1."บิ๊กปั๊ด" ฝาก ปชช. อย่าตัดสินคดีแตงโมด้วยหลักฐานชิ้นเดียว ต้องใช้วิจารณญาณ อย่าเอาแต่สนุกสนาน!
ความคืบหน้าคดีแตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงชื่อดัง ตกจากเรือสปีดโบ๊ทที่มีทั้งผู้จัดการส่วนตัว และเพื่อนที่แตงโมรู้จักและไม่รู้จักอีก 5 คน ซึ่งหลังเกิดเหตุ มีพิรุธมากมาย ทั้งในแง่คนบนเรืออ้างว่า แตงโมไปปัสสาวะที่ท้ายเรือ แล้วพลัดตก แต่หลายฝ่ายมองว่า ไม่น่าเป็นไปได้ นอกจากนี้ทั้ง 5 คนยังถูกตั้งข้อสงสัยว่าทำไมไม่อยู่ค้นหาร่างแตงโม แต่กลับไปนัดพบใครบางคน รวมทั้งทำเหมือนประวิงเวลาในการเข้าพบตำรวจให้ล่าช้า การไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจเลือดเพื่อหาปริมาณแอลกอฮอล์ รวมทั้งมีการทำลายหลักฐาน ทิ้งขวดไวน์และแก้วไวน์ ฯลฯ
ขณะที่ผลชันสูตรศพแตงโม รอบ 2 พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา และคณะกรรมการในการผ่าศพ เผยว่า บาดแผลใหญ่ที่ขาแตงโม คุณหมอทุกคนบอกว่า ลักษณะไม่เหมือนแผลจากใบพัดเรือ นอกจากนี้ยังพบบาดแผลเล็กอีก 20 กว่าจุด ซึ่งเป็นบาดแผลเฉพาะ มีรูปร่างที่น่าจะบอกถึงวัตถุได้ รวมทั้งแผลถลอกและแผลช้ำบางส่วน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ยังบอกด้วยว่า การตรวจบางอย่างที่ยังตอบไม่ได้ เช่น ตรวจในช่องคลอด ยังไม่รู้ว่าเจออะไรหรือไม่
ด้านร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ออกมาตั้งคำถามว่า กระโปรงลูกไม้สีขาวที่แตงโมใส่ในวันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญหายไปไหน พร้อมเผยว่า ตนได้เห็นเชือกต้องสงสัย 1 ชิ้น ไม่รู้ว่าเชือกอะไร แต่น่าจะบอกอะไรบางอย่างกับการเสียชีวิตของแตงโมได้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้จะครบ 1 เดือนของการเสียชีวิตของแตงโม แต่คดียังไม่คลี่คลาย ปรากฏว่า “ต่อย ดายศ เดชจบ”พี่ชายของแตงโม ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถึงเรื่องนี้ว่า “สุดท้ายแล้วถ้าความยุติธรรมที่เราหวังไว้มันจะไม่เกิดขึ้นจริง ก็ขอให้เขาได้ตายๆ ตามกันไปกับความยุติธรรมเราที่หวังไว้ทั้งหมดกับทุกๆ คนที่เกี่ยวข้องนะครับ สาธุ”
เป็นที่น่าสังเกตว่า หลายคนที่ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมหรือตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับคดีแตงโม ต่างถูกข่มขู่ไปตามๆ กัน เช่น หนุ่ม "แต๊งค์ พงศกร" ได้โพสต์ภาพแคปแชทลงไอจีเมื่อวันที่ 23 มี.ค. หลังถูกชายปริศนาส่งข้อความมาข่มขู่อีกรอบ โดยในข้อความระบุว่า "ไอ้แตงค์ ถ้ามึงไม่อยากตาย มึงหยุดยุ่งกับคดีแตงโมซะนะ ก่อนที่มึงจะแดกลูกปีน"
ขณะที่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ได้เผยผ่านรายการทีวีช่องหนึ่งเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ว่า มีสายจากทนายดังคนหนึ่ง ต่อสายหาหมอพรทิพย์ บอกว่าให้ระมัดระวัง ตำรวจผู้ใหญ่ท่านหนึ่งไม่พอใจมาก ที่เข้ามายุ่งเกี่ยวคดีเเตงโม ซึ่งหมอพรทิพย์ยืนยันว่า ไม่กลัว ไม่ได้ไปโกรธตำรวจ เราทำหน้าที่ของเรา เชื่อว่าตำรวจส่วนใหญ่เป็นตำรวจดี เขาคงเข้าใจ
ส่วนในแง่คดี เมื่อวันที่ 23 มี.ค. นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือไฮโซปอ และนายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือโรเบิร์ต 2 ผู้ต้องหาในคดีนี้ ที่บวชพราหมณ์อยู่ที่ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย สาขาของวัดท่าไม้ ได้เดินทางเข้ารายงานตัวกับตำรวจตามที่กำหนดไว้ ซึ่งก่อนทั้งสองจะเข้ารายงานตัว พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 เผยว่า ได้มีการเพิ่มเงื่อนไขในการประกันตัวจากเดิมที่ให้รายงานตัวทุก 12 วัน เป็นทุก 5 วัน แจ้งที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
พล.ต.ท.จิรพัฒน์ เผยด้วยว่า เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ได้มีการทดลองนำเรือลำเกิดเหตุวิ่งในน้ำ เพื่อดูลักษณะท่าทางของเรือด้วยความเร็ว 8 น็อต ใช้บุคคลบนเรือตามลักษณะบุคคลบนเรือในวันเกิดเหตุว่าเรือเอียง เชิดหน้า และเรือกินน้ำลึกเท่าไร ประเด็นที่ 2 จำลองดูบาดแผล โดยใช้เนื้อหมู เพื่อทดสอบการถูกใบพัดเรือมีลักษณะเป็นอย่างไร ซึ่งจะเป็นแนวทางการสอบสวนต่อไป ส่วนจะคล้ายแผลแตงโมหรือไม่ อยู่ในสำนวนแล้ว
ส่วนการตามหาผ้าคลุมลายลูกไม้สีขาวที่แตงโมสวมคลุมก่อนเสียชีวิต พล.ต.ท.จิรพัฒน์ บอกว่า ขณะนี้ตำรวจยังไม่พบทั้งในที่เกิดเหตุ และการสอบถามเจ้าหน้าที่อาสา เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ ก็ยังไม่พบ แต่จากการสอบสวนบุคคลบนเรือเชื่อว่า หายไปขณะตกน้ำ ส่วนจะเป็นหลักฐานสำคัญหรือไม่ ตำรวจมีหลักฐานอื่นที่แน่นหนามากกว่า แต่หากมีการนำผ้าขาวมาตรวจ ก็ไม่แน่ชัดว่าจะบอกเล่าเหตุการณ์บนเรือ และระบุถึงการเสียชีวิตได้
ด้านนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้ประกาศยุติบทบาทในการค้นหาข้อมูลคดีการเสียชีวิตของแตงโมเมื่อวันที่ 24 มี.ค. หลังจากออกมาเผยคลิปที่ระบุว่า แตงโมลอยคออยู่กลางน้ำ และมีเรือลำหนึ่งพายเข้าใกล้ แต่ไม่ช่วย ซึ่งในเวลาต่อมา นายวินิต ตรีปัญญา หรือลุงนิด ซึ่งอ้างตัวว่า เป็นคนพายเรือหาปลาในคลิปดังกล่าว ยืนยันว่า สิ่งที่เห็นไม่ใช่แตงโม แต่เป็นขอนไม้ยาวประมาณ 1 เมตร ส่วนเหตุใดขอนไม้จึงลอยทวนน้ำ นายวินิต ระบุว่า เพราะน้ำวน นายวินิต ยังบอกด้วยว่า ตนได้รับผลกระทบเยอะ ถูกตีตราว่าเป็นคนไม่ดีไม่ช่วยคน ส่วนกรณีชาวเน็ตกล่าวหาว่าจ้างมาให้ไปดูลาดเลานั้น ยืนยันว่า ไม่ใช่เรื่องจริง หากเป็นเรื่องจริง ขอให้ตนตายใน 5-7 วัน
ซึ่งหลังเกิดกรณีดังกล่าว ทำให้กระแสบางส่วนวิพากษ์วิจารณ์นายมงคลกิตติ์ ขณะเดียวกัน นายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเคยเป็นไม้เบื่อไม้เมาทางการเมืองกับนายมงคลกิตติ์ ก็ลุกขึ้นมาช่วยนายวินิต คนหาปลา เพื่อแจ้งความดำเนินคดีนายมงคลกิตติ์ เนื่องจากทำให้สังคมเข้าใจตนผิดว่า เห็นแตงโมแล้วไม่ช่วย ซึ่งนายมงคลกิตติ์ได้ขอโทษนายวินิตแล้ว และขอยุติบทบาทในการค้นหาข้อมูลการเสียชีวิตของแตงโมชั่วคราว และว่า ที่ผ่านมาตนได้หาข้อมูลหลักฐานมา 1 เดือน โดยได้ทำเต็มที่แล้ว พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปกว่า 20 ประเด็น จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจและเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ จะต้องไปหาข้อมูลต่อ แต่หากในอนาคตตนได้หลักฐานมาเพิ่มเติมก็จะมายื่นเพิ่ม เพื่อไม่ให้เป็นการกดดันพนักงานสอบสวนก็จะดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ
ขณะที่ พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 แถลงความคืบหน้าคดีแตงโมอีกครั้งเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ว่า สอบปากคำบุคคลไปแล้ว 118 ปาก ผู้กล่าวหา 3 ปาก ผู้ต้องหา 2 ปาก ประจักษ์พยาน 3 ปาก พยานแวดล้อม 92 ปาก และพยานผู้เชี่ยวชาญ 18 ปาก ขณะที่วัตถุพยานมี กล้องวงจรปิด 70 ตัว โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง จำนวน 14 คลิป และว่า ขณะนี้ยังขาดการรายงานผลการชันสูตรรอบ 2 และเมื่อส่งมาแล้ว พนักงานสอบสวนจะต้องไปสอบพยานที่ทำหน้าที่ชันสูตรรอบ 2 เพื่อนำเข้าสู่สำนวนคดีด้วย ซึ่งหากผลขัดแย้งกับการชันสูตรครั้งแรกก็จะสอบสวนต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 มี.ค. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงคดีแตงโมว่า คดีนี้ต้องรอผลสรุปของพนักงานสอบสวน ซึ่งยังมีรายงานทางแล็บอีกหลายชิ้นที่ยังไม่เรียบร้อย ยังไม่ได้รับ ซึ่งเป็นหลักฐาน หากเอกสารต่างๆ ของผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการตรวจพิสูจน์ครบถ้วนแล้ว พนักงานสอบสวนก็จะสรุปได้โดยพิจารณาภาพรวมของหลักฐานทุกชิ้น
"ก็ฝากพี่น้องประชาชนไว้ด้วยว่า จะฟังอะไร จะตัดสินอะไร ขอให้นึกถึงว่า ให้ดูทุกอย่างประกอบกันไป อย่าดูอย่างใดอย่างหนึ่ง มันไม่ได้ นิติเวชศาสตร์อย่างเดียวก็ไม่ใช่คำตอบ หลักฐานคลิปวิดีโอย่างเดียวก็ไม่ใช่คำตอบ ทุกอย่างมันต้องสอดคล้องไปด้วยกัน ถ้ามันขัดแย้งกัน เราจะเห็นเองว่าอันนั้นมันไม่ใช่ ก็ฝากประชาชนด้วย ใช้วิจารณญาณ อย่าเอาแต่สนุกสนาน มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำสำหรับผู้ที่สูญเสียไป"
2."เพื่อไทย" ตั้ง "อุ๊งอิ๊ง" เป็นหัวหน้าครอบครัว ด้านเจ้าตัวลั่น พรรคพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง หวังแลนสไลด์ทั้งแผ่นดิน!
เมื่อวันที่ 20 มี.ค. พรรคเพื่อไทยได้จัดงาน “ครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่ หัวใจเดิม” ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติมลฑาทิพย์ ฮอลล์ จ.อุดรธานี โดยมีแกนนำและ ส.ส. รวมทั้งสมาชิกพรรคเข้าร่วมกิจกรรม นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ได้เข้าร่วมเช่นกัน
โดยช่วงแรก นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรค ได้กล่าวย้อนถึงการก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ในปี 2542 ภายใต้แนวคิด 4 ปีซ่อม 4 ปีสร้าง และชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายด้วยที่นั่ง ส.ส. 248 คน ในวันที่ 6 ม.ค.44 มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (ยศขณะนั้น) เป็นนายกรัฐมนตรี มีนโยบายที่ได้ใจประชาชนทั้งประเทศ อาทิ นโยบายกองทุนหมู่บ้าน, 30 บาทรักษาทุกโรค และโครงการโอท็อป เป็นต้น จนการเลือกตั้งสมัย 2 ปี 2548 ชนะอย่างถล่มทลาย สามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของพรรคการเมือง จนเริ่มเกิดขบวนการถอดปลั๊กประเทศ ต่อต้านพรรคไทยรักไทย และเกิดการรัฐประหารในปี 2549 ก่อนที่อีกไม่กี่เดือนต่อมา จึงมีการยุบพรรคไทยรักไทย
ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรค กล่าวถึงการตั้งพรรคพลังประชาชนตอนหนึ่งว่า เมื่อรัฐบาลไทยรักไทยถูกรัฐประหารในปี 2549 เป็นครั้งแรกที่ครอบครัวของเรา แตกกระสานซ่านเซ็น ส่งผลให้ดรีมทีมของไทยรักไทย จำนวน 111 คน ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี คณะรัฐประหารโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ครอบครัวไทยรักไทยจึงได้ก่อตั้งพรรคพลังประชาชน โดยมีดรีมทีมจากพรรคไทยรักไทยที่ไม่ถูกตัดสิทธิ์เข้ามาร่วมสานงานการเมือง และชนะเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาลได้ แต่ในที่สุด พรรคพลังประชาชนถูกยุบพรรค "เมื่อถูกยุบ เราก็ตั้งพรรคใหม่เป็นพรรคเพื่อไทย บ้านหลังนี้ของพวกเรา ที่ล้มลุกคลุกคลานมากที่สุด”
ด้าน น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรค กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.54 ได้ ส.ส. 265 คน เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และทำให้ประเทศไทยได้มีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่หลายโครงการที่พรรคเพื่อไทยได้วางแผนเอาไว้พังทลายลงจากน้ำมือของคณะรัฐประหาร คสช. ในปี 2557 “23 ปีที่พรรคไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทยอยู่เคียงข้างประชาชน แม้จะมีความพยายามรื้อถอนบ้านของเราสักกี่ครั้ง มีโจรขึ้นบ้านเราอีกกี่ครั้ง แต่เราจะยังจับมือกันไว้ ไม่ให้โจรในคราบเครื่องแบบขึ้นบ้านเรา ตอนนี้ครอบครัวของเราขยายใหญ่ขึ้น เพื่อไทยจะกลับมาสานต่อนโยบายที่ค้างเอาไว้ให้สำเร็จ จะคืนความหวัง คืนชีวิตใหม่ให้ทุกคนอีกครั้ง”
หลังจากนั้น นพ.ชลน่าน ได้ประกาศแต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โดยมั่นใจว่าจะสามารถหลอมรวมประชาชนที่มีหัวใจเดิมเข้ามาร่วมสืบสานเจตนารมณ์ “มาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย เพื่อให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน มั่นใจภายใน 2 เดือนนี้ครอบครัวเพื่อไทยจะมีสมาชิกในครอบครัว 8 ล้านคน และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทะลุ 10 ล้านคน”
ด้าน น.ส.แพทองธาร ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ปัจจุบันพรรคเพื่อไทยเติบโต เปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด ฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย “ประสบการณ์ของรัฐบาลไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่พรรคเพื่อไทยจะต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับตัวให้ทันกับความต้องการของพี่น้องประชาชนที่เปลี่ยนแปลงไป ต้องเป็นพรรคเพื่อไทยในเวอร์ชั่นที่ดีกว่า”
น.ส.แพทองธาร ยังได้กล่าวถึงเป้าหมาย 2 ประการเพื่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นความหวังของประชาชนอีกครั้ง คือ 1.สร้างการมีส่วนร่วมให้คนหลายรุ่นได้มาทำงานร่วมกัน และ 2.เราต้องเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ระบอบเผด็จการต้องหมดไป “อำนาจรัฐเท่านั้นที่จะเป็นทางออกในเวลานี้ และเป็นจุดที่พรรคเพื่อไทยต้องไปให้ถึง ยืนยันว่านโยบายของพรรคเพื่อไทย จะเติมเงินในกระเป๋าให้พี่น้องประชาชนได้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี อีกครั้ง”
น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยต้องสร้างการมีส่วนร่วมกับพี่น้องประชาชนให้มากที่สุดผ่านโครงการครอบครัวเพื่อไทย เหมือนกับที่ในสมัยไทยรักไทยมีสมาชิกพรรคกว่า 14 ล้านรายชื่อ ตั้งเป้าพรรคเพื่อไทยจะไปสู่เป้าหมายการเลือกตั้ง แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน เราพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งอีกครั้งเมื่อถึงเวลา และ 14 ล้านเสียงในช่วงพรรคไทยรักไทย จะเกิดขึ้นอีกในครั้งนี้
3. รัฐบาล คลอด 10 มาตรการเร่งด่วนบรรเทาความเดือดร้อนของ ปชช. ช่วงน้ำมัน-ของแพง จากสงครามยูเครน-รัสเซีย!
เมื่อวันที่ 22 มี.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า จากสถานการณ์ความผันผวนของราคาพลังงาน ที่สืบเนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย ได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต การขนส่งสินค้าและบริการต่างๆ ทำให้ค่าครองชีพปรับตัวสูงขึ้น รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และตระหนักดีถึงความลำบากของพี่น้องประชาชนที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่มีรายได้น้อย และผู้ใช้แรงงาน
เมื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้ข้อสรุปว่า สถานการณ์ระหว่างยูเครน-รัสเซีย อาจจะไม่จบลงโดยเร็ว ตนจึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระดมความคิดเพื่อหามาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยเร่งด่วน เพิ่มเติมจากมาตรการต่างๆ ที่รัฐได้ออกไปแล้วและยังใช้อยู่ในขณะนี้ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนกรกฎาคมนี้ อย่างน้อย 10 มาตรการ ประกอบด้วย
1.การเพิ่มเงินช่วยเหลือเพื่อซื้อก๊าซหุงต้มสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3.6 ล้านคน โดยเพิ่มเงินจากเดิม 45 บาท เป็น 100 บาท/เดือน 2.ส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้ม เดือนละ 100 บาท สำหรับผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวนประมาณ 5,500 คน 3.ช่วยเหลือค่าน้ำมันให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการขนส่งทางบก จำนวน 157,000 คน โดยช่วยลดค่าใช้จ่ายน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 250 บาทต่อเดือน และขอให้กรมการขนส่งทางบกกำกับราคาการให้บริการ เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ต้องใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเท่าเดิม
4.คงราคาขายปลีกผู้ที่ใช้ก๊าซ NGV ไว้ที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม 5.ผู้ขับขี่แท็กซี่มิเตอร์ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน สามารถซื้อก๊าซได้ในราคา 13.62 บาท/กิโลกรัม 6.ช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน โดยลดค่า Ft ลง 22 สตางค์ต่อหน่วยในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม
7.ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2565 หลังจากนั้น รัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือส่วนที่ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นครึ่งหนึ่ง 8.กำกับดูแลการปรับราคาก๊าซหุงต้มในช่วงตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน โดยใช้กองทุนน้ำมันเข้าไปช่วยลดผลกระทบจากการปรับราคาให้ไม่ขึ้นสูงเกินไป
9.ลดอัตราเงินสบทบของนายจ้างและลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 จาก 5% เหลือ 1% เพื่อให้ลูกจ้างและนายจ้างสามารถมีกำลังในการใช้จ่ายและผู้ประกอบการสามารถมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นในการดำเนินธุรกิจในช่วงถัดไป 10.ลดอัตราเงินสมทบผู้ประกันตนมาตรา 39 จาก 9% เหลือ 1.9% และลดอัตราเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 40 ลงเหลือ 42-180 บาทต่อเดือน
พล.อ.ประยุทธ์ เผยด้วยว่า ตนยังได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรให้ได้มากที่สุด ก่อนจะเข้าสู่ฤดูการเพาะปลูก โดยเน้นการใช้วัตถุดิบในประเทศ และให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับประเทศต่างๆในการจัดหาปัจจัยการผลิตที่จำเป็นเข้าประเทศด้วย และว่า ต่อจากนี้ไป กระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จะเร่งดำเนินการออกมาตรการทั้งหมดที่กล่าวมา ทั้งนี้ ต้องให้เป็นไปตามข้อกฏหมาย และข้อบังคับต่างๆ รวมทั้งนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและอนุมัติอย่างเร่งด่วน
พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำด้วยว่า รัฐบาล ทุกกระทรวง และทุกหน่วยงาน กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อวางแผนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกคนให้ได้มากที่สุด ให้พ้นวิกฤตซ้อนวิกฤตนี้ไปให้ได้ โดยไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และเร่งเดินหน้าตามแผนฟื้นฟูประเทศที่ได้วางไว้ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ทั้งเรื่องโอกาสการค้าการลงทุนกับต่างประเทศ การเปิดประเทศและการท่องเที่ยวในระยะต่อไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างอาชีพและรายได้ รวมไปถึงการช่วยลดภาระ แบ่งเบาค่าครองชีพด้วยมาตรการต่างๆ และแก้ปัญหาหนี้สินให้พี่น้องประชาชนโดยเร็วที่สุด
4. โดนอีก! "ปารีณา" ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ จ่อยื่นศาลฎีกาฯ ตัดสิทธิฯ!
เมื่อวันที่ 22 มี.ค. รายงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ได้พิจารณากรณีการกล่าวหา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จต่อ ป.ป.ช. จากการไต่สวนพบว่า น.ส.ปารีณา แจ้งรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ผิดจากข้อเท็จจริง 2 รายการ
คือ กรณียื่นรายการทรัพย์สินอื่น เป็นพระเครื่องผิดรุ่น จากที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. โดย น.ส.ปารีณาแจ้งต่อ ป.ป.ช.ว่า ครอบครองพระสมเด็จบางขุนพรหม มูลค่า 2.5 ล้านบาท แต่จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า พระเครื่องดังกล่าวประเมินค่าได้ประมาณ 2-3 แสนบาทเท่านั้น
และกรณีรายการเงินให้กู้ยืม ที่ น.ส.ปารีณา แจ้ง ป.ป.ช.ว่า ทำสัญญาเงินกู้ 7-8 ล้านบาท แต่เมื่อตรวจสอบพบว่า สัญญาเงินกู้ดังกล่าวเป็นเท็จ เพราะไม่ได้มีการกู้เงิน ป.ป.ช. จึงมีมติชี้มูลความผิด น.ส.ปารีณา จงใจแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ และปกปิดข้อมูลที่ควรแจ้งให้ทราบ ถือเป็นผู้มีความผิดทางอาญา เนื่องจากขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน โดยให้ส่งเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาตัดสิทธิการห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ การพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. และตัดสิทธิการใช้สิทธิเลือกตั้ง
วันต่อมา (23 มี.ค.) น.ส.ปารีณาเผยว่า ตนทราบจากข่าวแล้วกรณี ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด จงใจแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ และปกปิดข้อมูลที่ควรแจ้งให้ทราบใน 2 รายการ โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างหารือกับทนายความ
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ น.ส.ปารีณา ได้ถูก ป.ป.ช.มีมติว่า ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีถูกดำเนินคดีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนเพื่อใช้ประกอบกิจการฟาร์มเลี้ยงไก่ และทำเกษตรกรรมใน จ.ราชบุรี อันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม โดย ป.ป.ช.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้วินิจฉัย หลังศาลได้พิจารณารับคำร้อง ได้มีคำสั่งให้ น.ส.ปารีณา หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราว โดยมีรายงานก่อนหน้านี้ว่า ศาลฎีกาฯ ได้นัดอ่านคำพิพากษาคดี น.ส.ปารีณา ฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงกรณีรุกป่า ในวันที่ 7 เม.ย.2565
5. “พล.ต.อ.อัศวิน” ไขก๊อกผู้ว่าฯ กทม. เตรียมลงสู้ศึกอีกสมัย ด้าน “สนธยา” อำลาตำแหน่งนายกเมืองพัทยา!
เมื่อวันที่ 24 มี.ค. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้แถลงข่าวลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. โดยได้กล่าวขอบคุณประชาชน กทม.ที่ให้ความร่วมมือช่วยเหลือทุกอย่าง ขอบคุณภาครัฐ และเอกชนที่ได้ประสานงานกัน วันนี้เข้ามาเป็นผู้ว่าฯ กทม. 5 ปี 5 เดือน กับอีก 5 วัน มีผลงานที่ทำสำเร็จหลายเรื่อง แต่ไม่ได้ประชาสัมพันธ์ เพราะเก่งเรื่องการปฏิบัติมากกว่า และวันนี้จะเซ็นหนังสือลาออก แล้วส่งไปถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ส่วนที่ลาออกแล้วจะไปลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ถามว่ายึดติดอำนาจก็ไม่ใช่ แต่จะมาทำงานที่ทำอยู่ให้เสร็จ หรือทำสิ่งดีๆ ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นใน กทม. ส่วนผู้สมัครคนอื่น อาทิ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครอิสระ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ พรรคประชาธิปัตย์ น.ต.ศิธา ทิวารี พรรคไทยสร้างไทย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร พรรคก้าวไกล นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครอิสระ หรือ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ผู้สมัครอิสระ นั้น พล.ต.อ.อิศวิน กล่าวว่า “คนกลุ่มนี้เป็นคนดีคนเก่ง แต่เป็นเรื่องที่ดีที่คน กทม.จะมีตัวเลือกหลากหลาย แต่ถ้าหมดตัวเลือก ให้หันมามอง พล.ต.อ.อัศวิน เพราะนโยบายผมกับ กทม.ต้องไปต่อ เป็นนักปฏิบัติและเป็นนักประสาน และจะเปิดรับความคิดเห็นจากคนหนุ่มสาว คนที่มีความรู้ หรือคนพิการ ถ้าเป็นผู้ว่าฯ กทม. โดยครึ่งหนึ่งจะมาเป็นผู้บริหารกับผม และจะไม่ลงสมัครในนามพรรคการเมือง แต่จะมีกลุ่มรักษ์กรุงเทพฯ ที่สนับสนุน เพราะเป็นตัวของตัวเอง ส่วนเรื่องหาเสียง ไม่ได้กังวลกับใคร ทุกคนเป็นคนดี ส่วนเรื่องทีมงาน ส.ก.จะเปิดตัวในวันที่ 28 มี.ค.นี้”
ทั้งนี้ วันเดียวกัน ที่หน้าศาลาว่าการเมืองพัทยา นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ได้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน ฯลฯ ในวันสุดท้ายของการปฏิบัติหน้าที่นายกเมืองพัทยารวม 3 ปี โดยมีข้าราชการ เจ้าหน้าที่ที่ทำงานร่วมกัน มอบดอกไม้ให้กำลังใจ
โดยนายสนธยาได้กล่าวขอบคุณทีมงานเมืองพัทยาที่ทำงานร่วมกันมา 3 ปีกับ 6 เดือน โดยมีเป้าหมายทำงานรองรับเมืองพัทยาเป็นศูนย์กลางของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นายสนธยา ยืนยันด้วยว่า หลังจากนี้ ยังจะลงเล่นการเมืองทั้งในระดับท้องถิ่นและในระดับชาติ โดยเฉพาะการเป็นประธานขับเคลื่อนกลุ่มเรารักพัทยา เตรียมส่งนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ชิงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา ส่วนจะรักษาแชมป์ไว้ได้หรือไม่ อยู่ที่ประชาชนตัดสินใจ แต่ยืนยันว่า มีความมั่นใจในการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ ไม่กลัวคู่แข่งทางการเมือง
นายสนธยา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่ตัดสินใจร่วมงานกับพรรคการเมืองใด แม่ว่านายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะสังกัดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ตาม ถือเป็นการทำงานในนามกลุ่ม ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะกลับไปซบพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) หรือไม่นั้น นายสนธยา กล่าวว่า ยังไม่ตัดสินใจ เป็นเรื่องของอนาคต และยังไม่ถึงเวลา อยากจะพุ่งเป้าไปที่การเลือกตั้งเมืองพัทยาก่อน