1.เลขา รมว.ยธ. ข้องใจหลักฐานสำคัญคดีแตงโม "กระโปรงสีขาว" หายไปไหน เผยพบเชือกต้องสงสัย 1 ชิ้น!
ความคืบหน้าหลังจากนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของแตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ ได้ให้ทนายความ แจ้งตำรวจเมื่อวันที่ 12 มี.ค. ขออายัดศพแตงโม เพื่อส่งตรวจอีกครั้งที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพราะครอบครัวยังคาใจร่องรอยบาดแผลที่ปรากฎบนร่างกายแตงโม และข้อสงสัยเกี่ยวกับการเสียชีวิต
ปรากฏว่า 2 วันต่อมา (14 มี.ค.) ตำรวจได้เปิดโอกาสให้นางภนิดาและทนายความเข้าพบและฟังผลชันสูตรศพแตงโม ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เพื่อตัดสินใจอีกครั้งว่า จะมีการผ่าชันสูตรรอบ 2 หรือไม่
หลังเข้าฟังผล นางภนิดาพร้อมทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ และทนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ก่อนชันสูตรเจ้าหน้าที่ได้ทำความสะอาดร่างกาย ทำให้คราบต่างๆ หายไป ไม่พบบาดแผลฟกช้ำ ฟันไม่หัก ส่วนแผลที่ขาเกิดจากการโดนของมีคม แต่ทางเจ้าหน้าที่นิติเวชไม่ได้ระบุว่า เกิดจากวัตถุชนิดไหน เพราะเป็นการล้วงล้ำจรรยาบรรณของหมอ ยืนยันไม่ได้ลึกถึงกระดูกตามที่เป็นข่าว ลึกถึงเอ็นแค่นั้น และแผลเกิดก่อนเสียชีวิต แต่ไม่สามารถระบุได้ว่า เกิดบนเรือหรือที่ไหน สาเหตุการตายคือ จมน้ำตาย ขาดอากาศหายใจ
วันต่อมา (15 มี.ค.) ทางตำรวจได้ส่งศพแตงโมเพื่อให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์พิสูจน์อีกครั้งตามความต้องการของนางภนิดา มารตาแตงโม ทั้งนี้ ตอนแรกคาดว่า จะไม่สามารถผ่าชันสูตรรอบ 2 ได้เร็ว เนื่องจากตำรวจส่งเอกสารให้ทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ไม่ครบ แต่สุดท้าย การผ่าชันสูตรได้มีขึ้นในวันที่ 17 มี.ค. โดยมีการตรวจทุกข้อสงสัยใน 11 จุดที่นางภนิดา มารดาของแตงโมระบุ
สำหรับข้อสงสัยทั้ง 11 จุด ประกอบด้วย 1. บริเวณศีรษะโดยรอบของผู้ตาย 2. บริเวณใบหน้าของผู้ตาย 3. บริเวณลำคอที่ผู้ตายสวมใส่สร้อย 4. บริเวณหน้าอกใต้ลำคอ 5. บริเวณบาดแผลที่ขา 6. บริเวณบาดแผลบริเวณน่องและข้อพับทั้งสองข้าง 7. บริเวณเล็บมือทั้งสองข้างของผู้ตาย 8. บริเวณแผ่นหลังของผู้ตาย 9. บริเวณหลอดลมของผู้ตาย 10. บริเวณอวัยวะเพศของผู้ตาย 11. เสื้อผ้าที่ผู้ตายสวมใส่ในวันเสียชีวิต
หลังการผ่าชันสูตรรอบ 2 ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา และคณะกรรมการในการผ่าศพ ได้ร่วมกันแถลงข่าว โดยว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าวว่า ได้นำประเด็นที่นางภนิดาสงสัย 11 ประเด็นมาดำเนินการ ทุกอย่างจะแล้วเสร็จในผลการตรวจพิสูจน์ ภายใน 2 สัปดาห์
ขณะที่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า หมอสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เห็นศพครั้งแรก ลูกตาปกติ ไม่มีบาดแผล ตาเท่ากันสองซีก ภาพที่มีการเผยแพร่ เป็นภาพในรถอยู่ระหว่างขึ้นจากน้ำแล้ว หนังศีรษะไม่มีรอยช้ำ ไม่มีบาดแผล กะโหลกศีรษะไม่แตก ไม่มีรอยช้ำ และไม่มีบาดแผลใดๆ ฟันอยู่ครบอาจจะมีส่วนที่หายไป เป็นเรื่องของการครอบฟัน
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวอีกว่า “ส่วนที่มีคนห่วงเรื่องถูกรัดคอ จากภาพถ่าย ตาไม่มีจุดแดง ไม่มีลักษณะถูกบีบรัดก่อนตาย บาดแผลที่ขา จะเห็นความชัดของบาดแผลที่มีลักษณะเฉพาะ ซึ่งต้องให้พนักงานสอบสวน คุยกับหมอ เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดีและนำไปดูว่าเกิดจากอะไร เพราะบาดแผลที่มีลักษณะเฉพาะที่ น่าจะหาสาเหตุได้ว่าเกิดจากอะไร รวมถึงมีการตรวจด้วยว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศหรือไม่ตามข้อสงสัยของครอบครัว กระเพาะปัสสาวะ ดูจากรูปถ่าย ที่สถาบันนิติเวชถ่ายชัดเจนว่ากระเพาะปัสสาวะไม่ได้เต็ม แต่บอกอะไรไม่ได้ เนื่องจากศพเน่า"
ด้าน พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ยืนยันว่า เชื่อว่า หลังจากนี้ไปแล้วจะได้รับคำตอบที่ชัดเจน ซึ่งหมอได้เก็บชิ้นเนื้อส่วนที่สงสัยไปทำการตรวจสอบ โดยจะเร่งรัดผลให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขา รมว.ยุติธรรม ได้ให้สัมภาษณ์รายการ "โหนกระแส" เมื่อวันที่ 18 มี.ค. บางช่วงบางตอนว่า มีการพบบาดแผลของแตงโมทั้งหมด 22 จุด แบ่งเป็นแผลขนาดใหญ่และเล็ก ขนาดใหญ่ก็เป็นที่ต้นขา ส่วนที่เหลือก็เป็นแผลฉีกขาด แผลถลอก แผลช้ำ และเกิดขึ้นก่อนเสียชีวิต สำหรับบริเวณศีรษะ ใบหน้า ริมฝีปาก ไม่มีบาดแผลใดๆ แผ่นหลังไม่มีบาดแผลใดๆ อวัยวะเพศไม่มีการถูกกระทำใดๆ ส่วนเล็บได้มีการตัดไปเพื่อตรวจหาเนื้อเยื่อหากมีการต่อสู้กัน โดยจะใช้เวลา 2 สัปดาห์ถึงจะได้ผล
ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าวด้วยว่า คดีนี้มองได้ 2 แบบ จะมองเป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรมก็ได้ พร้อมเผยข้อมูลสำคัญอีกอย่างหนึ่งว่า มีหลักฐานสำคัญบนร่างของแตงโมที่หายไป ซึ่งอาจบอกอะไรบางอย่างได้ "ที่ตนไม่เห็นตั้งแต่แรก และเชื่อว่าหลายๆ คนก็สงสัยเหมือนกันคือ ในวันนั้นที่เห็นรูปถ่ายที่ร้านอาหาร จะเห็นว่าแตงโมใส่กระโปรงสีขาวด้วย แต่ตอนพบร่างแตงโม ตั้งแต่เห็นรูปครั้งแรกเลยกลับไม่มีกระโปรงสีขาวตัวนั้น จนกระทั่งส่งร่างแตงโมไปยังหน่วยงานต่างๆ ก็ยังไม่พบกระโปรงสีขาวที่ว่า เลยทำให้เอะใจว่า กระโปรงสีขาวที่แตงโมใส่ หายไปไหน เพราะว่าถ้าเกิดตกไปแล้วไปถูกใบพัดเรือก็อาจจะมีร่องรอยบางอย่างที่บอกได้ แต่ว่ากระโปรงนี้ไม่เห็นและยังไม่มีใครเก็บมาส่งมอบให้"
เมื่อพิธีกรถามว่า กระโปรงถือเป็นหลักฐานสำคัญไหม? ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต ตอบว่า "ก็ถือว่าสำคัญ เพราะจากที่ไปดูมา ก็จะมีสายอยู่สายหนึ่ง ที่ไม่รู้ว่าเป็นเชือกอะไรอยู่ชิ้นหนึ่งเหมือนกัน ก็น่าจะสำคัญนะครับ เพราะว่ามันน่าจะบอกอะไรบางอย่างกับการเสียชีวิตได้"
ด้าน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ "เป็นเรื่องใหญ่" ทางช่อง JKN18 เมื่อวันที่ 18 มี.ค. บางช่วงบางตอนว่า "ได้ตรวจสอบทุกข้อที่ขอมาก็เพื่อจะยืนยันว่าเป็นไปตามการตรวจครั้งแรกไหม แต่บางอย่างยังตอบไม่ได้ เช่น ตรวจในช่องคลอด เรายังไม่รู้ว่าเจออะไรหรือไม่เจอ แต่ก็ได้ทำ หลอดลมก็ตรวจดูซึ่งสภาพศพมันโดนหั่นมาแล้ว มันเลยดูยากมาก”
เมื่อถามว่า มีข่าวว่าเจอแผลใหม่มาอีก 22 บาดแผล? พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า "ค่ะ ก็เป็นบาดแผลที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณบาดแผลใหญ่ ทุกคนเห็นว่า มันเป็นประเด็นสำคัญ น่าจะสื่อไปถึงพนักงานสอบสวน เพราะในทางนิติเวช เราจะเรียกมันว่าบาดแผลเฉพาะ ก็คือบาดแผลมันจะมีรูปร่างที่น่าจะบอกถึงวัตถุ ซึ่งสิ่งนี้มันจะช่วยในการตอบโจทย์ค่ะ ...ส่วนแผลใหญ่ไม่ลึกถึงกระดูก คุณหมอทุกท่านบอกว่า ไม่เหมือนใบพัดเรือ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่ใช่ค่ะ เพราะนิติเวชไม่มีอะไร 100% เพียงแต่ว่าเรามองว่าที่เราเคยเจอไม่ใช่แบบนี้"
ส่วนความเคลื่อนไหวของ 2 ผู้ต้องหาในคดีนี้ เมื่อวันที่ 16 มี.ค. นายตุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือไฮโซปอ เจ้าของเรือสปีดโบ๊ทลำเกิดเหตุ และนายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือโรเบิร์ต ได้เข้าพิธีบวชพราหมณ์ที่ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นสาขาของวัดท่าไม้ หลังระเบียบของสงฆ์ ผู้ที่ต้องคดีอาญา จะไม่สามารถเข้าพิธีบวชได้ จึงเดินหน้าอ้างว่าบวชพราหมณ์แทน โดยผู้ที่บวชให้คือ หลวงพี่อุเทน เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ โดยการบวชดังกล่าว แม้ไม่ใช่บวชพระ แต่ปรากฏว่า มีการโกนผม ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า โกนผมเพราะไม่ต้องการให้ตำรวจตรวจพิสูจน์หลักฐานหรือดีเอ็นเอจากเส้นผมหรือไม่
นอกจากนี้กระแสสังคมจำนวนไม่น้อย ยังไม่พอใจที่หลวงพี่อุเทนทำการบวชพราหมณ์ให้ไฮโซปอและนายโรเบิร์ต ที่เป็นผู้ต้องหา ซึ่งเหมือนเป็นที่พึ่งพิงของผู้กระทำผิด ทำให้หลายคนรับไม่ได้ ต่างขูดสติ๊กเกอร์ "วัดท่าไม้" ที่เคยติดรถไว้ด้วยความศรัทธา ออกหมด
2.ปชช. อ่วม! กบง. ไฟเขียวขึ้นราคาก๊าซ LPG ดีเดย์ เม.ย.นี้ ขณะที่ กกพ.มีมติขึ้นค่าไฟเป็นหน่วยละ 4 บาท พ.ค.-ส.ค.!
เมื่อวันที่ 17 มี.ค. นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เผยว่า ที่ประชุม กกพ.เมื่อวันที่ 16 มี.ค. มีมติปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือน พ.ค.-ส.ค.2565 อัตรา 24.77 สตางค์ต่อหน่วย เป็นผลมาจากการคำนวณเอฟทีงวดนี้เพิ่มขึ้น 23.38 สตางค์ต่อหน่วย รวมกับการเก็บค่าเอฟทีรอบก่อนหน้า (ก.ย.-ธ.ค.) อัตรา 1.39 สตางค์ต่อหน่วย และเมื่อรวมกับค่าไฟฐาน 3.76 บาทต่อหน่วย ทำให้ประชาชนต้องจ่ายจริง 4.00 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 5.82% สูงสุดเป็นประวัติการณ์
นายคมกฤช กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่ปรับเพิ่มดังกล่าว ปัจจัยหลักมาจากผลกระทบของสงครามรัสเซียและยูเครน จนเกิดวิกฤตราคาพลังงานโลก ประกอบกับก๊าซธรรมชาติ (แอลเอ็นจี) ในอ่าวไทยลดลงในช่วงปลายสัมปทาน ขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้ารอบใหม่ คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 5.21% และจากราคาพลังงานที่สูง จะทำให้ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นไปถึงต้นปี 2566
นอกจากค่าไฟที่จะขึ้นแล้ว ค่าก๊าซ LPG ก็ขึ้นราคาเช่นกัน โดยเมื่อวันที่ 18 มี.ค. นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เผยว่า เนื่องจากภาวะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ประกอบกับสถานการณ์สงครามยูเครนกับรัสเซีย ส่งผลกระทบให้ราคาน้ำมันและก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลาเกือบ 2 ปี ที่กระทรวงพลังงานได้ดูแลประชาชน โดยการตรึงราคาก๊าซ LPG ไว้ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม
และว่า ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. 2563 เป็นต้นมา กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้จ่ายเงินชดเชยก๊าซ LPG รวมแล้วเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 22,614 ล้านบาท ส่งผลให้ปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันฯ ในส่วนของบัญชีก๊าซ LPG ติดลบสูงถึง 28,093 ล้านบาท หากปัจจุบันไม่มีการอุดหนุน ราคาก๊าซ LPG จะอยู่ที่ 463 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ดังนั้น เพื่อลดภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในส่วนของบัญชีก๊าซ LPG ที่ประชุม กบง.จึงมีมติเห็นชอบให้ทยอยปรับขึ้นราคา LPG 3 ครั้ง โดยปรับขึ้นเดือนละ 1 บาทต่อกิโลกรัม ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2565 ส่งผลให้ราคาขายจะปรับเป็น 333 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม
อย่างไรก็ตาม ราคาขายปลีกก๊าซ LPG ของประเทศไทยยังต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนหลายประเทศแม้ว่าจะมีการปรับราคาขึ้น และเพื่อมิให้ส่งผลต่อภาระค่าครองชีพของประชาชนมากเกินไป ที่ประชุม กบง.ได้เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านราคาก๊าซ LPG โครงการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซ LPG แก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
โดยมอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) จัดทำคำขอรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 200 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับมาตรการบรรเทาผลกระทบด้านราคาก๊าซ LPG โดยการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซ LPG แก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 55 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน เป็น 100 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน และให้ ธพ.ขอความร่วมมือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ขยายระยะเวลาช่วยเหลือส่วนลดราคาก๊าซ LPG แก่ร้านค้า หาบเร่ แผงลอยอาหาร ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ ปตท.ดำเนินการอยู่ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ถึง 30 มิ.ย. 2565
นอกจากนี้ กบง.ได้เห็นชอบในหลักการให้แยกชนิดน้ำมันดีเซลหมุนเร็วพรีเมียม ออกจากน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยมีแนวทางจะลดการชดเชยจากกองทุนน้ำมันในดีเซลหมุนเร็วพรีเมียม และมอบให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ไปดำเนินการในข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเสนอ กบน. ต่อไป
รวมทั้งได้เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้น กำหนดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันให้เป็นไปตามสัดส่วนการผสมของกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว โดยน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 ไม่ต่ำกว่า 5% และไม่สูงกว่า 7% โดยปริมาตรน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดาไม่ต่ำกว่า 5% และไม่สูงกว่า 10% โดยปริมาตร และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 ไม่ต่ำ 5% และไม่สูงกว่า 20% โดยปริมาตร และยังคงขอความร่วมมือจากผู้ค้าน้ำมันให้คงค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงกลุ่มดีเซลไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ถึง 30 มิ.ย. 2565
3. ศบค.ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 2 เดือน คุมโควิด อนุญาตจัดสงกรานต์ แต่ห้ามประแป้ง-ปาร์ตี้โฟม-ดื่มสุรา!
เมื่อวันที่ 18 มี.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ว่า ที่ประชุมได้มีมติขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-31 พ.ค.นี้ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมโรคอย่างเต็มที่
พร้อมกันนี้ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร และคงมาตรการป้องกันโรคแบบบูรณาการ ดังนี้ พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จาก 44 จังหวัด ลดเหลือ 20 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด (สีเหลือง) จาก 25 จังหวัด เพิ่มเป็น 47 จังหวัด พื้นที่สีฟ้า (นำร่องการท่องเที่ยว) จาก 8 จังหวัด เพิ่มเป็น 10 จังหวัด
ขณะเดียวกันให้คงมาตรการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ไม่เกิน 23.00 น. สำหรับพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) และพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) ส่วนพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) ห้ามบริโภคสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน รวมถึงคงมาตรการจำกัดประเภทร้านอาหารที่บริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้ ต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop COVID 2-Plus เท่านั้น และตามมาตรการ COVID Free Setting
ขณะที่มาตรการสำหรับสถานบริการ และสถานประกอบการคล้ายสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ ให้ผู้ประกอบการ เปิดดำเนินการในรูปแบบร้านอาหารได้ตามมาตรการที่กำหนด โดยขออนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม.ได้ เมื่อมีความพร้อมโดยไม่กำหนดระยะเวลา
ส่วนการ Work From Home ให้เป็นไปตามความเหมาะสม และการพิจารณาของแต่ละหน่วยงาน
สำหรับมาตรการป้องกันโควิด-19 ในการจัดงานช่วงเทศกาลสงกรานต์ สรุปว่า สามารถจัดได้ แต่ขอให้จัดแบบประเพณีดั้งเดิม คือ รดน้ำดำหัว ส่วนที่จะมีการจัดสันทนาการต้องขออนุญาต เพราะต้องมีคนมารวมกันจำนวนมาก พื้นที่จัดงานสงกรานต์ อนุญาตให้เล่นน้ำตามประเพณี เช่น รดน้ำดำหัว สรงน้ำพระ การละเล่นการแสดงวัฒนธรรม ห้ามประแป้ง ปาร์ตี้โฟม หรือจำหน่ายและบริโภคแอลกอฮอล์ในพื้นที่จัดงาน โดยกำหนดช่องทางเข้าออกงาน จัดจุดคัดกรอง ควบคุมความหนาแน่นในพื้นที่จัดงาน 1 คนต่อ 4 ตารางเมตร ส่วนพื้นที่สาธารณะที่ไม่มีการควบคุม เช่น ท้องถนน ฯลฯ ห้ามเล่นน้ำ ประแป้ง และปาร์ตี้โฟมเด็ดขาด
ข้อแนะนำสำหรับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา ที่อาจต้องรวมกลุ่มนั่งรถกลับไป อาจจะมีการติดเชื้อได้ ต้องดูแลนเองอย่างดีก่อนกลับไป ผู้สูงอายุขอให้ฉีดวัคซีน 3 เข็ม เพราะเมื่อรับน้ำและใกล้ชิดคนที่จะมาต้องรับวัคซีน 3 เข็ม และใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า กิจกรรมรวมกลุ่มในครอบครัวต้องดูแลอย่างดี เลี่ยงการรับประทานอาหารร่วมกันเวลานาน ให้สงสัยไว้ก่อนลูกหลานกลับมามีเชื้อไว้ก่อน
หลังสงกรานต์ ขอให้กลับมาแล้วสังเกตตัวเอง 7 วัน อาจไม่ได้ติดจากคนในพื้นที่ แต่ติดจากที่เดินทางร่วมกัน หรือการอยู่รวมกันจำนวนมากก็มีความเสี่ยง หากสงสัยให้ตรวจ ATK หรือบางสถานที่พิจารณาทำงานที่บ้าน โดยขอให้ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคง ร่วมกับสาธารณสุขอย่างเข้มงวดช่วงสงกรานต์เพื่อให้ผ่านเทศกาลนี้ไปด้วยความเรียบร้อย ใครกระทำผิดฝ่าฝืนให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด
นพ.ทวีศิลป์ เผยถึงมาตรการป้องกันโรคสำหรับการเดินทางเข้าราชอาณาจักร เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยว่า "จะเริ่มวันที่ 1 เม.ย.นี้ โดยยกเลิกการตรวจ RT-PCR ทั้งทางบก อากาศและน้ำ หากระบบ Test & Go จะตรวจ RT-PCR วันแรก และตรวจ ATK ตนเองวันที่ 5 ส่วน Sandbox อยู่ในพื้นที่ลดเหลือ 5 วัน ส่วนกรณีต้องกักตัวก็กำหนด 5 วัน และตรวจ Rt-PCR วันที่ 4-5 หลังเข้ามา กรณีควบคุมยานพาหนะ ให้ตรวจ ATK ในวันที่ 5 และมีการขอให้เปิดด่านทางบก 1 เม.ย.ที่สตูล ท่าเรือใน จ.สุราษฎร์ธานี และสนามบินหาดใหญ่"
4. “บิ๊กตู่” ดินเนอร์พรรคร่วมคึกคัก พรรคเล็กวอนอย่ารีบยุบสภา นายกฯ ขอทุกคนช่วยกัน!
เมื่อเย็นวันที่ 14 มี.ค. กลุ่มพรรคเล็กบางส่วน ได้เข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด หลังจากมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร สั่งยกเลิกการนัดรับประทานอาหารระหว่างพรรคเล็กกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวันที่ 17 มี.ค. ที่สโมสรราชพฤกษ์ พร้อมกับนัดหมายให้พรรคเล็กมาหารือแบบเร่งด่วนกับ พล.อ.ประวิตร ในเย็นวันที่ 14 มี.ค.แทน เพื่อเคลียร์ปัญหากรณีพรรคเล็กไม่ค่อยได้รับการใส่ใจจาก พล.อ.ประยุทธ์
หลังพรรคเล็กเข้าพบและหารือกับ พล.อ.ประวิตร แล้ว นายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ เผยว่า พรรคเล็กได้เล่าถึงปัญหาความน้อยเนื้อต่ำใจที่มีต่อนายกฯ ให้ พล.อ.ประวิตร ฟัง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ใครมีอะไรให้ไประบายและเล่าให้นายกฯ ฟังในวันที่ 17 มี.ค. ใครอยากให้นายกฯ ช่วยเหลืออะไร ก็ไปเล่าให้ฟังในวันนั้น
ส่วนเรื่องบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คงไม่สามารถแก้ไขให้เป็นบัตรใบเดียวได้แล้ว ขณะที่การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ คงต้องหารด้วย 100 ไม่สามารถหารด้วย 500 ได้ เพราะอาจผิดจากหลักการ ดังนั้น ขอให้พรรคเล็กสู้ต่อไป
วันต่อมา (15 มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังประชุม ครม.ถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตรระบุว่า หลังเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปคเดือน พ.ย. จะมีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ว่า “เป็นเรื่องที่ พล.อ.ประวิตร ท่านเป็นคนพูด และท่านได้ชี้แจงให้ผมทราบแล้ว โดย พล.อ.ประวิตรพูดในมุมของท่าน แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องของนายกฯ”
เมื่อถามว่า จะยุบสภาเมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เป็นเรื่องของนายกฯ ที่จะตัดสินใจ นายกฯ ก็ต้องเก็บไว้ก่อน จะมาบอกก่อนทำไม
เมื่อถามต่อว่า ไม่มีเรื่องที่พรรคเล็กเกิดความน้อยใจในตัวนายกฯ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “คนเรานั่นนะ มันก็ควรใจใหญ่ ทำตัวให้หัวใจมันใหญ่ขึ้นมาเสียหน่อย ไม่ใช่หัวใจเล็ก หัวใจที่เราจะต้องรู้จักให้เกียรติ ให้อภัยซึ่งกันและกัน ถ้าเป็นคนก็ควรให้อภัย”
2 วันต่อมา (17 มี.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคใหญ่และพรรคเล็กต่างทยอยเดินทางไปรับประทานอาหารร่วมกันที่สโมสรราชพฤกษ์ตั้งแต่เวลา 18.30 น. โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น พร้อมเปิดโอกาสให้พรรคเล็กสะท้อนปัญหา รวมถึงระบายความอัดอั้นต่างๆ ให้นายกฯ ทราบ โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับทุกคนว่า “ขอบคุณทุกพรรค ทั้งพรรคใหญ่และพรรคเล็ก เราศักดิ์ศรีเท่ากัน เพราะมาจากการเลือกตั้งของประชาชน”
รายงานข่าวแจ้งว่า มีช่วงหนึ่ง ตัวแทนพรรคเล็กได้เอ่ยขึ้นกลางโต๊ะอาหาร โดยขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ อย่าเพิ่งรีบยุบสภา ซึ่งนายกฯ ตอบว่า “ขอให้ทุกคนช่วยๆ กัน”
5. ตร.คุมตัว 7 รุ่นพี่โหดรับน้องดับทำแผนรับสารภาพ แจ้งข้อหาเพิ่ม 25 คนสั่งเปลือยกาย!
ความคืบหน้าคดีรุ่นพี่รับน้องโหด ทำร้ายร่างกายนายพัสยศ ชลภักดี หรือ “น้องเปรม” อายุ 19 ปี นักศึกษา ปวส. ชั้นปีที่ 1 สาขาช่างกลโรงงาน วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน (มทร.อีสาน) นครราชสีมา เสียชีวิต และมีรุ่นน้องบาดเจ็บอีก 2 คน เมื่อคืนวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมีรุ่นพี่ 7 คนถูกดำเนินคดี ข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ และมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ กรณีมั่วสุมดื่มสุรานั้น
เมื่อวันที่ 17 มี.ค. พนักงานสอบสวน สภ.มะเริง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้ควบคุมตัวรุ่นพี่ทั้ง 7 คน อายุ 20 ปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุบริเวณไร่อ้อย บ้านโคกมะกอก หมู่ 14 ต.หนองระเวียง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ห่างจากวิทยาลัยฯ ไปประมาณ 20 กิโลเมตร โดยรุ่นพี่ 6 คนผลัดกันใช้กำปั้นชกที่หน้าอกและหน้าท้องของ “น้องเปรม” คนละ 1 ครั้ง ส่วนรุ่นพี่อีกคนสั่งให้คลานปลาหมอ ซึ่งเป็นกิจกรรมรับน้อง ช่วงเวลา 20.00-23.00 น. “น้องเปรม” ถูกชกจนหมดสติ ชักเกร็ง ก่อนรุ่นพี่นำส่งรักษาที่โรงพยาบาลค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา และเสียชีวิตในเวลาประมาณ 23.00 น. โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาทำแผนประมาณ 10 นาที ก่อนให้ผู้ปกครองของรุ่นพี่พากลับบ้าน โดยไม่มีการควบคุมตัว เนื่องจากไม่มีพฤติการณ์หลบหนี
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานและแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อกลุ่มรุ่นพี่ชั้นปี 2 ทั้งหมด 25 คน ฐานความผิดทำให้ขายหน้าต่อธารกำนัล กรณีสั่งให้รุ่นน้องถอดเสื้อผ้าเปลือยกายล่อนจ้อนขณะทำกิจกรรมรับน้อง ซึ่งความผิดดังกล่าวรุ่นพี่ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน และกำลังพิจารณาความผิดอื่นๆ อีกเพื่อให้การดำเนินคดีครอบคลุมทุกประเด็น
ด้าน พล.ต.ต.พรชัย นลวชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา สั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งรัดการทำสำนวนคดีอย่างตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย พร้อมประสานผู้ปกครองนักศึกษารุ่นพี่ทั้ง 7 คนเจรจาช่วยเหลือเยียวยาครอบครัว “น้องเปรม” ผู้เสียชีวิต ขณะที่ผู้ปกครองรุ่นพี่คนอื่นๆ พร้อมแสดงความรับผิดชอบ ช่วยเหลือเรื่องเงินเยียวยาตามความเหมาะสม
ขณะที่นายศรัณย์ อ่องพิมาย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 14 บ้านโคกมะกอก เจ้าของไร่อ้อยจุดเกิดเหตุ เผยว่า วันเกิดเหตุช่วงค่ำๆ พบเห็นกลุ่มนักศึกษาจำนวนมากนั่งรถกระบะอัดแน่นผ่านเข้ามาในพื้นที่ แต่ไม่ทราบว่าไปทำอะไรกัน จนกระทั่งทราบข่าวว่า มีการไปรับน้องในไร่อ้อยพื้นที่ของตนจนถึงแก่ความตาย โดยการจัดกิจกรรมรับน้องครั้งนี้ไม่ได้มีการขออนุญาตใช้พื้นที่จากตนแต่อย่างใด รู้สึกตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกำลังปรึกษากับญาติว่า จะต้องแจ้งความดำเนินคดีกลุ่มรุ่นพี่ข้อหาบุกรุกใช้สถานที่ โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างแก่คนอื่นต่อไป