ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ไขข้อข้องใจ 4 คำถามถึงความกังวลการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน มีโอกาสเกิดขึ้นซ้ำภายใน 1 เดือน ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน แต่การฉีดวัคซีนจะช่วยป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้
วันนี้ (30 มี.ค.) เฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ของศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า การติดเชื้อซ้ำสายพันธุ์ "โอมิครอน" ในคนเดียวกันภายในเวลา 1 เดือนเป็นสิ่งที่น่ากังวลใจหรือไม่ เพราะเหตุใด กับ "สี่" คำตอบที่จะช่วยให้ประชาชนเข้าใจการติดเชื้อซ้ำของ "โควิด-19 " มากขึ้น
คำถามที่ 1 การติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซ้ำภายใน 1 เดือนและติดในช่วงนี้ (กุมภาพันธ์-มีนาคม 2565) น่ากังวลใจหรือไม่ เพราะเหตุใด
คำตอบคือ “น่ากังวล” เพราะการแพร่ระบาดในช่วงนี้ของประเทศไทยและของโลกเป็นช่วงการเปลี่ยนถ่ายจากโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 มาเป็น BA.2 โดยทาง WHO ยังคงจัดให้ BA.1 และ BA.2 เป็นเพียงสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน และให้คำแนะนำในการป้องกัน ดูแล และรักษา BA.1 และ BA.2 ที่ไม่แตกต่างกัน
คำถามที่ 2 มีการพบผู้ที่ติดเชื้อโอมิครอน BA.1 จากนั้นภายใน 20-60 วันถัดมามีการติดเชื้อซ้ำอีกครั้งหรือไม่ (reinfection) จำนวนมากน้อยแค่ไหน
คำตอบคือ มีการศึกษาการติดเชื้อซ้ำในประชากรประเทศเดนมาร์ก ระหว่าง 22 พ.ย. 2564-11 ก.พ. 2565 จากผู้ติดเชื้อจำนวน 1,848,466 คน พบผู้ติดเชื้อซ้ำด้วยการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมพบว่ามีการติดเชื้อ BA.2 จำนวน 187 ราย และมีเพียง 47 รายที่จากการถอดรหัสพันธุกรรมพบว่ามีการติดเชื้อ BA.1 ก่อนและตามด้วยการติดเชื้อซ้ำด้วย BA.2 ในระยะเวลาระหว่าง 20-60 วัน
สรุปได้ว่า จากผู้ติดเชื้อ 1.8 ล้านคน มีการติดเชื้อจาก BA.1 มาก่อน จากนั้นมาติด BA.2 ซ้ำจำนวน 47 ราย และไม่ติด 1,848,419 ราย ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นเด็กที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน คิดเป็นอัตราส่วนประมาณ “1 in 40,000” ของผู้เคยติดเชื้อ BA.1 แล้วมาติด BA.2 ซ้ำ
คำถามที่ 3 เหตุใด WHO ยังคงจัดให้ BA.1 และ BA.2 เป็นเพียงสายพันธุ์ย่อยในโอมิครอนสายพันธุ์หลัก และให้คำแนะนำในการป้องกัน ดูแล และรักษา BA.1 และ BA.2 ที่ไม่แตกต่างกัน ทั้งที่พบมีผู้ติดเชื้อซ้ำ
คำตอบคือ เพราะข้อมูลที่ WHO ได้รับจากทั่วโลกสรุปได้ว่าการติดเชื้อซ้ำจาก “BA.1 แล้วไปติด BA.2 ซ้ำ” เกิดขึ้นได้ แต่พบไม่บ่อยครั้งนัก (ประชากรเดนมาร์ก พบ 1 ใน 40,000) ประกอบกับผู้ติดเชื้อซ้ำ BA.2 ไม่มีอาการรุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาล หรือเสียชีวิต อันหมายถึงภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากการติดเชื้อ “BA.1” ตามธรรมชาติยังคงสามารถป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรง และป้องกันการเสียชีวิตจาก BA.2 ได้ดีแม้ไม่ 100% ก็ตาม ประกอบกับผู้ติดเชื้อซ้ำ BA.2 ส่วนใหญ่จะเป็นผู้มิได้รับการฉีดวัคซีน อันหมายถึงการฉีดวัคซีนจะช่วยป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้
คำถามที่ 4 พบผู้ติดเชื้อ BA.2 ครั้งแรกแล้วกลับมาติดเชื้อ BA.1 หรือบรรดาสายพันธุ์ที่เคยระบาดมาก่อนหน้า เช่น เดลตา หรือไม่
คำตอบคือ จากการศึกษาการติดเชื้อซ้ำในประชากรประเทศเดนมาร์ก ระหว่าง 22 พ.ย. 2564-11 ก.พ. 2565 จากผู้ติดเชื้อจำนวน 1.8 ล้านคน ยัง “ไม่พบ” การติดเชื้อ BA.2 ครั้งแรกแล้วกลับมาติดเชื้อ BA.1 หรือบรรดาสายพันธุ์ที่เคยระบาดมาก่อนหน้าซ้ำอีก อันพอสรุปได้ว่าภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อ BA.2 ตามธรรมชาติน่าจะคุ้มครองการติดเชื้อ BA.1 และสายพันธุ์ที่เคยระบาดมาก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดี
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่