ทนายดีเลิศ เตือนทนายตั้ม อาจหลงลืมประเด็นสำคัญในการทำคดี เตือนทนายความผู้เสียหายต้องคิดให้รอบคอบว่าจะใช้พยานหลักฐานใดที่มีน้ำหนักเพียงพอเพื่อเอาผิดผู้ต้องหาให้ได้ หวั่นผู้เสียหายอาจจะเสียหายหนักขึ้นเมื่อขึ้นศาล
จากกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด พาหญิงสาวผู้เสียหายรายที่ 7 อายุ 21 ปี ซึ่งอ้างว่าถูก นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กระทำอนาจารและคุกคามทางเพศเมื่อ 4 ปีก่อน เข้าแจ้งความเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ข้อหาพรากผู้เยาว์กับอนาจารนั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 17 เม.ย. เฟซบุ๊ก "ดีเลิศ อ้อวิจิตร" ของนายดีเลิศ อ้อวิจิตร ทนายความ ได้ออกมาโพสต์ข้อความเตือนไปถึง "ทนายตั้ม" โดยได้ระบุข้อความว่า
"ทนายความผู้เสียหาย คดีอดีตรองหัวหน้าพรรค อาจหลงลืมประเด็นสำคัญในการทำคดี
การที่ทนายพาผู้เสียหายจำนวนหลายรายเข้าแจ้งความเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน อาจทำให้ดูเหมือนว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมทางเพศ หรือรสนิยมทางเพศที่ไม่เหมาะสม ชอบข่มขืน ชอบทำอนาจารหญิงสาว แต่อย่าลืมว่าหญิงสาวหลายรายนั้นแค่กล่าวหา ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าผู้ต้องหากระทำความผิดจริงสักราย ดังนั้นอาจยังเหมารวมไม่ได้ว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมทางเพศ หรือรสนิยมทางเพศที่ไม่เหมาะสม
ทนายฝ่ายตรงข้ามมีข้อต่อสู้มากมาย เช่น เหตุการณ์เกิดนานแล้วมีพยานหลักฐานหรือไม่ มีรอยฟกช้ำหรือไม่ มีการดำเนินการอย่างไรหลังจากถูกข่มขืน มีการปัดป้องอย่างไรในระหว่างถูกข่มขืน มีการขอความช่วยเหลือจากบุคคลอื่นหรือไม่ มีการรู้จักกันมาก่อนหรือไม่ หรือทนายฝ่ายตรงข้ามอาจพยายามทำลายน้ำหนักการ "ข่มขืน" ให้เป็น "การสมยอม" ก็ได้
ทนายความผู้เสียหาย ต้องคิดให้รอบคอบ ต้องกลั่นกรองให้ดีว่าจะใช้พยานหลักฐานใดซึ่งมีน้ำหนักเพียงพอว่าผู้ต้องหาน่าจะกระทำความผิดจริง เพื่อเอาผิดผู้ต้องหาให้ได้
ทนายความผู้เสียหายคงลืมไปว่าเวลาผู้เสียหายขึ้นศาล เบิกความในศาล ผู้เสียหายอาจจะเสียหายหนักขึ้นหรือไม่ เนื่องจากคำถามของทนายฝ่ายตรงข้ามที่ต้องการทำลายน้ำหนักคำเบิกความและพยานหลักฐานของผู้เสียหาย รับรองคำถามไม่สวยสดงดงามอย่างแน่นอน"
นอกจากนี้ ทนายดีเลิศยังได้โพสต์ข้อความอธิบาย อายุความ คดีอดีตรองหัวหน้าพรรคข่มขืน, กระทำอนาจารหญิงสาว
ถ้าหญิงสาวถูกข่มขืนหรือถูกทำอนาจารในห้องซึ่งอยู่กันสองต่อสอง จะไม่เป็นการกระทำต่อหน้าธารกำนัล จะเป็นความผิดอันยอมความได้ มีอายุความ 3 เดือน นับแต่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด (คือต้องร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนหรือฟ้องศาลภายใน 3 เดือน) ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 281 ดังนั้น ผู้เสียหายที่อ้างว่าถูกข่มขืนในห้อง 2 ต่อ 2 มาเป็นปีๆ แล้ว จะเอาผิดอดีตรองหัวหน้าพรรคข้อหาข่มขืนไม่ได้ เนื่องจากคดีขาดอายุความ แต่เอาผิดข้อหาพาไปอนาจารตามมาตรา 284 อายุความ 15 ปี ได้
แต่ผู้เสียหายบางรายถูกอนาจารในร้านอาหาร หรือบริเวณลานจอดรถ จะเป็นการกระทำต่อหน้าธารกำนัล จึงไม่ใช่ความผิดอันยอมความได้ มีอายุความ 15 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4836/2574 "กระทำต่อหน้าธารกำนัล ไม่ใช่หมายความเฉพาะแต่กระทำโดยประการที่ให้บุคคลอื่นได้เห็นโดยแท้จริงเท่านั้น เพียงแต่กระทำในลักษณะที่เปิดเผยในที่ซึ่งอาจมีคนเห็นได้ ก็เป็นต่อหน้าธารกำนัลแล้ว"
คดีนี้จึงยังไม่หมดอายุความทุกเคส เคสที่ถูกอนาจารต่อหน้าธารกำนัลน่าจะยังไม่หมดอายุความ ผู้เสียหายไม่ต้องกลัวถูกฟ้องกลับว่าแจ้งความเท็จ ขอให้พูดความจริงทุกอย่าง ทนายผู้เสียหายก็ต้องหาพยานหลักฐานให้มีน้ำหนักมากพอที่ศาลจะลงโทษผู้กระทำความผิดได้
ทนายบางคนไม่ช่วยทำคดี แต่ยังพูดว่าคดีน่าจะจบลงด้วยการจ่ายเงิน และผู้เสียหายอาจถูกฟ้องกลับว่าแจ้งความเท็จ แกพูดราวกับว่า "จะเอาเรื่องคนกระทำความผิดไม่ได้"