1.“ปริญญ์” ลูก ดร.ซุป ไขก๊อก ปชป.สู้คดีลวนลามสาว ด้านภรรยา “ไฮโซลูกนัท” แจ้งความถูกข่มขืนด้วย ขณะที่เจ้าตัวยัน ไม่มีนิสัยแบบนั้น!
สัปดาห์ที่ผ่านมา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า “มีน้องคนหนึ่งมาปรึกษาว่า ถูกรองหัวหน้าพรรการเมืองใหญ่ลวนลาม หอมแก้ม กอดจูบ จับก้น โดยไม่สมยอม ...โดยหลอกว่า จะพามาคุยเรื่องงาน และสอนน้องเรื่องหุ้น เศรษฐศาสตร์ แต่พอมาจริง กลับคุยแต่เรื่องเพศ และลวนลามต่างๆ นานา...”
ทั้งนี้ นายษิทราได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าวที่ สน.ลุมพินีเมื่อวันที่ 14 เม.ย. พร้อมเผยว่า ตนมาติดตามเรื่องที่ผู้เสียหายเคยแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 12 เม.ย. โดยเหตุดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา และว่า เมื่อมีข่าวออกไป ก็มีเหยื่ออีก 3 คนติดต่อตนเข้ามา ซึ่งมีอายุประมาณ 18 ปีทั้งหมด รายหนึ่งอยู่ที่ จ.ราชบุรี มีแม่ทำงานในพรรคเดียวกันกับผู้ก่อเหตุ อีกรายถูกข่มขืนจนต้องหนีไปประเทศอังกฤษ อีกรายโดนลวนลาม ซึ่งเหยื่อบางรายถูกพาขึ้นคอนโดฯ ส่วนตัวด้วย
นายษิทรา กล่าวอีกว่า ตนเชื่อว่า มีเหยื่อรวมแล้วเกิน 10 คน ถูกข่มขืนไม่ต่ำกว่า 5-6 คน โดยมีพฤติกรรมในลักษณะนี้มาตั้งแต่ปี 2556 และเหยื่อรายล่าสุดคือเมื่อปีก่อน ทำให้ต้องหนีไปต่างประเทศ หรือเป็นโรคซึมเศร้า
ด้าน พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.ลุมพินี เผยว่า ได้สอบปากคำผู้เสียหายหลังรับแจ้งความเมื่อวันที่ 12 เม.ย.แล้ว ส่วนรายละเอียดอยู่ในสำนวน ไม่สามารถเปิดเผยได้
วันเดียวกัน (14 เม.ย.) นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงข่าวที่ลานแม่พระธรณี พรรคประชาธิปัตย์ โดยประกาศลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ทุกตำแหน่ง เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมทั้งขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา “ผมยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ ข้อกล่าวหาที่มีมา ผมขอปฏิเสธ แม้จะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่กระทบกับการทำงานของผมกับพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากกระทบต่อภาพลักษณ์ ผมตัดสินใจรับผิดชอบด้วยการออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม”
นายปริญญ์ กล่าวอีกว่า เรื่องที่มีการกล่าวหาว่าตนข่นขืนผู้หญิงด้วยนั้น รู้สึกช็อกและตกใจ ยืนยันตนไม่มีนิสัยเช่นนั้นแน่นอน ไม่ใช่คนแบบนั้น ขณะนี้ยังไม่คิดจะฟ้องกลับใคร ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการเล่นข่าวนี้ในเวลาเลือกตั้ง เป็นการหวังผลทางการเมืองหรือไม่นั้น ตนไม่อยากคิดว่าเกี่ยวข้องกับการเมือง
ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายปริญญ์ได้ชี้แจงเรื่องราวที่เป็นข่าวต่อบิดา คือ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง และเป็นอดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) แล้ว และได้โทรศัพท์ไปชี้แจงกับแม่ของน้องผู้หญิงที่เป็นข่าวเสียหายแล้ว เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่ได้เจตนาจะไกล่เกลี่ยแต่อย่างใด โดยระบุว่า เหตุการณ์วันดังกล่าวเกิดขึ้นที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เวลา 17.00 น. โดยประมาณ ซึ่งคนแน่นร้าน ไม่ได้อยู่สองต่อสอง เมื่อถามถึงคดีที่เกิดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ นายปริญญ์ กล่าวสั้นๆ ว่า จบไปนานแล้ว ไม่กระทบอะไรกับคดีนี้
ด้านนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท แนวร่วมกลุ่มราษฎร หรือม็อบสามนิ้ว ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีที่ทนายษิทราออกมาเผยว่ามีผู้เสียหายรายหนึ่งถูกรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ลวนลาม ซึ่งผู้ปกครองได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สน.ลุมพินีว่า "ขอยืนยันให้เลยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีทางที่จะไม่รู้ถึงพฤติกรรมของนายปริญญ์ แท้จริงแล้ว ก่อนที่นายปริญญ์จะเข้ามาร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการคุยกันก่อนแล้วว่า ต้องไปหาวิธีไล่ลบหลักฐานเรื่องข่าวฉาวคดีข่มขืนที่ลอนดอน ไม่ให้หาเจอได้ง่ายๆ ปิดให้มิดชิด และปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้ขายได้ (ในความคิดแบบ ปชป.) ทั้งนั้น ในแวดวงนักธุรกิจ นักการเมือง ใครๆ เขาก็รู้ๆ กันอยู่ ทั้งหมดนี้ผมทราบจากการบอกเล่าของอดีตหัวหน้าพรรคคนหนึ่ง-ยังจำได้ว่ายังมีคนพูดว่า ถ้าคนนี้เข้าพรรค มีปัญหาแน่ๆ พฤติกรรมเช่นนี้ควรถูกสอบจริยธรรมทั้งคณะกรรมการบริหารพรรค"
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 เม.ย. น.ส.หทัยรัตน์ วิทยพูม หรือแอนนา ภรรยาไฮโซลูกนัท พร้อมด้วยนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ ได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สน.ลุมพินี โดยระบุว่า เคยถูกอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองดังที่กำลังเป็นข่าวฉาวลวงไปข่มขืน
โดยแอนนา กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อปี 2564 โดยตนนัดคุยเรื่องงานกับนักการเมืองคนดังกล่าวตอนกลางวันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่เขาอ้างเป็นเจ้าของ และบอกว่ามีออฟฟิศอยู่ใกล้ๆ กันกับร้าน แต่พอไปถึงกลับเป็นคอนโดมิเนียมย่านสุขุมวิท 33 จากนั้นเขาก็ล็อกประตูห้องแล้วลงมือข่มขืน แอนนา บอกว่า ตนมีน้ำหนักตัวเพียง 39 กิโลกรัม แม้พยายามขัดขืนก็ทำอะไรไม่ได้ และว่า การที่ตนออกมาเผยตัว เพื่อให้เหยื่อรายอื่นๆ กล้าที่จะออกมา ซึ่งสามีตนก็สนับสนุน อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ แอนนาได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เหตุการณ์ที่เกิดกับตน ไม่ได้เก็บหลักฐานไว้ เนื่องจากอยู่ในมือถือเครื่องเก่า
เป็นที่น่าสังเกตว่า วันนี้ (16 เม.ย.) แอนนาได้ลุกขึ้นมาประกาศถอนตัวจากการเป็นผู้สมัคร ส.ก. เขตสวนหลวง พรรครวมไทยยูไนเต็ด โดยอ้างว่า เพื่อลบข้อครหาที่ตนแจ้งจับนายปริญญ์ อย่างไรก็ตาม นายสำราญ ตันพานิช ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร ได้ออกมาเตือนว่า ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 53 เมื่อลงสมัครแล้ว ไม่สามารถถอนตัวจากการเป็นผู้สมัครได้ ส่วนการประกาศถอนตัวถือว่ามีความผิดหรือไม่ นายสำราญ กล่าวว่า ช่วงนี้ยังถือว่าไม่เป็นความผิด แต่ถ้ายังดำเนินการต่อไป อาจเข้าข่ายจูงใจอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้หลงผิดในคะแนนนิยม
วันเดียวกัน (16 เม.ย.) นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลุมนินี เพื่อให้ปากคำกรณีที่มีหญิงสาวแจ้งความกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศ
ด้าน พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. เผยว่า เจ้าหน้าที่ได้แจ้ง 2 ข้อหานายปริญญ์ รวม 3 สำนวน คือ 1.ข้อหาอนาจาร 2 สำนวน สำนวนแรกคือ คดีต้นเรื่องที่มีการเข้าร้องทุกข์ต่อนายษิทรา เบี้ยบังเกิด คดีที่ 3 เป็นคดีนักศึกษาอายุ 18 ปี ที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 เม.ย.ที่ผ่านมา และ 2.ข่มขืน คือคดีในส่วนของภรรยานักเคลื่อนไหวการเมือง โดยนายปริญญ์ ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
และเนื่องจากนายปริญญ์ เดินทางมามอบตัวด้วยตนเอง เจ้าหน้าที่จึงไม่มีอำนาจควบคุมตัวไว้ เพราะยังไม่มีการออกหมายจับ โดยเตรียมฝากขังต่อศาลอาญากรุงเทพใต้วันพรุ่งนี้ (17 เม.ย.) ส่วนการยื่นประกันตัวต้องยื่นในชั้นศาลเพื่อพิจารณาต่อไป โดยในการฝากขัง ตำรวจจะขอให้ศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามเจ้าตัวออกนอกประเทศ เพราะผู้ต้องหามีบ้านพักในต่างประเทศ รวมถึงคดีมีโทษหนักและผู้เสียหายหลายคน พร้อมกันนี้ได้ประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อจับตาเฝ้าระวังการหลบหนีไว้แล้ว
ส่วนกรณีวันจันทร์ที่ 18 เม.ย. นี้ จะมีเหยื่ออีก 5 คน เข้าแจ้งความเพิ่มเติมนั้น พล.ต.ต.จิรสันต์ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ยังสามารถทำงานได้ ไม่ต้องตั้งทีมพิเศษ
2.อัยการสั่งฟ้อง “ธนาธร” ข้อหาหมิ่นสถาบัน ม.112-ผิด พ.ร.บ.คอมฯ กรณีเฟซบุ๊กไลฟ์ “วัคซีนพระราชทาน” ทำสถาบันเสื่อมเสีย!
เมื่อวันที่ 11 เม.ย. นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เผยว่า พนักงานอัยการได้นัดฟังคำสั่งคดีที่พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ส่งความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีเมื่อวันที่ 18 ม.ค.2564 นายธนาธรได้ไลฟ์เฟซบุ๊กบรรยายหัวข้อเกี่ยวกับวัคซีนบนเพจคณะก้าวหน้าและเพจธนาธร ซึ่งมีเนื้อหาวิจารณ์การจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาล ที่มีความล่าช้าและมีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน
นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาได้มีคำสั่งฟ้องนายธนาธรและนำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญา ซึ่งศาลมีคำสั่งรับฟ้องแล้ว และได้อนุญาตให้ประกันตัว โดยตีราคาประกัน 9 หมื่นบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไข ห้ามจำเลยกระทำการใดๆ ในทำนองเดียวกับที่ถูกกล่าวหา หรือไปกระทบสถาบันอีกในระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราว หากฝ่าฝืนจะถือว่าผิดสัญญาประกัน พร้อมกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 6 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
ด้านนายธนาธร กล่าวว่า ขอยืนยันว่า สิ่งที่ได้กระทำไป มีเจตนาที่ดีให้กับบ้านเมือง เพื่อปกป้องสถาบัน และว่า ในชั้นการตรวจพยานหลักฐาน ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและพร้อมต่อสู้คดี และเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกลั่นแกล้งทางกฎหมายหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ยุคนี้เป็นยุคที่มีคดีทางการเมืองมากที่สุด มีคดี 112 มากที่สุด ตนยืนยันว่า การใช้กระบวนการแบบนี้ทางการเมืองมากลั่นแกล้ง ไม่เป็นคุณต่อสถาบัน ตนไม่ใช่คนแรกและคนสุดท้าย ขอให้กำลังใจผู้ที่ถูกกล่าวหาด้วยคดีความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.คอมฯ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือมาตรา 112 และหลังจากนี้ก็ทำเต็มที่ ไม่ว่าเรื่องไหนที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนก็ต้องพูด
เมื่อถามว่า เกรงจะผิดเงื่อนไขของศาลหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ขอยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ...ตราบใดที่ประชาชนยังไม่มีอำนาจ จะไม่มีทางมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขอให้มาร่วมมือกัน ทำให้อำนาจสูงสุดของประเทศนี้เป็นของประชาชน
ทั้งนี้ ทีมสื่อสาร คณะก้าวหน้า ได้เผยแพร่คำฟ้องของอัยการกรณีกล่าวหานายธนาธร จากกรณีการบรรยาย “วัคซีนพระราชทาน” ผ่านทางเฟซบุ๊กไลฟ์ว่า นายธนาธรกล่าวพาดพิงถึงพระมหากษัตริย์ ในการพูดถึงวัคซีนรักษาโควิด-19 ของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด
โดยคำพูดของนายธนาธรเป็นการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตที่เปิดเป็นสาธารณะ ประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้ และคำกล่าวของนายธนาธร มีเจตนาให้ประชาชนเคลือบแคลงสงสัยต่อองค์พระมหากษัตริย์ว่าทรงมีส่วนรู้เห็น หรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำของรัฐบาล ที่นำงบประมาณไปใช้ในการสนับสนุนการผลิตและจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ฯ อันเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อพระเกียรติยศ และเป็นการกล่าววาจาจาบจ้วงล่วงเกิน เปรียบเทียบเปรียบเปรย หรือเสียดสีให้เป็นที่ระคายต่อเบื้องพระยุคลบาท
คำพูดและการกระทำของนายธนาธร ทำให้ประชาชนทั่วไปที่พบเห็นข้อความดังกล่าวแล้วทราบว่า เป็นการกล่าวถึงพระมหากษัตริย์ อันเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา
3. รวบกลุ่มผู้ต้องหาปาระเบิดปิงปองหน้า ร.1 รอ.บ้านพักนายกฯ ด้าน “บุ๊ค Elevenfinger” โดนด้วย!
เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลา 19.50 น. ได้เกิดเหตุปาระเบิดปิงปองบริเวณประตูกรมทหารราบที่ 1มหาดเล็กวัลลภรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) ถนนวิภาวดีรังสิต 2 ลูก โดยตกบริเวณสนามหญ้าตรงข้ามกองรักษาการณ์ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เบื้องต้นพบผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ 1 คัน มีผู้ขับขี่ 1 คน ซ้อนท้าย 1 คน หลังจากนั้นไม่นาน ตำรวจ สน.ท่าเรือ ได้รับแจ้งเหตุมีคนทำวัตถุคล้ายระเบิดปิงปองหล่น ก่อนถูกตำรวจคุมตัวได้พร้อมของกลางระเบิดปิงปองจำนวนหนึ่ง ก่อนสอบว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปาระเบิดที่หน้า ร.1 รอ.หรือไม่
สำหรับผู้ที่ตำรวจ สน.ท่าเรือ คุมตัว คือ นายธนายุทธ ณ อยุธยา หรือบุ๊ค Elevenfinger แร็พเปอร์ วัย 20 ปี โดยถูกจับกุมและตรวจค้นที่บ้านพัก พบมีระเบิดในครอบครอง นอกจากนี้นายธนายุทธยังถูกสะเก็ดระเบิดบาดเจ็บด้วย
ต่อมา ตำรวจ สน.บางซื่อ ได้ไปสอบปากคำนายธนายุทธ ว่าเกี่ยวข้องกับเหตุปาระเบิดที่หน้า ร.1 รอ.หรือไม่ ซึ่งนายธนายุทธ อ้างว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดดังกล่าว ทั้งนี้ ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหานายธนายุทธ ฐานร่วมกันทำให้เกิดระเบิด และความผิดฐานพกพาอาวุธในที่สาธารณะ เนื่องจากเชื่อว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปาระเบิดที่หน้า ร.1 รอ. ส่วนตำรวจ สน.ท่าเรือ แจ้งข้อกล่าวหาฐานมีระเบิดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย จากการมีประทัดและพลุควันที่ค้นเจอในบ้าน
พ.ต.อ.ดนุภัทร ขวัญพสุมนต์ ผกก.สน.ท่าเรือ กล่าวว่า ที่จับนายธนายุทธครั้งนี้ เนื่องจากมีชาวบ้านย่านคลองเตยร้องเรียนได้ยินเสียงระเบิดปิงปอง จึงเข้าตรวจสอบบ้านดังกล่าว พบระเบิดปิงปอง 30 ลูก จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง ผู้ต้องหาให้การว่า ระเบิดปิงปองดังกล่าว กลุ่มผู้ชุมนุมนำมาฝากไว้หลายเดือนแล้ว ระหว่างเกิดเหตุ ได้ไปร่วมชุมนุมและนำระเบิดปิงปองติดตัวไปด้วย เมื่อมาถึงที่บ้าน รถจักรยานยนต์เสียหลักล้มลงหน้าบ้าน ทำให้ระเบิดปิงปองตกแล้วระเบิดไปโดนเท้าได้รับบาดเจ็บก่อนชาวบ้านแจ้งตำรวจ
ทั้งนี้ นอกจากนายธนายุทธแล้ว ตำรวจยังได้ดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง ได้แก่ น.ส.ปฏิมา ฝากทอง อายุ 20 ปี แฟนสาวของนายธนายุทธ โดยแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันทำให้เกิดระเบิด จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่น พาอาวุธเข้าไปในเมืองโดยไม่มีเหตุอันควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 221, 371 ซึ่งวันเกิดเหตุ (10 เม.ย.) หลังเลิกจากการรวมตัวชุมนุมกับกลุ่มทะลุฟ้าที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว ผู้ต้องหากับพวกได้ขี่รถจักรยานยนต์ มาทางถนนวิภาวดีฯ มุ่งหน้าแยกสุทธิสาร แล้วเกิดระเบิดปิงปองบริเวณประตู ร.1 รอ. ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
2 วันต่อมา (12 เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเหตุปาระเบิดหน้า ร.1 รอ. ซึ่งบ้านพักของนายกฯ อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวว่า ได้รับรายงานตลอด พร้อมตรวจสอบจากกล้อง CCTV ด้วย ขณะนี้มีผู้ต้องสงสัยแล้ว และกำลังตรวจสอบต่อ ซึ่งมีคนที่มีประวัติส่วนหนึ่งที่บ้านพักด้วยอะไรด้วย “ก็คงเป็นกลุ่มเดิมๆ ตอนนี้กำลังตามหาตัวคนขว้างระเบิดอยู่ เดี๋ยวก็คงเจอ สอบไป สอบมา เดี๋ยวก็เจอเอง ก็ไม่อยากให้ใครทำทั้งนั้น ช่วงนี้ไม่ควร และความจริงไม่ว่าช่วงไหนก็ไม่ควรทำ มันอันตราย ทำทำไม บ้านเมืองกำลังดีๆ อยู่ เราจะแก้ไขอะไรได้ ถ้าทุกคนไม่ช่วยกัน”
วันเดียวกัน (12 เม.ย.) ตำรวจ สน.ท่าเรือ ได้ขอศาลฝากขังนายธนายุทธ หลังถูกร้องเรียนเหตุระเบิดและตรวจค้นบ้านพักพบระเบิดหลายรายการ เช่น ประทัดลูกบอล 164 ลูก, ประทัดไข่มังกร 8 ลูก, พลุควัน 1 ลูก และระเบิดควันสีดำ 22 ลูก โดยนายธนายุทธ ยอมรับว่า พลุและควันสี ที่ตรวจยึดได้ในบ้านพักเป็นของตนเอง แต่ปฏิเสธว่า ประทัดลูกบอลและไข่มังกร ไม่ใช่ของตัวเอง นอกจากนี้นายธนายุทธ ยอมรับว่า รถจักรยานยนต์ 3 คันที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด เป็นกลุ่มของตนเอง โดยตนและแฟนสาวขับคันหน้าสุด ส่วนคันที่สองและสามเป็นเพื่อนที่รู้จักกัน แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่าเป็นใคร ยอมรับว่า มีการปาระเบิดจริง แต่ยืนยันว่า ไม่ใช่ตนเองแน่นอน
ทั้งนี้ จากการสืบสวนขยายผล จากกล้องวงจรปิดและคำให้การของพยาน ทำให้ตำรวจทราบว่า มีผู้ร่วมก่อเหตุปาระเบิดอีกประมาณ 3 คน โดย 1 ในนี้ทราบชื่อเล่นแล้วว่าชื่อ นายแม็ค ตำรวจ สน.บางซื่อ อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายเรียกมาสอบต่อไป
ซึ่งต่อมา มีรายงานว่า ตำรวจ สภ.พิษณุโลก สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 1 คน หลังหลบหนีไปที่ จ.พิษณุโลก ทราบชื่อคือ นายพรพจน์ แจ้งกระจ่าง อายุ 49 ปี ซึ่งนายพรพจน์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ก่อนนำตัวขอศาลฝากขัง พร้อมคัดค้านการประกันตัว ด้านศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ต้องหาเคยถูกกล่าวหาในข้อหามีและใช้วัตถุระเบิดมาแล้ว คดีนี้ถือว่าเป็นคดีมีความร้ายแรง อัตราโทษสูง ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เชื่อว่าหากปล่อยตัว ผู้ต้องหาจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
สำหรับผู้ต้องหาคดีนี้ มีรายงานว่า มีทั้งหมด 7 คน ขณะนี้เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว 3 คน คือ น.ส.ปฏิมา, นายพรพจน์ และเยาวชนอายุ 15 ปี ส่วนนายธนายุทธ หรือบุ๊ค Elevenfinger มีรายงานว่า ภายหลังศาลอาญากรุงเทพใต้อนุญาตให้ประกันตัวคดีพบวัตถุระเบิดที่บ้านพัก ทางพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ เตรียมเข้าอายัดตัว เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาในคดีระเบิดที่ ร.1 รอ. นอกจากนี้ ตำรวจจะนำผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน 2 คน ส่งศาลเยาวชนฯ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
4. "ศรีสุวรรณ" ยื่น ป.ป.ช. เร่งฟัน 18 ส.ส. ถือครองที่ดิน ส.ป.ก-ภ.บ.ท. 5 เหตุศาลฎีกาตัดสิน "ปารีณา" เป็นบรรทัดฐานแล้ว!
เมื่อวันที่ 11 เม.ย. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เข้ายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ขอให้เร่งรัดการไต่สวนและวินิจฉัยกรณี 18 ส.ส. ถือครองที่ดินของรัฐทั้งในรูป ส.ป.ก. และ ภ.บ.ท.5 โดยเฉพาะที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งศาลฎีกาได้วางบรรทัดฐานไว้แล้วกรณีการถือครองที่ดิน ส.ป.ก.ของ น.ส.ปารีณา เพื่อไม่ให้เกิดการลักลั่น เลือกปฏิบัติ เพราะยังมี ส.ส.หลายรายที่สมาคมฯ ร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ในเวลาไล่เลี่ยกับที่ร้องเรียน น.ส.ปารีณา
โดยครั้งแรกร้องต่อ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 20 พ.ย.62 จำนวน 3 ราย ซึ่งรวม น.ส.ปารีณาด้วย ครั้งที่ 2 วันที่ 27 พ.ย.62 จำนวน 3 ราย ครั้งที่ 3 วันที่ 4 ธ.ค.62 จำนวน 13 ราย รวมทั้งสิ้น 19 ราย แยกเป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 5 ราย พรรคเพื่อไทย 4 ราย พรรคภูมิใจไทย 5 ราย พรรคประชาธิปัตย์ 2 ราย พรรคก้าวไกล 2 ราย พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 ราย ซึ่งถือครองที่ดิน ส.ป.ก.จำนวน 6 ราย ถือครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 จำนวน 12 ราย แต่ ป.ป.ช.กลับวินิจฉัยและส่งเรื่องให้อัยการฟ้องต่อศาลฎีกาเร็วเฉพาะราย น.ส.ปารีณา
“เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาในกรณีของ น.ส.ปารีณา ว่าฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงแล้ว ถือว่าเป็นบรรทัดฐานที่สำคัญที่ชี้ให้เห็นการที่ ส.ส. ซึ่งเป็นผู้ที่มีรายได้สูง ไม่เป็นคนยากจน ไปถือครองที่ดิน ส.ป.ก. ย่อมเป็นการปิดโอกาสเกษตรกรรายอื่น ทำให้ไม่สามารถนำที่ดินไปจัดสรรให้แก่ผู้ยากไร้และไม่มีที่ดินทำกิน ทำให้ประชาชนทั่วไปเกิดความเคลือบแคลงใจว่า เหตุใดผู้ซึ่งดำรงตำแหน่ง ส.ส. จึงสามารถครอบครองที่ดินจำนวนหลายไร่ในเขตปฏิรูปที่ดินได้ เป็นเรื่องที่ ส.ส. ซึ่งควรเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชนทั่วไปไม่พึงปฏิบัติ การกระทำของ ส.ส.ที่ถือครองที่ดิน ส.ป.ก.จึงเป็นการก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ในการดำรงตำแหน่ง ส.ส. ตามมาตรฐานทางจริยธรรมฯ 2561 ข้อ 3 ข้อ 17 ประกอบข้อ 27 วรรคสอง”
ส่วน ส.ส.ที่ถือครองที่ดิน ภ.บ.ท.5 แม้ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ชี้มูลความผิดเป็นบรรทัดฐาน แต่เมื่อเทียบเคียงกับแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2519 ก็อาจทำให้ ป.ป.ช.วินิจฉัยได้ง่ายขึ้น เพราะผู้ที่มีชื่อในใบเสร็จเสียเงินบำรุงท้องที่เป็นเพียงหลักฐานแสดงว่าผู้นั้นเป็นผู้เสียภาษีเท่านั้น ไม่ใช่หลักฐานแสดงว่าผู้นั้นมีสิทธิครอบครอง จึงขอให้ป.ป.ช. เร่งรัดการไต่สวนสอบสวนและวินิจฉัย ส.ส.อีก 18 รายที่เหลือที่ถือครองที่ดิน ส.ป.ก. และ ภ.บ.ท.5 เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเหมือนกัน โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อไป
อนึ่ง นายศรีสุวรรณ เคยโพสต์ก่อนหน้านี้ว่า ส.ส.ที่ตนเคยร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. กรณีถือครองที่ดิน ส.ป.ก.-ภ.บ.ท.5 ประกอบด้วย ครั้งแรกเมื่อ 20 พ.ย.62 มี 3 ราย คือ 1)น.ส.ปารีณา 2)นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ พรรคพลังประชารัฐ และ 3)นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ พรรคเพื่อไทย
ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.62 มี 3 ราย คือ 1)นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง พรรคภูมิใจไทย 2)นายเกียรติ เหลืองขจรวิทย์ พรรคภูมิใจไทย และ 3)นายอนุชา น้อยวงศ์ พรรคพลังประชารัฐ
ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.62 มี 13 ราย คือ 1)นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี พรรคอนาคตใหม่(ในขณะนั้น) 2)นายศักดินัย นุ่มหนู พรรคอนาคตใหม่(ในขณะนั้น) 3)พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ พรรคพลังประชารัฐ 4)น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ พรรคพลังประชารัฐ 5)นายวุฒิพงษ์ นามบุตร พรรคประชาธิปัตย์ 6)นายสุพล จุลใส พรรครวมพลังประชาชาติไทย 7)นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ พรรคประชาธิปัตย์ 8)นายมานพ ศรีผึ้ง พรรคภูมิใจไทย 9)นายสฤษดิ์ บุตรเนียร พรรคภูมิใจไทย 10)นายสนอง เทพอักษรณรงค์ พรรคภูมิใจไทย 11)นายประเสริฐ จันทรรวงทอง พรรคเพื่อไทย 12)นายสุชาติ ภิญโญ พรรคเพื่อไทย และ 13)นายสงวน พงษ์มณี พรรคเพื่อไทย ส่วนรายล่าสุด เมื่อวันที่ 27 ม.ค.63 คือ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.กระทรวงศึกษาธิการ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย
ทั้งนี้ วันเดียวกัน (11 เม.ย.) น.ส.ปารีณา ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “เมื่อ ป.ป.ช. บอกว่า ต้องดูว่าที่ดินได้มาถูกต้องหรือไม่ และแต่ละเคสมีความแตกต่างกัน แน่นอนว่าทุกเคสมีความแตกต่างกัน แต่คำพิพากษาชัดเจนว่า มิได้สนใจว่าได้ที่ดินมาได้อย่างไร ไม่ว่าคุณจะได้โดยมรดก ไปซื้อมา หรือก่อนเคยเป็นเกษตรกร แต่หากเป็นนักการเมืองแล้ว คุณจะต้องคืนที่ทันทีให้กับรัฐ เพราะขาดคุณสมบัติในการยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์แล้ว ผิดจริยธรรมร้ายแรง”
"ส่วนความล่าช้าในการดำเนินคดีนั้น ช้าจริง เพราะตอนนี้ ป.ป.ช.ใช้เวลาประมาณ 1 ปีแล้ว ซึ่งปกติ ป.ป.ช. จะใช้เวลาประมาณ 180 วันในการพิจารณา จึงขอให้ ป.ป.ช.ได้โปรดดำเนินการเร่งรัด และดำเนินคดีกับทุกคนโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ"
5. กกต.แจกใบเหลือง 2 นายก อบจ. "ขวัญเรือน เทียนทอง " แม่ รมว.ศธ.โดนด้วย ปมแจกเงิน!
เมื่อวันที่ 13 เม.ย. เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัย กกต. กรณีมีมติให้ใบเหลืองนายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยให้สำนักงานฯ ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ เพื่อสั่งให้มีการเลือกตั้ง นายก อบจ.สุราษฎร์ธานีใหม่ ตาม พ.ร.บ. เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 108 วรรคสอง และให้ดำเนินคดีอาญากับนางปรีดา สมบุญศรี น.ส.วาสนา ระฆังทอง นางบุญช่วย ลาดบูลย์ น.ส.อรเพ็ญ กลางนุรักษ์ ผู้ช่วยหาเสียง ตามมาตรา 65(1) ประกอบมาตรา 126 วรรค 1
ทั้งนี้ กกต. เห็นว่า ได้ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า วันที่ 6 ธ.ค.63 น.ส.อรเพ็ญ นางปรีดา น.ส.วาสนา ให้เงินคนละ100 บาท และนางบุญช่วยให้เงิน 1,000 บาท แก่ผู้อุปสมบท ในงานอุปสมบทที่วัดสุทธาวาส หมู่ 2 ต.โมถ่าย อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี และได้โพสต์ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวในบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "อรเพ็ญ กลางนุรักษ์ " พร้อมทั้งข้อความว่า "หาเสียงแห่นาคทุกอย่างทำด้วยใจ รักเต็มร้อยไปเลยค่ะ เบอร์ 6 สู้ๆ ค่ะ เข้าทุกประตูบ้านค่ะ วันนี้หมู่ 4 หมู่ 6" เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่นายพงษ์ศักดิ์ ซึ่งเข้าลักษณะเป็นการจัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด และช่วยเหลือเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ให้แก่ผู้ใดตามปกติประเพณีต่างๆ ซึ่งเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ. เลือกตั้งท้องถิ่นมาตรา 65 ( 1) และระเบียบ กกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2563 ข้อ 23(5)
แม้นายพงษ์ศักดิ์จะให้ถ้อยคำว่า ไม่รู้จัก และบุคคลทั้งสี่ไม่ได้เป็นผู้ช่วยหาเสียงของตนเองตนเอง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว แต่ก็เป็นการอ้างโดยไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุน ซึ่งการกระทำของบุคคลทั้งสี่ ส่งผลให้นายพงษ์ศักดิ์ได้รับประโยชน์ในการเลือกตั้ง เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้ง นายก อบจ.สุราษฎร์ธานีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนายพงษ์ศักดิ์เกิดจากการเลือกตั้งที่ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม
นอกจากนี้ กกต.ยังมีคำวินิจฉัยให้ใบเหลืองนางขวัญเรือน เทียนทอง นายก อบจ.สระแก้ว โดยให้สำนักงานฯ ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ให้พิจารณาสั่งให้มีการเลือกตั้ง นายก อบจ.สระแก้วใหม่ และสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายบุญเรือง ขุนหาญ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.บ้านใหม่หนองไทร อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ตาม พ. ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 108 วรรคสอง และให้ดำเนินคดีอาญานายบุญเรือง ตามมาตรา 65 วงเล็บ 1 ประกอบมาตรา 126 วรรค 1
เนื่องจาก กกต. เห็นว่า พยานผู้ร้องและมารดาพยาน ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์เดียวกันต่างยืนยันว่า วันที่ 19 ธ.ค.63 เวลา 07.00 น นายบุญเรืองได้มาที่บ้านของพยานผู้ร้องและมารดา โดยนายบุญเรืองได้กล่าวข้อความตามที่ปรากฏในคลิปวีดีโอประกอบคำร้องว่า "ทั้ง 2-3 คนนี่นะ มีใครอยู่ไอ้นั่น ไอ้นั่นของพ่อมัน" "ฝากเบอร์ 3 ด้วยนายก" "...เทียนทองให้ค่าน้ำมันรถคนละ 200" "ให้ค่าน้ำมัน เอาไป มีอะไร เดี๋ยวไปหาผู้ใหญ่ได้เลย" ซึ่งเข้าลักษณะเป็นการจัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์ไปลงคะแนนให้แก่นางขวัญเรือน ไม่ใช่การพูดคุยสอบถามเกี่ยวกับจำนวนสุนัขและแมว ตามที่นายบุญเรืองกล่าวอ้าง
แม้นางขวัญเรือนให้ถ้อยคำว่า ไม่ได้กระทำการตามที่ถูกกล่าวหา ไม่รู้จักกับนายบุญเรือง ไม่ทราบข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคลิปวิดีโอดังกล่าว ก็เป็นการกล่าวอ้างโดยไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวอ้าง ซึ่งการกระทำของนายบุญเรืองส่งผลให้นางขวัญเรือนได้รับประโยชน์ในการเลือกตั้ง เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้ง นายก อบจ.สระแก้วในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนางขวัญเรือน เกิดจากการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรมตาม พ.ร.บ. เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น 2562 มาตรา 108 วรรคสอง