กรมการขนส่งฯ เรียกแท็กซี่ดึงดาวส่ง สน.พญาไทดำเนินคดี หลังคลิปว่อนโซเชียลฯ

กองตรวจการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก ติดตามตัวโชเฟอร์แท็กซี่นั่งรถดมกาวกลางสี่แยก ตามที่ปรากฏเป็นคลิปในโซเชียลฯ พบไม่มีใบขับขี่ ยอมรับว่าดมจริง ส่งตัวให้ สน.พญาไทดำเนินคดี 3 ข้อหา

วันนี้ (23 เม.ย.) จากกรณีที่ในโลกโซเชียลฯ มีการแชร์คลิปผู้ขับขี่รถแท็กซี่รายหนึ่ง นำถุงบรรจุกาวขึ้นมาสูดดมขณะจอดติดไฟแดง เป็นรถแท็กซี่สีเหลืองของสหกรณ์ไทยถาวรแท็กซี่ หมายเลขทะเบียน ทฬ 7768 กรุงเทพมหานคร ก่อนที่จะขับออกไป เหตุเกิดบริเวณสี่แยกพญาไท ข้างอาคารวรรณสรณ์ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ผู้โพสต์คลิประบุว่า "พี่คะ ฝากเตือนหน่อยค่ะแท็กซี่ดมกาวอันตรายค่ะ เหตุเกิดวันที่ 22 เม.ย. 2565 เวลา 16.45 น. บริเวณสี่แยกพญาไท พบแท็กซี่จอดติดไฟแดงอยู่มีอาการดมกาวซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้โดยสารได้ค่ะ รถได้เลี้ยวมุ่งหน้าไปทางถนนศรีอยุธยาค่ะ"

อ่านประกอบ : แท็กซี่ดึงดาว ดมกาวติดไฟแดง ชาวเน็ตหวั่นอันตราย

ล่าสุด กองตรวจการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก ได้ติดตามตัวผู้ขับรถคันดังกล่าวมาสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วคือ นายทองมา ดวงเฉลิม อายุ 41 ปี เป็นผู้ขับรถในวันเกิดเหตุ และไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ และให้การยอมรับว่าวันเวลาเกิดเหตุได้มีการดมกาวจริงตามที่ปรากฏในสื่อ กองตรวจการขนส่งทางบกพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ขับรถคันดังกล่าวมีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ได้แก่ ขับรถไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะมาตรา 64 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 1,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ขับรถใช้สารเสพติดหรือของมึนเมาขับรถขณะขับรถมีความผิดตามมาตรา 57ฉ(3) มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ขับรถคันดังกล่าวมีข้อหาความผิดที่มีอัตราโทษปรับและโทษจำคุก ผู้ตรวจการกองตรวจการขนส่งทางบก จึงต้องนำตัวผู้ขับรถส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไทซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ และพนักงานสอบสวนยังได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมในข้อหาความผิดตามมาตรา 105 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด พ.ศ. 2564 หากผู้ใดเสพสารระเหยต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับเจ้าของรถคันดังกล่าวมีความผิดฐานยินยอมให้ผู้ขับรถที่ไม่มีใบอนุญาตขับรถสาธารณะตามมาตรา 56 มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และไม่ส่งประวัติผู้ขับรถ ตามมาตรา 5 (15) มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ซึ่งผู้ตรวจการ กองตรวจการขนส่งทางบก จะเรียกเจ้าของรถมาดำเนินการลงโทษเปรียบเทียบปรับต่อไป