นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แจงกรณีโลกออนไลน์แห่แชร์ภาพผู้โดยสารทั้งไทยและต่างชาติที่ยืนแออัดภายในสนามบิน โดยเผยว่าความหนาแน่นเกิดขึ้นระยะสั้น ล่าสุดขยายพื้นที่บริการ เพิ่มเคาน์เตอร์พร้อมปรับรูปแบบการเรียงลำดับรายชื่อโรงแรม
จากกรณีโลกออนไลน์แห่แชร์ภาพภายในท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิที่มีผู้โดยสารทั้งไทยและต่างชาติมาใช้บริการจำนวนมาก พร้อมบอกเล่าความวุ่นวายของการจัดการผู้โดยสารระบบ Test&Go ที่ไม่เป็นระเบียบ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 เม.ย. เพจ "Suvarnabhumi Airport" หรือท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชี้แจงกรณีมีผู้เผยแพร่ภาพผู้โดยสารหนาแน่น ไม่ได้รับความสะดวก ณ จุดนัดหมายกับโรงแรมภายในอาคารผู้โดยสาร เผยเป็นช่วงเวลาเที่ยวบินขาเข้ามีความหนาแน่นที่เกิดขึ้นระยะสั้น ล่าสุดขยายพื้นที่บริการเพิ่มเคาน์เตอร์พร้อมปรับรูปแบบการเรียงลำดับรายชื่อโรงแรม
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามที่ได้มีผู้เผยแพร่ภาพการเดินทางของผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ในสื่อสังคมออนไลน์ ที่แสดงให้เห็นความแออัดและไม่ได้รับความสะดวก ณ จุดนัดหมาย ระหว่างผู้โดยสารกับโรงแรมบริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาเข้านั้น ทสภ.ขอเรียนชี้แจงว่าความแออัดดังกล่าวเกิดขึ้นในบางช่วงที่เที่ยวบินมีความหนาแน่น (Peak) ประกอบกับในช่วงนี้มีผู้เดินทางเข้าประเทศไทยเพิ่มขึ้น
โดยเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.) ได้ผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศโดยยกเว้นการตรวจ RT-PCR ที่ต้นทาง ทำให้จำนวนผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ณ ทสภ.เพิ่มขึ้นจากประมาณวันละ 6,000-7,000 คน เป็นวันละ 9,000-10,000 คน จึงส่งผลให้บางช่วงเวลาเกิดความคับคั่งบริเวณจุดนัดหมายระหว่างผู้โดยสารกับโรงแรมที่บริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาประมาณ 05.00-07.00 น. และ 12.00-15.00 น. โดยมีจำนวนผู้โดยสารในช่วงเวลาดังกล่าวประมาณ 1,500-2,000 คนต่อชั่วโมง ขณะที่ ทสภ.มีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 3,000 คนต่อชั่วโมง ตามมาตรการการคัดกรองด้านสาธารณสุขในปัจจุบัน เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว สภ.ได้ดำเนินการบูรณาการการให้บริการร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงประจำท่าอากาศยาน (EOC) และทุกภาคส่วนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
โดยปรับการบริการให้สอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน ด้วยการขยายพื้นที่จัดตั้งเคาน์เตอร์ บริเวณจุดนัดหมายระหว่างผู้โดยสารกับโรงแรมเพิ่มเติม จากเดิม 8 เคาน์เตอร์ เป็น 17 เคาน์เตอร์ พร้อมทั้ง กำหนดให้ติดป้ายแสดงชื่อโรงแรมเรียงตามตัวอักษรเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการเข้ารับบริการของผู้โดยสาร
ทสภ.ได้เพิ่มช่องทางออกจากห้องสายพานรับกระเป๋าขาเข้าจากจุดตรวจศุลกากรจากเดิม 1 ช่องทาง เป็น 2 ช่องทาง รวมถึงขอความร่วมมือโรงแรมเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ และรถรับส่งผู้โดยสารที่จะต้องนำไปตรวจ RT-PCR และรอผลที่โรงแรมให้มีจำนวนเพียงพอต่อจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ ทสภ. และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการให้บริการผู้โดยสารให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ นายกิตติพงศ์กล่าวในตอนท้ายว่า ทสภ.ได้ดำเนินการให้บริการที่สอดคล้องกับแนวคิดการเดินทางวิถีใหม่ (Transport New Normal) เป็นไปตามมาตรการด้านสาธารณสุข COVID Free Setting อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ยังสามารถอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร พร้อมกับการดูแลควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังคงต้องเข้มงวด ทั้งนี้ ผู้โดยสารที่ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้บริการ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ AOT Contact Center หมายเลขโทรศัพท์ 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง