บริษัทจัดจำหน่ายขอโทษพร้อมชี้แจง ปม "ห้องน้ำแมวอัตโนมัติ" หนีบคอทำแมวดับสลด

Litter-Robot Thailand ผู้จัดจำหน่าย "ห้องน้ำแมวอัตโนมัติ" ชี้แจงปมห้องน้ำแมวอัตโนมัติหนีบคอแมวดับสลด พร้อมขอแสดงความเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น

จากกรณีสาวโพสต์อุทาหรณ์เตือนทาสแมว หลัง "ห้องน้ำแมวอัตโนมัติ" เซ็นเซอร์ห้องน้ำรวน หนีบคอแมวตาย พร้อมบอกอุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เตือนให้หมั่นเช็กระบบให้ดีๆ นั้น

คลิกอ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง >>>>อุทาหรณ์! "ห้องน้ำแมวอัตโนมัติ" ทำน้องแมวตาย แนะคนใช้หมั่นตรวจสภาพ https://mgronline.com/onlinesection/detail/9650000059833

ล่าสุดเฟซบุ๊ก "ห้องน้ำแมวอัตโนมัติ Litter-Robot, ประเทศไทย" ได้โพสต์ชี้แจงประเด็นดังกล่าว โดยระบุว่า "ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับเจ้าของแมวที่เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ หากไม่เป็นการรบกวนอยากให้ทางเจ้าของแมวติดต่อกลับเพื่อให้ทีมงานเข้าไปเช็กเครื่องดูว่าเกิดจากสาเหตุใด ในวันที่ชี้แจงนี้ยังไม่ได้เห็นเครื่องจริงที่เกิดเหตุ จึงยังไม่สามารถฟันธงถึงสาเหตุได้ แต่อยากชี้แจงในส่วนของสินค้า รวมถึงการทำงานของ single board ก่อนว่าเป็นอย่างไร

โดยจะสรุป 3 ประเด็น ดังนี้
ทำไมต้องใช้ single board
single board ปลอดภัยจริงไหม
แนวทางป้องกันหลังจากนี้

สำหรับผู้ใช้ Litter-Robot อยู่ ผมอยากให้อ่านโดยละเอียด ยาวหน่อยครับ แต่เชื่อว่ามีประโยชน์ และมั่นใจว่าโพสต์นี้ตอบคำถามในใจใครหลายๆ คนได้ และขอใช้ภาษาพูดไม่เป็นทางการนักเพื่อสื่อสารได้เข้าใจง่ายที่สุด ทำไมต้องใช้ single board ขอเท้าความก่อนนิดหนึ่ง เพื่อจะได้เข้าใจที่มาที่ไปและเจตนารมณ์ของเรา เครื่อง Litter-Robot เป็นสินค้านำเข้าจากอเมริกา ถูกจำหน่ายช่วงปี 2016-2020 ลูกค้าที่ซื้อเครื่องจะมีประกันเครื่องเสีย ซ่อมฟรี 18 เดือน ลูกค้าที่ซื้อเครื่องกับเราจะทราบดีเรื่องงานบริการที่รวดเร็วประทับใจ เราดูแลลูกค้าอย่างดีมาโดยตลอด ตลอดเวลาที่ขาย พบว่าเครื่องมีปัญหาจุกจิกเยอะมาก ผมจะรู้ปัญหาดีที่สุด เห็นภาพใหญ่ทั้งหมด ว่าเปอร์เซ็นต์เครื่องเสียสูงเกินไป เสียเร็วไป กว่าจะรู้ตัวก็ขายเครื่องออกไปมากแล้ว เราทำได้แต่เพียงเพิ่มทีมงานซ่อม เพื่อให้ซ่อมทันงานที่เข้ามาแต่ละวัน

หลังจากปี 2020 มีสินค้าห้องน้ำแมวเข้ามาขายมากขึ้น ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น แต่ด้วยต้นทุนที่แพงกว่าแบรนด์อื่นๆ บริษัทจึงตัดสินใจยุติการนำเข้าและทำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่นั้นมา หลายคนถามผมว่า ทำไมเลิกขาย? ผมก็จะตอบไปตามตรงว่า เครื่องมันไม่ทน เสียง่าย ไม่ได้คุ้มอย่างที่คิด ผมไม่อยากเพิ่มจำนวนลูกค้าไปมากกว่านี้ ขอหยุดตรงนี้และเอาเวลาดูแลลูกค้าเก่าที่มีอยู่ก็หนักแล้ว นับวันเครื่องที่ขายไปยิ่งเก่าลง ยิ่งเสียมากขึ้น และลูกค้าก็เริ่มทยอยหมดประกันกันแล้ว เวลาซ่อมก็จะต้องเสียตังค์ หลายท่านเข้าใจ แต่บางท่านก็ไม่เข้าใจว่าการบริการก็มีต้นทุน เมื่อเครื่องหมดประกันแล้วก็ต้องเสียค่าซ่อมเป็นธรรมดา

สุดท้ายผมเลยคิดว่า เราต้องทำอะไรสักอย่างไม่งั้นงานซ่อมจะล้นมือจนบริการไม่ทัน ลูกค้าก็จะเสียเงินซ่อมเรื่อยๆ เสียเวลานัดช่าง เสียความรู้สึกแน่นอน ทางผมได้แจ้งปัญหาไปยังทางอเมริกาหลายต่อหลายครั้งถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขใดๆ จากต้นทาง จึงเป็นที่มาของการสร้างโปรเจกต single baord ขึ้นมาครับ

single board ออกแบบมาเพื่อเป็นบอร์ดแห่งความหวัง โดยลดทอนฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็นออกไป เน้นการทำงานให้มีเสถียรภาพที่สุด บนพื้นฐานที่ยังต้องปลอดภัยอยู่ โดยเรามุ่งเน้นเปลี่ยนให้กับเครื่องที่หมดประกันแล้ว หรือเครื่องที่ใกล้หมดประกัน เพื่อให้มันใช้งานได้อีกหลายๆ ปี ไม่ต้องซ่อมจนเครื่องช้ำแบบเมื่อก่อน ลูกค้าที่เปลี่ยน single board ไป ผมรับประกันว่าทุกคน "แฮปปี้" เช้ามาไม่ต้องลุ้นว่าเครื่องจะค้างอยู่ท่าไหน ไฟ error ดวงไหนจะกะพริบอีก

single board ปลอดภัยจริงไหม เริ่มเข้าเรื่องในกรณีที่เป็นประเด็นแล้วครับ ผมยืนยันว่า single board ยังมีความปลอดภัยอยู่ครับ จริงอยู่ที่เราตัดระบบเช็กการหนีบ (pt) ออกไป (pt : pinch ternimal) เพราะตัว pt ตัวนี้เป็นปัญหาหลักของอาการเครื่องรวน ทำให้เครื่องค้างเป็นประจำ เพราะเจ้า pt ตัวนี้จะอยู่แถวๆ ช่องเก็บอึที่มีความชื้นสูง pt มักจะมีขี้เกลือจับภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน และเป็นสนิมในที่สุด

การออกแบบ single board เราตั้งใจเอา pt ออกตั้งแต่แรก ด้วยเหตุผล 2 ข้อ
1. ลดปัญหาเครื่องค้างเวลาเป็นสนิม
2. pt เปลี่ยนยาก ต้องรื้อฐานเครื่องทั้งหมด ลูกค้า ตจว.จะทำเองไม่ได้แน่ๆ ต้องส่งกลับ กทม.เท่านั้น

ไม่มี pt แล้วจะปลอดภัยหรือ?
ปลอดภัยครับ เพราะ single board จะใช้เซ็นเซอร์วัดน้ำหนัก (fs : force sensor) ในการตรวจเช็กระบบความปลอดภัยแทน หากมีแมวเข้าไปขณะเครื่องกำลังหมุนเครื่องก็จะหยุดทำงาน รอจนกว่าแมวออกไปถึงจะทำงานต่อ

ตัว fs อยู่ที่ขาหลังกลางเครื่อง ติดกับพื้น จะทำหน้าที่วัดน้ำหนักของเครื่องทั้งหมด ณ เวลานั้นๆ หากมีวัตถุใดๆ (แมว) ที่หนักเกิน 2 กก.เข้าไปในเครื่อง fs จะส่งสัญญาณไปยังเมนบอร์ดว่า มีแมวเข้ามาในห้องน้ำ (กรณีลูกแมวหรือแมวผอมที่หนักไม่ถึง 2 กก. ผมได้แจ้งกับผู้ซื้อตั้งแต่แรกแล้วว่าใช้ไม่ได้ครับ)

อย่างกรณีคลิป tiktok ที่มีการทดสอบโยนตุ๊กตาเข้าไปแทนแมว ผมบอกได้เลยครับว่าหนีบแน่นอน เพราะตุ๊กตามันเบามาก fs จับสัญญาณไม่ได้ครับ แล้วถ้าวันหนึ่ง fs เสียขึ้นมาล่ะ จะอันตรายไหม? จะรู้ได้อย่างไรว่าควรเปลี่ยน? แน่นอนครับ วันหนึ่ง fs ก็ต้องเสีย เหมือนอะไหล่ทุกๆ ชิ้นที่มีอายุใช้งาน แต่ไม่ต้องกังวลครับ เพราะถ้าในวันที่ fs เสียจริงๆ เครื่องก็จะไม่หมุนตั้งแต่แรก เพราะ fs ไม่ส่งสัญญาณไปบอกกับเมนบอร์ดว่ามีแมวเข้า ดังนั้นถ้า fs เสีย เครื่องจะไม่หมุนเก็บแบบอัตโนมัติเลยครับ พอถึงจุดนี้ลูกค้าก็จะโทร.แจ้งอาการเสียกับฝ่ายบริการเพื่อให้เข้าไปตรวจสอบครับ

ส่วนการตัด pt ออกไป โดยที่ไม่แจ้งให้ลูกค้าทราบก่อนจะเปลี่ยน อันนี้ทางผมยอมรับว่าไม่ได้แจ้งกลไกการทำงานที่เปลี่ยนไปในส่วนนี้ แต่เราได้ออกแบบกลไกด้านความปลอดภัยอื่นเพิ่มเติมมาทดแทนให้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน โดยปรับความ sensitive ของ fs ให้มากขึ้นกว่า original board (เนื่องจาก Litter Robot ถูกพัฒนาและออกแบบในอเมริกา ดังนั้นผู้ออกแบบจึงใช้ค่าเฉลี่ยน้ำหนักแมวโซนอเมริกา ยุโรป เป็นหลัก พอมาใช้ในบ้านเราที่แมวตัวเล็กกว่าเลยมีปัญหาอยู่บ้าง)

แนวทางป้องกันหลังจากนี้
ผมคิดว่ายังไงเราก็จะไม่กลับไปใช้ original baord อีกแล้ว เราเลือกที่จะแก้ปัญหาด้วย single board และเราเดินมาไกลมากแล้วกว่าที่จะกลับไปใช้ระบบเดิมที่มันไม่เวิร์ก

สำหรับลูกค้าที่ใช้ single board อยู่ตอนนี้ ผมอยากให้สบายใจในเรื่องนี้ได้ครับ และคอยหมั่นตรวจสอบดูตามนี้ ว่า
- มีทรายในเครื่องอยู่ในระดับขีดหรือไม่ (+-นิดหน่อยได้ครับ)
- หมั่นดูว่าด้านหลังเครื่องไม่ชนกับผนัง
เพียงเท่านี้ก็ปลอดภัยแล้วครับ

สุดท้ายนี้ผมขอแสดงความเสียใจอีกครั้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมในฐานะผู้จำหน่ายปฏิเสธที่จะออกมาชี้แจงเรื่องนี้ไม่ได้ หากมีอะไรที่ทางผมสามารถช่วยเหลือทางผู้เสียหายสามารถติดต่อมาได้เลยนะครับ และขอขอบคุณหลายๆ กำลังใจจากลูกค้าหลายๆ ท่านที่ส่งเข้ามา และที่ลืมไม่ได้ คือ ต้องขอโทษผู้ร่วมอาชีพทุกท่าน บริษัทฯ จำหน่ายห้องน้ำแมวแบรนด์อื่นๆ ที่ทำให้ได้รับผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในสินค้าของท่านไปด้วย ผมยังยืนยันว่า ห้องน้ำแมวอัตโนมัติเป็นสินค้าที่ดีมากๆ ส่วนเรื่องความปลอดภัยของแบรนด์อื่นๆ ผมไม่ทราบรายละเอียดเชิงลึก แต่คิดว่ายิ่งรุ่นใหม่ๆ ยิ่งมีระบบความปลอดภัยที่มากขึ้น รวมไปถึง Litter-Robot รุ่นใหม่ล่าสุด ก็น่าจะมีการพัฒนาไปมากแล้ว ส่วนรุ่นที่ผมขายและพูดถึงอยู่นี้ เป็น Litter-Robot OpenAir รุ่น 3 (แบบไม่มี Wi-Fi) ก่อนปี 2020 เท่านั้น ซึ่งเป็นแบรนด์แรกที่ออกมาในตลาด ก็มีความทันสมัยและปลอดภัยสุดในยุคสมัยนั้น
ขอขอบคุณทุกๆ ท่านครับ ต่าย ผู้บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาด Litter-Robot Thailand"