ประธานบอร์ดกองสลากเผยขายสลากดิจิทัลผ่านแอปฯ เป๋าตัง งวด 1 ส.ค.นี้เพิ่มเป็น 7 ล้านฉบับ เปิดขาย 17 ก.ค.นี้ หากผลตอบรับดีงวดต่อไปเพิ่มให้อีก 2 ล้านฉบับ เผยเอามาจากโควตาที่ยึดเพราะจับได้ว่าเอาไปขายต่อ ด้านโฆษกรัฐบาลเผยเล็งเพิ่มจุดจำหน่ายสลาก 80 เล็งปั๊มบางจาก-ปตท.นับพันจุดทั่วประเทศ
วันนี้ (25 มิ.ย.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ติดตามและประเมินโครงการสลากดิจิทัลที่จำหน่ายผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง” ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จในการแก้ปัญหาจำหน่ายสลากเกินราคาอย่างเป็นรูปธรรม
ล่าสุดคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลมีมติให้เพิ่มปริมาณสลากจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มหรือสลากดิจิทัลอีก 2 ล้านฉบับ ในงวดวันที่ 1 ส.ค. 2565 โดยจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค. 2565 เพื่อให้ประชาชนสามารถซื้อสลากหมายเลขที่ต้องการได้ในราคา 80 บาท มากขึ้น สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการแก้ไขปัญหาสลากแพงให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ การเพิ่มปริมาณสลากดิจิทัลจะเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป งวดละ 1-2 ล้านใบ ตามความต้องการของตลาด แต่ภายในปีนี้จะมีจำนวนสูงสุดไม่เกิน 20 ล้านใบ พร้อมกันนี้จะมีการเพิ่มจุดจำหน่ายสลากในราคา 80 บาท จากเดิมตั้งเป้า 1,000 จุดทั่วประเทศ จะเพิ่มอีก 2,000 จุดทั่วประเทศ ผ่านการขาย ณ ปั๊มน้ำมันบางจาก และ ปตท.เพื่อเพิ่มช่องทางให้ประชาชนเลือกซื้อได้สะดวก คาดว่าประชาชนจะให้ความสนใจไม่แพ้สลากดิจิทัล
"นายกรัฐมนตรีกำชับให้รักษาสมดุลระหว่างสลากแบบใบและระบบดิจิทัล การแก้ไขปัญหาขอให้ค่อยเป็นค่อยไปแบบก้าวกระโดด ยืนยันรัฐบาลไม่มีนโยบายมอมเมาประชาชน พร้อมย้ำให้ประชาชนมีสติในการเลือกซื้อสลาก รัฐบาลมีความตั้งใจในการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาและให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน" นายธนกรกล่าว
ก่อนหน้านี้ นายลวรณ แสงสนิท ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลได้พิจารณาแล้วมีมติให้เพิ่มปริมาณสลากจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์ม หรือสลากดิจิทัลอีก 2 ล้านฉบับ ในงวดวันที่ 1 ส.ค. 2565 โดยจะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค. 2565 และจะติดตามผลการจำหน่ายสลากอย่างใกล้ชิด
หากผลการตอบรับขายหมดในเวลารวดเร็วเช่นที่ผ่านมาก็จะพิจารณาเพิ่มปริมาณสลากในงวดถัดไปอีก 2 ล้านฉบับ เพื่อให้ค่อยเป็นค่อยไป และรักษาสมดุลระหว่างสลากใบและระบบดิจิทัล ประชาชนสามารถซื้อสลากหมายเลขที่ต้องการได้ในราคา 80 บาท โดยมีระยะเวลาในการเลือกซื้อได้นานขึ้น ผู้ขายสลากดิจิทัลก็มีโอกาสจำหน่ายสลากได้หมด โดยไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อผู้ขายสลากใบ
ส่วนสลากที่จะนำมาเพิ่มในระบบดิจิทัลนั้น จะมาจากสลากในระบบซื้อจอง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากสลากของตัวแทนจำหน่ายที่ถูกยกเลิกสัญญาเนื่องจากนำสลากไปขายต่อ
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มปริมาณสลากดิจิทัล จะพิจารณาความต้องการของประชาชนผู้ซื้อสลาก และต้องพิจารณาถึงระยะเวลาในการขายสลากดิจิทัล ที่ควรจะมีเวลาในการขายตั้งแต่วันแรกจนถึงที่ขายหมดประมาณ 7-10 วัน เพื่อให้มีเวลามากพอที่จะสร้างกลไกราคาให้อยู่ที่ 80 บาท ทั้งนี้ ปริมาณสลากที่เหมาะสมในการเพิ่มแต่ละครั้งไม่เกิน 2 ล้านฉบับและจำนวนสูงสูดที่จะเพิ่มไม่เกิน 20 ล้านฉบับ ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับโครงการจุดจำหน่ายสลาก 80 ที่สำนักงานสลากฯ เริ่มดำเนินการมาเป็นเวลา 1 ปีแล้ว ปัจจุบันมีจุดจำหน่ายสลาก 80 ทั้งหมด 754 จุดทั่วประเทศ และยังมีบางส่วนอยู่ระหว่างทำสัญญา ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ส.ค.นี้เป็นต้นไปจะมีจุดจำหน่ายสลาก 80 ทั่วประเทศ 1,077 จุด และภายในปีนี้สำนักงานฯ จะนำร่องขยายจุดจำหน่ายสลาก 80 ซึ่งจำหน่ายสลากผ่านแอปฯ เป๋าตัง ไปที่สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศไม่น้อยกว่า 2,000 จุด และหากได้รับการตอบรับที่ดีจะขยายเพิ่มต่อไป