กลุ่มเฟซบุ๊กรีวิวเครื่องสำอาง "จีบัน" ประกาศแบนเครื่องสำอางแบรนด์หนึ่ง 3 เดือน หลังใช้วิธีส่งผลิตภัณฑ์ให้สมาชิกในกลุ่มทดลองใช้ แล้วให้ส่วนลดล่อใจถึง 4,000 บาท แถมนำรีวิวสมาชิกไปบูสต์โพสต์โดยไม่บอกกล่าว ชี้ทำมาร์เกตติ้งฉาบฉวย ไม่มีมารยาท ย้ำจุดยืนฟังเสียงผู้ใช้จริง วอนอย่าทำลายกันแบบนี้
วันนี้ (26 มี.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มเฟซบุ๊กรีวิวเครื่องสำอางระดับเคาน์เตอร์แบรนด์ที่ชื่อว่า จีบัน (Jeban) ที่มีสมาชิกกว่า 3.2 แสนคน ได้ประกาศแบนเครื่องสำอางแบรนด์หนึ่ง (ขอสงวนนาม) หลังมีพฤติกรรมส่งผลิตภัณฑ์ให้สมาชิกได้ลองใช้ ฝากให้นำมาโพสต์ในกลุ่ม โดยมีโปรโมชันสำหรับผู้ที่รีวิวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มจีบันและกลุ่มอื่นๆ ตามที่แบรนด์กำหนด จะตอบแทนเป็นส่วนลดถึง 4,000 บาทล่อใจ และยังมีการนำรีวิวของสมาชิกไปบูสต์โพสต์เพื่อโฆษณา โดยที่สมาชิกไม่อนุญาตและแม้กระทั่งรับทราบ
"นี่คือการทำมาร์เกตติ้งที่ฉาบฉวยและไม่มีมารยาท และไม่มีการเคารพในพื้นที่ที่มีส่วนช่วยให้คุณเติบโต ไม่มีการแสดงความโปร่งใสต่อผู้ใช้จริง และละเมิดสิทธิในเนื้อหาของผู้บริโภค ฉะนั้น ทางจีบันขอทำโทษขั้นสูงสุด เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่แบรนด์อื่นๆ ที่อาจกำลังคิดใช้วิธีการที่คล้ายคลึงกันนี้อยู่ โดยการแบนการพูดถึงใดๆ ของแบรนด์ ทั้งการคอมเมนต์และการโพสต์ที่จะเกิดขึ้น เป็นเวลา 3 เดือน" ประกาศชี้แจงจากกลุ่มจีบันระบุ
นอกจากนี้ จีบันยังมีแผนที่จะจัดการกับการรีวิวผลิตภัณฑ์ที่ได้รับมาจากแบรนด์ หรือพีอาร์โพสต์ต่างๆ ที่มีจำนวนสูงขึ้นมากในช่วงนี้ เนื่องจากมีเสียงมาจากสมาชิกหลายคนที่เปรียบเสมือนผู้บริโภคตัวเล็กๆ ที่อยากอ่านข้อมูลการใช้งานจริงมากกว่างานประชาสัมพันธ์ ซึ่งจีบันสร้างบ้านแห่งนี้มาเพื่อรองรับผู้บริโภคที่รักในสินค้าบิวตี้ราคาสูง เพราะคิดว่าพื้นที่ตรงนี้จะเป็นที่แบ่งปันประสบการณ์จริงได้ ฉะนั้นอย่าทำลายกันด้วยแผนมาร์เกตติ้งแบบนี้
ทั้งนี้ กลุ่มเฟซบุ๊กจีบันเปิดมากว่า 2 ปี เพื่อตามหากลุ่มผู้ใช้จริง ที่ใช้ผลิตภัณฑ์บิวตี้ระดับเคาน์เตอร์แบรนด์ขึ้นไป ที่สะดวกในการใช้เฟซบุ๊กสื่อสาร มากกว่าช่องทางเว็บไซต์ที่จีบันมีอยู่เดิม ที่ผ่านมาได้ใส่ใจและดูแลสมาชิกเท่ากัน คอยสอดส่อง ให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งตักเตือนและทำโทษผู้ที่ละเมิดกฎกรุ๊ปเช่นเดียวกัน สิ่งที่ยึดถือเสมอ คือความโปร่งใสต่อผู้บริโภค และสมาชิก หากจีบันมีการร่วมงานกับแบรนด์ใด จะชี้แจงและจัดชิ้นงานโฆษณาให้เป็นสัดส่วนเสมอ
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่
ด้านแบรนด์คู่กรณียังไม่มีคำชี้แจงใดๆ ออกมาแต่อย่างใด แต่พบว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊กบางคนเข้ามาให้กำลังใจ อ้างว่าเป็นผู้ใช้จริง ไม่ใช่หน้าม้าหรือมีส่วนได้ส่วนเสียจากเเบรนด์ และไม่สนกระแสที่เกิดขึ้น
