักษ์รักษาคูคลองแห่งชาติ” โดยคณะรัฐมนตรีได้ลงมติมาตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตามแนวพระราชดำริ โดยถือเอาวันที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จประพาสคลองแสนแสบ เป็นวันพัฒนาแม่น้ำลำคลองแห่งชาติ
แม่น้ำลำคลองในอดีตนั้นมีบทบาทสำคัญต่อวีชีวิตคนไทยอย่างมาก เพราะเป็นแหล่งน้ำอุปโภคบริโภค เป็นปัจจัยสำคัญในการเกษตรเพื่อผลิตอาหาร ทั้งยังใช้เป็นเส้นทางคมนาคม จึงปลูกบ้านหันหน้าลงน้ำกัน แต่ปัจจุบันแม่น้ำลำคลองลดความสำคัญลงมาก บ้านหันหน้าติดถนน คลองไปอยู่หลังบ้าน รองรับน้ำฝนและระบายน้ำเสีย ทำหน้าที่เหมือนเป็นท่อน้ำไปด้วย บางคนยังเอาเป็นที่ทิ้งขยะ เมื่อคลองไม่ได้รับการดูแลจึงเกิดตื้นเขินเหมือนท่อที่อุดตัน ปัญหาใหญ่ที่ตามมาก็คือ น้ำท่วมเมือง การอนุรักษ์แม่น้ำลำคลองจึงมีความสำคัญ ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ที่น่าภูมิใจก็คือ ในปัจจุบันมีจิตรอาสามาช่วยกันทำงานในเรื่องนี้กันมาก และทำกันอย่างจริงจัง
วันที่ ๒๐ กันยายนยังเป็น “เยาวชนแห่งชาติ” National Youth Day จากการที่องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้ปี ๒๕๒๘ เป็นปีเยาวชนสากล คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้วันที่ ๒๐ กันยายนของทุกปีเป็น “วันเยาวชนแห่งชาติ” โดยถือเอาวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ๒ พระองค์ คือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ซึ่งเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นยุวกษัตริย์
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานได้ให้ความหมายของคำว่า “เยาวชน” ไว้ว่า หมายถึงบุคคลที่มีมีอายุเกิน ๑๔ ปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่ถึง ๑๘ ปีบริบูรณ์ และไม่ใช่ผู้บรรลุนิติภาวะแล้วด้วยการสมรส
ส่วนองค์การสหประชาชาติได้ให้ความหมายสากลของคำว่า “เยาวชน” หมายถึงคนในวัยหนุ่มสาว คือผู้ที่มีอายุระหว่าง ๑๕-๒๕ ปี
แต่พระราชบัญญัติเกี่ยวกับวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวได้บัญญัติไว้ว่า “เด็ก” หมายความว่า บุคคลอายุต่ำหว่า ๑๕ ปีบริบูรณ์ “เยาวชน” หมายความว่า บุคคลอายุเกิน ๑๕ ปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่ถึง ๑๘ ปีบริบูรณ์
คำขวัญวันเยาว์ชนแห่งชาติปี ๒๕๖๕ คือ “ร่วมแรงแข็งขัน ช่วยกันพัฒนา ใฝ่หาสันติ”
“ร่วมแรงแข็งขัน” หมายถึง การวินิจฉัยและตัดสินใจที่จะทำตนให้เกิดคุณค่า โดยไม่ตกเป็นเครื่องมือของใคร สร้างสรรค์กิจกรรมที่เป็นประโยชน์แก่ตนเองและประเทศชาติ
“ช่วยกันพัฒนา” หมายถึง การพัฒนาตนเองทั้งร่างกาย จิตใจและปัญญาอย่างต่อเนื่อง ให้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพของสังคม และบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
“ใฝ่หาสันติ” หมายถึง เยาวชนต้องมุ่งแต่ในแนวทางสันติ เคารพสิทธิของผู้อื่น โดยเริ่มจากครอบครัว ขยายไปยังชุมชน และประเทศชาติ
เนื่องในวันเยาวชนแห่งชาติ ๒๕๖๕ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ได้ประทานคติธรรม ความว่า
“บรรทัดฐานสังคมมนุษย์จำแนกเป็นหลายระดับ นับแต่ที่เข้มงวดที่สุดคือกฎหมาย ไปจนถึงระดับกลางที่เรียกว่าจารีตกระทั่งระดับอ่อนที่เรียกว่าวิถีประชา หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่สามารถทำตนบนบรรทัดฐานแต่ละระดับได้ ย่อมจะประสบผลร้ายแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะถูกลงโทษตามกฎหมายบ้านเมือง ถูกขับออกจากหมู่ หรือถูกชุมชนติเตียน ซึ่งล้วนเป็นโลกธรรมอันไม่น่าพึงพอใจทั้งนั้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงอบรมสั่งสอนคุณธรรมหนึ่งซึ่งสนับสนุนการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็นของเด็ก เยาวชน หรือผู้ใหญ่ ให้เป็นปกติสุขเรียบร้อย
คุณธรรมนั้นคือ “ปริสัญญตา” หมายถึงการรู้จักบริษัท รู้จักชุมชน รู้จักที่ประชุม รู้กิริยาที่จะประพฤติต่อชุมชนนั้น ๆ ว่าเมื่อเข้าไปหาชนหมู่นี้ จะต้องทำกิริยาอย่างนี้ จะต้องพูดอย่างนี้ ชนหมู่นี้ควรสงเคราะห์อย่างนี้ ในที่นี้ควรพูด หรือในที่นี้ควรนิ่ง ดังนี้เป็นต้น
พลังแห่งอุดมการณ์อันแรงกล้าของเยาวชนที่มุ่งหวังตั้งใจจะสร้างสรรค์สังคม นับเป็นขุมพลังอันยิ่งใหญ่ซึ่งจะนำพาอนาคตชาติไทยให้ก้าวหน้า แต่การขับเคลื่อนอุดมการณ์ไปสู่ภาคปฏิบัติเพื่อเป้าหมายที่ดีงามได้อย่างไม่หลงทิศทางจำเป็นต้องเริ่มด้วยการศึกษาบรรทัดฐานสังคมในแต่ละระดับที่ซับซ้อนกันอยู่อย่างถี่ถ้วน แล้วพากเพียรฝึกฝนอบรมตนให้เป็นผู้รู้จักประชุมชนที่ตนเข้าร่วมอยู่อย่างรู้กาลเทศะ เพื่อให้สามารถวางตนบนบรรทัดฐานอันดีงามได้อย่างถูกต้อง สอดประสานอยู่ในสังคมส่วนรวม อันประกอบด้วยคนต่างวัยต่างความคิดความเชื่อถือได้ โดยสันติ เมตตา และสามัคคี
ขออนุโมทนาความดีของเด็กและเยาวชน รวมทั้งผู้ทำประโยชน์ต่อเด็กและเยาวชน ขออานุภาพแห่งกุศลจริยาและปณิธานในการดำรงตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม โปรดอภิบาลรักษาให้ท่านประสบความสำเร็จในการประกอบกรณียกิจสามารถพัฒนาชีวิตให้เพียบพร้อมด้วยสุจริตธรรม เป็นกำลังของประเทศชาติสืบไป เทอญ.