ตำรวจรวบตัวสิบเอกและเพื่อน หลอกเช่ารถหรูแล้วตัดจีพีเอสก่อนจำนำเต็นท์รถ คนเดียวกับแหกห้องขังกองรักษาการณ์ ค่ายทหารย่านกระทุ่มแบน สมุทรสาคร เมื่อเดือนก่อน พบกลุ่มนายทหารชั้นประทวนหลายสังกัดแจ้งความ หลอกขายหุ้นกู้โรงปลากระป๋อง แต่มาพบทีหลังใช้เอกสารปลอม สูญนับร้อยล้านบาท
วันนี้ (7 พ.ค.) จากกรณีที่มีคลิปในโซเชียลฯ ปรากฏภาพทหารนายหนึ่ง ทราบชื่อคือ ส.อ.เจษฎา ศรีมหาสันติ หรือโบ๊ท อายุ 26 ปี ทหารสังกัดค่ายกำแพงเพชรอัครโยธิน ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร หนีออกจากกองรักษาการณ์ โดยมีรถยนต์โตโยต้ายาริส สีแดง ทะเบียน 4 กณ 9081 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมี ร.ต.จำเริญ ศรีมหาสันติ ซึ่งเป็นบิดาเป็นผู้ขับ วิ่งฝ่าแผงกั้น เจ้าหน้าที่พยายามไล่ติดตามเพื่อจับกุม แต่ถูก ร.ต.จำเริญใช้อาวุธปืนข่มขู่และขับรถหนีไป เหตุเกิดเมื่อ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา
ต่อมา พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก ระบุว่า นายทหารชั้นประทวนยศสิบเอกนายหนึ่ง ถูกผู้บังคับบัญชาตรวจพบว่าได้กระทำความผิดฐานฉ้อโกงเงินสวัสดิการ และหน่วยทหารได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ผลสอบพบว่าผิดจริงและพิจารณาโทษทางวินัย ลงทัณฑ์ขัง 30 วัน พร้อมให้ดำเนินการปลดออกจากราชการ โดยหน่วยทหารได้เข้าแจ้งความต่อ สภ.กระทุ่มแบน ข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการ และประสานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเร่งติดตามตัวต่อไป
อ่านประกอบ : สิบเอกโกงเงินหนีโทษขัง พ่อติดเครื่องชิงตัวหลบหนี ทบ.ประสานตำรวจล่าตัว
ล่าสุดมีรายงานว่า เมื่อเย็นวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ชุดสืบสวนตำรวจนครบาล 9 และ สน.ท่าข้าม จับกุม ส.อ.เจษฎา พร้อมด้วย สิริบูรณ์ ปัดชา หรือวี อายุ 24 ปี สองผู้ต้องหาในคดีร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย หลังผู้เสียหายรายหนึ่งเข้าแจ้งความต่อตำรวจ สน.ท่าข้าม ให้ดำเนินคดี โดยเมื่อเย็นวานนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนฝากขังต่อศาลอาญาธนบุรี ปรากฏว่าผู้ต้องหาได้ยื่นขอประกันตัวในชั้นศาล ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ตีวงเงินประกัน 80,000 บาท ต่อมาตำรวจ สน.ท่าข้ามได้รับการประสานจาก สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ให้อายัดตัว ส.อ.เจษฎา ดำเนินคดีในข้อหาทำลายทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย จึงได้อายัดตัว ส.อ.เจษฎา ก่อนที่ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนจะรับตัวมาดำเนินคดี
ก่อนหน้านี้ วันที่ 5 พ.ค. มีผู้เสียหายรายหนึ่งซึ่งปล่อยเช่ารถหรูทางออนไลน์ เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สน.ท่าข้าม ว่าถูกชายรายหนึ่ง ทราบชื่อภายหลังคือ นายสิริบูรณ์ นำใบขับขี่ปลอมหลอกเช่ารถหรูยี่ห้อปอร์เช่ บ็อกซ์สเตอร์ 718 สีเทา หมายเลขทะเบียน ฆพ 646 กรุงเทพมหานคร มูลค่า 7 ล้านบาท โดยตกลงเช่ารายวัน วันละ 29,000 บาท เป็นเวลา 3 วัน รวมค่าเช่า 87,000 บาท โดยนัดส่งมอบรถเมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 2 ถนนพระราม 2 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ปรากฏว่าวันที่ 5 พ.ค. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ต้องส่งคืนรถคันดังกล่าว พบว่าไม่มีการส่งมอบรถ และสัญญาณจีพีเอสที่ติดอยู่กับตัวรถหายไป จึงได้แจ้งความดำเนินคดี
จากการสืบสวนของตำรวจพบว่า ส.อ.เจษฎานำรถคันดังกล่าวไปจำนำที่เต็นท์รถแห่งหนึ่งในราคา 1.8 ล้านบาท ต่อมาชายคนดังกล่าว ทราบชื่อภายหลังคือนายสิริบูรณ์ ได้ติดต่อขอเช่ารถบีเอ็มดับเบิลยู แซดโฟร์ กับบริษัทในเครือ ผู้เสียหายจึงวางแผนร่วมกับตำรวจนัดส่งมอบรถที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพฯ เมื่อนายสิริบูรณ์มาถึงจึงแสดงตัวเข้าจับกุม นายสิริบูรณ์ให้การซัดทอดว่า ส.อ.เจษฎา เป็นคนว่าจ้าง ตำรวจให้นายสิริบูรณ์โทรศัพท์ไปหา ส.อ.เจษฎา ที่ร้านเอ็มเค โกลด์ เอกมัย ซอยสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ก่อนจับกุม ส.อ.เจษฎาในที่สุด
จากการสอบปากคำ ส.อ.เจษฎา รับสารภาพว่า ว่าจ้างนายสิริบูรณ์ซึ่งเป็นเพื่อนกันให้ติดต่อเช่ารถจากผู้เสียหาย โดยได้ค่าตอบแทน 5,000 บาท โดยนายสิริบูรณ์ได้ปลอมแปลงใบขับขี่เป็นชื่อบุคคลอื่นเพื่อเช่ารถ จากนั้นได้ส่งมอบรถให้กับ ส.อ.เจษฎา แล้วรับเงินค่าจ้างดังกล่าว ก่อนที่ ส.อ.เจษฎาจะนำรถหรูคันดังกล่าวไปจำนำที่เต็นท์รถ แล้วนำเงินที่ได้ไปใช้จ่ายส่วนตัว
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 พ.ค. กลุ่มนายทหารชั้นประทวนจากหลายสังกัดเดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สรรเสริญ ศิริประเสริฐกุล รอง ผกก.กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน แขวงและเขตจตุจักร กรุงเทพฯ เพื่อแจ้งความเอาผิดต่อ ส.อ.เจษฎา หลังถูกหลอกให้ร่วมลงทุนหุ้นกู้ของบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ผู้ผลิตอาหารทะเลกระป๋อง โดยอ้างว่าได้รับผลตอบแทนสูง และช่วงหลังเห็น ส.อ.เจษฎา มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นผิดหูผิดตา ขับรถเมอร์เซเดส เบนซ์ ใช้ชีวิตหรูหรา จึงได้นำเงินมาร่วมลงทุน ส่วนหนึ่งเป็นเงินที่กู้ยืมมา แต่กลับไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง หนำซ้ำยังขาดการติดต่อ
เมื่อสอบถามไปยังบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ปฯ กลับพบว่า ส.อ.เจษฎา ไม่ได้ลงทุนถือหุ้นกู้กับบริษัทฯ ตามที่กล่าวอ้าง เอกสารที่ทำมาเป็นของปลอมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยพบว่ามีกลุ่มทหารชั้นประทวนที่เป็นผู้เสียหายอีกกว่า 100 ราย ซึ่งอยู่ต่างท้องที่ มูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท จึงได้แจ้งความเพื่อติดตามตัว ส.อ.เจษฎามาดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้พบว่าผู้เสียหายแต่ละคนถูก ส.อ.เจษฎาหลอกเหยื่อแต่ละรายลงทุน ส่วนใหญ่รายละประมาณ 400,000-500,000 บาท แต่ก็มีผู้เสียหายถูกหลอกเป็นจำนวนสูงถึง 4.6 ล้านบาท
อ่านประกอบ : กลุ่มทหารชั้นประทวน ร้อง ปอศ.ล่าสิบเอกแหกคุกทหาร หลังตุ๋นกลุ่มเพื่อนกว่า 100 ล้าน