บัดดลที่ มิลลิ แร็ปเปอร์สาวชาวไทย โผล่ขึ้นไปร้องเพลง “Mango Sticky Rice” บนเวทีเทศกาลดนตรีระดับโลกที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายนที่ผ่านมา พร้อมกับนำข้าวเหนียวมะม่วงขึ้นไปกินบนเวที ข้าวเหนียวมะม่วงก็ดังกระหึ่มขึ้นในโลกโซเชียลของเมืองไทย ความเร็วยิ่งกว่าพายุพัดจากอเมริกาก็ยังมาไม่ถึง
พร้อมกันนั้นมีข่าวว่าฝรั่งก็ตื่นข้าวเหนียวมะม่วงไปด้วย ถึงขนาดแห่เข้าแถวกันยาวเหยียดเพื่อซื้อข้าวเหนียวมะม่วง คริสเตียโน โรนัลโด ซุปเปอร์สตาร์ของวงการฟุตบอลโลก ก็มีภาพเตรียมโจ้ข้าวเหนียวมะม่วงด้วยเหมือนกัน แต่ความจริงเป็นภาพที่นั่งกินอาหารสุขภาพสำหรับนักฟุตบอล ถูกเปลี่ยนจานมาเป็นข้าวเหนียวมะม่วงซะแล้ว และคิวที่ต่อยาวซื้อข้าวเหนียวมะม่วง ก็เป็นภาพเก่าที่ต่อคิวขึ้นรถบัสที่ออสเตรเลีย ไม่ได้เกี่ยวกับข้าวเหนียวมะม่วงเลยแม้แต่น้อย
นี่ก็เป็นโลกโซเชียลในวันนี้ ที่ข่าวจริงข่าวปลอมคลุกเคล้ากันเหมือนกะทิกับน้ำตาลในข้าวเหนียวมะม่วง ต้องใช้ภูมิปัญญาอ่านด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ข้าวเหนียวมะม่วงของมิลลิ ก็ทำให้ข้าวเหนียวมะม่วงในเมืองไทยขายดิบขายดี เช่นเดียวกับ “ลูกชิ้นยืนกิน” ของลิซ่า แห่งวงพิงค์แพนเตอร์ ส่งผลให้มะม่วงที่ออกมามากในปีนี้เพราะมีฤดูหนาวที่ยาวนาน ทำให้ให้มะม่วงออกช่อมาก ราคาเลยตกต่ำถึงขั้นต้องโยนทิ้ง กลับมีราคากระเตื้องขึ้นมาทันที
ความจริงข้าวเหนียวมะม่วงเป็นของหวานยอดนิยมอย่างหนึ่งของคนไทยมานานแล้ว เรียกว่าเป็นของหวานประจำชาติก็ว่าได้ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเริ่มมีมาแต่เมื่อใด และใครเป็นคนให้กำเนิดสูตรที่เข้ากันได้อย่างเหมาะเจาะถึงขนาดนี้
คำว่ามะม่วงปรากฏอยู่ในศิลาจารึกตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัยแล้ว และกาพย์ชมเครื่องคาวหวาน บทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยที่กล่าวถึงอาหารคาวหวานไว้มาก ก็ไม่ได้กล่าวถึงข้าวเหนียวมะม่วง มีแต่ “ข้าวเหนียวใส่สีโศก” ซึ่งเป็นสีใบอ่อนของต้นโศก ในที่นี้น่าจะเป็นสีจากใบเตย เป็นข้าวเหนียวมูนสำหรับกินกับสังขยา ส่วนข้าวเหนียวมะม่วงสันนิษฐานว่าเพิ่งจะมีในสมัยรัชกาลที่ ๕
สำหรับข้าวเหนียวที่เอามามูนนั้น ความนิยมหรือจะเรียกว่าเป็นตำรับดั้งเดิม กำหนดให้เป็น “ข้าวเหนียวเขี้ยวงู” ซึ่งเป็นพันธุ์ของภาคเหนือ เพราะมีลักษณะเด่นคือ เมล็ดเรียวยาว นึ่งสุกแล้วจะมีสีขาวไม่คล้ำ ผิวเลื่อมมันกว่าทุกพันธุ์ การเกาะตัวเหนียวแต่ไม่เละ เนื้อสัมผัสนุ่ม และมีกลิ่นหอม ต่างกับพันธุ์ที่เอามากินกับไก่ย่าง
ส่วนมะม่วงที่เข้าคู่กับข้าวเหนียวมูน ก็กำหนดว่าต้องเป็นอกร่อง ซึ่งเป็นมะม่วงพันธุ์เก่าแก่ มีรสหวานแหลมและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว แต่ลูกขนาดเล็ก ชาวสวนยุคใหม่จึงหันไปปลูกมะม่วงพันธุ์ใหม่ๆที่ได้ราคาดีกว่า ทำให้อกร่องถูกโค่นทิ้งไปมากจนกลายเป็นมะม่วงหายาก คนขายข้าวเหนียวมะม่วงจึงหันไปหามะม่วงน้ำดอกไม้ ซึ่งมีความหวานอมเปรี้ยวนิดๆ แต่มีลูกขนาดใหญ่กว่า เนื้อเยอะ และทางวิชาการยังยืนยันว่ามะม่วงน้ำดอกไม้มีเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระมากที่สุดในจำนวนผักผลไม้ คนสมัยนี้ส่วนใหญ่จึงรู้จักแต่ข้าวเหนียวมะม่วงน้ำดอกไม้ เหมือนทอดมันปลา คนสมัยใหม่ถ้าไปเจอทอดมันปลาใส่ถั่วพูก็จะถามว่าทำไมไม่ใส่ถั่วฝักยาว เพราะทอดมันปลากราย หรือประเภท “ปลากลาย” ที่ขายอยู่ทั่วไปก็ใส่ถั่วฝักยาวกันทั้งนั้น แต่ตำรับโบราณกำหนดไว้ว่าต้องเป็นถั่วพู คนสมัยก่อนทำกับข้าวไม่ใช่มีอะไรก็หยิบมาใส่ ต้องดูว่ามีคุณสมบัติเข้ากันได้ดีและส่งเสริมกันหรือไม่ ที่ให้ใส่ถั่วพูก็เพราะถั่วพูมีคุณสมบัติในการดับกลิ่นคาวปลาที่ถั่วฝักยาวไม่มี แต่ถั่วฝักยาวหาง่ายกว่าและมีราคาถูกกว่า ก็เหมือนมะม่วงอกร่องที่หายากกว่า แต่ตอนนี้มะม่วงอกร่องแพงกว่ามะม่วงน้ำดอกไม้แล้วนะครับ
ข้าวเหนียวมะม่วงไม่ใช่เพิ่งดังไปทั่วโลกในวันนี้ คงจำกันได้ว่าหลังจากมีข่าวใหญ่เรือนักท่องเที่ยวจีนล่มที่จังหวัดภูเก็ต ต่อมาก็มีการจัดงานเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและปลอบขวัญนักท่องเที่ยวจีน โดยจัดงาน “We Care About You” ขึ้นที่ทะเลสาบเมืองทองธานี เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๒ เชิญนักท่องเที่ยวจีน ๑๐,๐๐๐ คนมาร่วมงาน จุดเด่นของงานนี้ก็คือมีการเลี้ยงข้าวเหนียวมะม่วง โดยใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูถึง ๑.๕ ตัน มะม่วงน้ำดอกไม้ ๖,๐๐๐ ลูก จน Guinness World Records บันทึกไว้ว่าเป็นงานข้าวเหนียวมะม่วงใหญ่ที่สุดในโลก และถ่ายทอดสดงานนี้ออกไปทั่วโลก
หลังจากนั้นยังมีนักชิมของหวานระดับโลกจัดอันดับของหวานที่โดดเด่นของโลก ๕๐ อย่าง ของไทยเรามีข้าวเหนียวมะม่วงและทับทิมกรอบติดไปด้วย
ข้าวเหนียวมะม่วงยังเกี่ยวกันกับตำนานการเมืองด้วย เป็นข่าวดังในปี ๒๕๑๙ เมื่อ พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา นายทหารที่มีบทบาทเด่นทางการเมือง เป็น รมต.มาหลายกระทรวง เสียชีวิตอย่างกะทันหันหลังจากได้รับโปรดเกล้าฯเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเพียง ๒ วัน
ทั้งนี้ พล.อ.กฤษณ์ได้กินข้าวเหนียวมะม่วงที่มีผู้จัดมาให้ จากนั้นก็ไปเล่นกอล์ฟ พอกลับบ้านก็เกิดอาการท้องเฟ้อ ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลพระมงกุฎฯในวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๑๙ แพทย์พบว่ามีโรคแทรกซ้อนจากหัวใจขาดเลือด อาการทรุดลงจนกระทั่งเสียชีวิตในวันที่ ๒๓ เมษายนนั้น หลังจากได้รับโปรดเกล้าฯเป็น รมต.กลาโหมในรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมชเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายนขณะนอนอยู่ในโรงพยาบาล ขณะนั้นบรรยากาศทางการเมืองกำลังอึมครึมจากการช่วงชิงอำนาจ หนังสือพิมพ์ทั้งหลายจึงเสนอข่าวไปแนวทางเดียวกันในทำนองว่าถูกวางยาพิษในข้าวเหนียวมะม่วง จนคำว่า “ข้าวเหนียวมะม่วง” มีความหมายถึง “การวางยาสังหาร”
ก่อนหน้านั้น พล.อ.กฤษณ์เคยตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจ หมอแนะนำให้ลดน้ำหนัก ออกกำลังกายให้พอควร และต้องหลีกเลี่ยงการรับประธานอาหารประเภทไขมันและของหวานให้มาก ท่านกินข้าวเหนียวมะม่วงที่มีทั้งกะทิและน้ำตาลกับความหวานของมะม่วง แล้วไปตีกอล์ฟ ก็เลยเข้าสูตร
ข้าวเหนียวมะม่วงเป็นของอร่อยและมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง ให้พลังงานสูง แทนอาหารได้หนึ่งมื้อ ถ้าทานอาหารแล้วข้าวเหนียวมะม่วงด้วยก็จะแรงเกินไป โดยเฉพาะมื้อเย็นที่ไม่ได้ใช้พลังงานแล้วจะทำให้นอนไม่หลับ ส่วนคนที่เป็นโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ต้องระวังให้หนัก ทานแต่น้อย แต่ถ้าเกิดทนความเย้ายวนของข้าวเหนียวมะม่วงไม่ได้ ก็อย่าไปโทษว่าใครเขาวางยาเลย