"จอนนี่ มือปราบอินดี้" พูดคุยอดีตเจ้านาย สารวัตรกองปราบฯ ลาออกจากตำรวจไปขับแกร็บ เผยเหตุมาจากอยู่ในระบบที่ไม่ดี องค์กรขับเคลื่อนไม่ถูกทาง คนดีๆ ขึ้นไปเป็นผู้บังคับบัญชาก็ทำไม่ได้ จึงยากที่จะเปลี่ยนแปลงตามเป้าหมาย ช่วงที่ว่างไม่มีอะไรทำขับแกร็บไปก่อน เผื่อต่อยอดแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์มากกว่า ฝากข้าราชการตำรวจที่ยังอยู่ให้สามัคคี ปฏิเสธคำสั่งที่ไม่ถูกต้อง
วันนี้ (15 ก.ย.) ในโลกโซเชียลฯ มีการแชร์คลิปจากเพจที่ชื่อว่า "ตะลึงกรุง จอนนี่มือปราบ" ของ ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ จอนนี่ มือปราบอินดี้ ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จว.อุบลราชธานี และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ในหัวข้อ "จากสารวัตรกองปราบฯ นรต.61 ลาออกมาขับแกร็บ เกิดอะไรขึ้นกับนายตำรวจหนุ่มท่านนี้ มาฟังความคิดแกครับ" โดยได้สัมภาษณ์อดีตเจ้านายเก่า คือ พ.ต.ท.ภูมิทัศน์ ปิติจิรานนท์ หรือ สารวัตรอุ้ย ตำรวจนอกราชการ ที่เคยร่วมงานกันในสมัยที่ทำงานอยู่ในกองบังคับการปราบปราม เมื่อ พ.ต.ท.ภูมิทัศน์มาเที่ยวที่รีสอร์ตของตน ทราบว่าลาออกจากราชการเพื่อไปขับแกร็บ ซึ่งรู้สึกใจหายแต่ก็มีเหตุผลของท่าน
พ.ต.ท.ภูมิทัศน์เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเคยอยู่ที่กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ก่อนจะย้ายไปอยู่กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ตำแหน่งสุดท้ายอยู่ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ ก่อนที่จะลาออก ความจริงการลาออก ต้องแยกระหว่างความสุขกับความต้องการ ทุกคนต้องการความสุขอยู่แล้ว ตนต้องการทำให้องค์กรตำรวจดี ในเมื่อได้มาเป็นตำรวจ ได้เห็นองค์กร รู้สึกว่าไม่ใช่ว่าตำรวจไม่ดี แต่เป็นเพราะระบบขององค์กรที่มันไม่ถูก คิดว่าวันหนึ่งพยายามทุกวิถีทางเพื่อไต่เต้าไปถึงจุดๆ หนึ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรได้ แต่การตัดสินใจลาออกเกิดจากความรู้สึกว่า ความฝันตนไม่เป็นจริง
"ผมเห็น ผบ.ตร. (ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ) หลายนายที่คิดว่าท่านเป็นคนดี แต่ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรตำรวจได้ ผมคิดว่าจะเสียเวลาไต่เต้าไปจนถึงจุดนั้นแล้ว ก็ยังเปลี่ยนแปลงไม่ได้เหมือนเดิมไปทำไม ผมก็เลยคิดว่าความลำบาก ความอดทน ในเวลาที่เหลือจนไปถึงวันที่ผมคิดว่าผมจะทำความฝันสำเร็จ คิดว่าจะลำบากไปทำไม ถ้าลำบากไปเป้าหมายมันไม่สามารถได้อย่างที่เราตั้งใจ วันนี้เราเลือกความสบายใจ เลือกความสุขให้ตัวเองบ้าง ... มันเป็นที่ระบบ ไม่ใช่เพราะตำรวจไม่ดี แต่เป็นเพราะตำรวจอยู่ในระบบที่ไม่ดี มันก็ต้องขับเคลื่อนไป" พ.ต.ท.ภูมิทัศน์กล่าว
เมื่อถามว่าหลังลาออกจากราชการตำรวจ ความรู้สึกต่างกับตอนที่เป็นตำรวจหรือไม่ พ.ต.ท.ภูมิทัศน์กล่าวว่า สิ่งที่ออกมาคือเราสามารถเป็นตัวเราเอง เพราะว่าเราไม่ต้องมาทำตามระบบที่มันผิด เหมือนรถมันถอยหลัง แล้วเราก็ต้องนั่งอยู่บนรถ โดยที่เราไม่สามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ถ้าเราลงจากรถที่ถอยหลัง อย่างน้อยเราก็ไม่ถอยหลังลงไปกับมัน การจะเปลี่ยนระบบ ไม่ใช่คนคนเดียวที่จะเปลี่ยนได้ ต้องทุกคนพร้อมใจกันที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ระบบมันก็จะถูกต้อง ถ้าทุกคนพร้อมใจกันที่จะทำให้รถไม่ถอยหลัง อย่างน้อยมันหยุดอยู่กับที่หรือว่าจะเดินหน้าอย่างไร เราก็ช่วยกันคิดขับเคลื่อนกันไป ส่วนหัวก็เป็นผู้นำซึ่งเป็นส่วนสำคัญ แต่สุดท้ายถ้าหัวดีแต่ทุกคนไม่ร่วมด้วยมันก็ไปด้วยกันไม่ได้
พ.ต.ท.ภูมิทัศน์เปิดเผยถึงการออกมาขับแกร็บว่า อย่างน้อยออกมาตอนที่เราไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน สิ่งที่ทำได้ทันทีคือขับแกร็บ อยากจะเรียนรู้ว่าคนที่เขามาทำงานตรงนี้สามารถเลี้ยงชีพ ดูแลตัวเองได้ไหม แล้วเขาเหนื่อยแค่ไหนกว่าที่จะสามารถเลี้ยงชีพตัวเองได้ ความจริงเป็นงานที่เราเลือกจะทำเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ตนเป็นคนอยู่ว่างไม่ได้ จะหาอะไรให้ตัวเองทำตลอด แต่ว่าถ้าตนว่างยังไม่มีอะไรทำ ก็จะขับไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักก็หยุด ส่วนจะรับงานเป็นการ์ดส่วนตัวนั้นไม่ทำ ตนชอบงานแบบต้องมีเป้าหมายก่อนที่จะทำ
"อย่างเป้าหมายขับแกร็บ ผมก็อยากจะรู้ว่ามันเป็นอาชีพที่ดีไหม สามารถเลี้ยงชีพช่วยเหลือคนได้จริงไหม และเหนื่อยแค่ไหนกว่าจะเลี้ยงชีพได้ แอปพลิเคชันนี้มันตอบโจทย์หรือไม่ แต่ว่าวันหนึ่งถ้าแกร็บไม่ตอบโจทย์สำหรับคนที่มาทำงาน ผมอาจจะเป็นคนคิดแอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์มากกว่า ผมต้องมีเป้าหมายในการทำอะไรก็ตาม ถ้าไม่มีเป้าหมายผมจะไม่ทำ เหมือนตอนเป็นตำรวจผมก็ตั้งหน้าตั้งตาที่จะเป็นตำรวจ เพื่อที่จะไปสู่เป้าหมาย เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงองค์กร แต่พอเป้าหมายเรามองไม่เห็นทางสำเร็จ เราก็ไม่เสียเวลาที่จะทำในสิ่งที่รู้ว่ามันไม่เกิดผล" พ.ต.ท.ภูมิทัศน์กล่าว
เมื่อถามว่าที่ผ่านมามีเป้าหมายในการเป็นตำรวจอย่างไร พ.ต.ท.ภูมิทัศน์กล่าวว่า ก็คิดว่าจะผลักดันให้ตัวเองก้าวหน้าในหน้าที่การงานถึงจุดสูงสุดขององค์กร เพื่อที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่เราเห็นคนดีๆ หลายคนขึ้นไปสู่จุดสูงสุดขององค์กรแล้วก็ไม่สามารถทำได้ ก็เลยคิดว่าน่าจะมีปัจจัยที่มากกว่านั้น ที่คนดีก็ยังทำไม่ได้ แล้วเราก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองดีกว่าใคร เราก็คิดว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่าผู้นำองค์กรไม่ดี องค์กรเลยเป็นแบบนี้ ปัญหาอยู่ที่ว่าทั้งองค์กรขับเคลื่อนไม่ถูกทาง
"ทุกคนต้องพร้อมใจกันหยุดสิ่งที่ไม่ถูกต้องก่อน แล้วค่อยทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่มันก็ยากเพราะว่าการที่เราต้องอดทนทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องนั้น เพื่อเอาตัวเรารอด เอาครอบครัวเรารอด มันเป็นธรรมดาที่คนเราถ้าตัวเองไม่รอด ครอบครัวไม่รอด จะไปช่วยคนอื่นให้รอดมันเป็นไปได้ยาก ถ้าองค์กรยังเลี้ยงดูบุคลากรไม่สามารถอยู่รอดได้ด้วยตัวเอง ก็ยากที่บุคลากรทั้งหมดจะช่วยเหลือสังคม มันเป็นไปได้ยาก" พ.ต.ท.ภูมิทัศน์กล่าว
เมื่อถามว่า ช่วงที่ตัดสินใจลาออก ครอบครัวได้ออกมาห้ามหรือไม่ พ.ต.ท.ภูมิทัศน์กล่าวว่า ไม่มีใครเห็นด้วยเลยสักคน แต่ถ้าตนตัดสินใจแล้วก็ไม่เคยเสียใจ เพราะคิดว่าเราทบทวนตัวเองตลอด แล้วคิดว่าการที่เราทบทวนมันดีสำหรับเราแล้ว เหมาะสมกับเราแล้ว ทุกวันนี้ยังคิดถึงอาชีพตำรวจ ถ้าอาชีพตำรวจดี สังคมไทยจะดีขึ้นอีกมาก สิ่งที่ยากมันไม่ใช่ตัวเรา สิ่งที่ยากของการตัดสินใจในชีวิตคนมันคือคนรอบข้าง คิดว่ามันไม่มีใครหรอกที่ตัดสินใจด้วยตัวลำพังแล้วลำบากใจ ส่วนใหญ่ลำบากใจเพราะคนรอบข้าง อย่างน้อยความคิดดี เจตนาที่ดีของเรา ที่ทำเพื่อส่วนรวมมันไม่เคยหายไป เพียงแต่ว่าเรายังไม่มีโอกาสที่จะทำ
อย่างไรก็ตาม ตนไม่คิดว่าจะต้องขับแกร็บไปตลอด คิดว่าแค่ตอนนี้สิ่งที่ทำได้ทันทีคือขับแกร็บ แต่สิ่งที่อาจจะทำต่อไปคืออาจจะพัฒนาระบบแอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์ ถ้าหากทางนี้ไม่ตอบโจทย์ ตนมีทีมงานเพื่อนฝูงที่ดูแลช่วยเหลือกันมา ทำธุรกิจโรงน้ำแข็ง ก็คิดว่าอาจจะออกแบบแอปพลิเคชันทำน้ำแข็งส่งร้านค้า แต่ก่อนต้องเลือกเจ้ามาส่ง แต่มาส่งช้าขายของไม่ได้ แต่ถ้ามีแอปพลิเคชันต้องการน้ำแข็งเท่าไหร่ มีรถตรงไหนใกล้ก็ไปส่ง วันหนึ่งอาจจะพัฒนาระบบสักชิ้นหนึ่ง
ในตอนท้าย พ.ต.ท.ภูมิทัศน์ฝากถึงข้าราชการตำรวจที่ยังรับราชการตำรวจอยู่ ว่า "สำหรับข้าราชการตำรวจ ผมเข้าใจความรู้สึกของทุกคนในองค์กรที่อยู่ในระบบที่เราก็รู้กันดีว่ามันไม่ถูกต้อง แต่ว่าเรายังทำไม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าพลังความสามัคคีมันจะสามารถเปลี่ยนแปลงและเอาชนะทุกสิ่งได้ ถ้าตำรวจเราร่วมมือร่วมใจกัน สิ่งใดที่เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง แม้จะเป็นคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่ยากจะขัด แต่ผมเชื่อว่าถ้าเราทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งที่มันไม่ถูกต้องนั้น ผู้บังคับบัญชาเพียงไม่กี่คนก็ไม่สามารถเอาชนะคนทั้งองค์กรได้ แล้วตำรวจเป็นอาชีพที่สำคัญ ที่จะทำให้ความสงบสุขของบ้านเมืองเกิดขึ้น ถ้าเราทำถูกต้องแล้ว มันไม่ใช่แค่องค์กรเราดี มันคือประเทศชาติ มันคือความสุขของประชาชน อยากให้ทุกคนเข้มแข็งต่อสู้ เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนอย่างแท้จริง" พ.ต.ท.ภูมิทัศน์กล่าว