รศ.นพ.ธีระเตือนประชาชนชาวไทยให้มีสติ จำเป็นต้องเฝ้าระวัง ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด เนื่องจากคาดว่า 15 วัน หรือราว 2 สัปดาห์ถัดจากนี้อาจมีโอกาสเห็นการระบาดของโอมิครอนที่มากขึ้นได้ถ้าไม่ป้องกันให้ดี
วันนี้ (3 ก.พ.) เฟซบุ๊ก "Thira Woratanarat" หรือ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความระบุว่า "ประเมินไว้เมื่อ 19 ธันวาคม 2564 และย้ำอีกทีเมื่อ 26 ธันวาคม 2564 และ 3 มกราคม 2565 ตามลำดับ คาดว่านับจาก 17 ธันวาคม 2564 จะมีค่ามัธยฐานของระยะเวลาจนถึงพีกแรกราว 48 วัน (พิสัยตั้งแต่ 20-63 วัน) และเคยบอกให้จับตามองวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 เพราะคือ 48 วัน ไทยเคยมียอดพุ่งครั้งแรกในระลอก Omicron ณ วันที่ 6 มกราคม 2565 จากนั้นก็ทรงตัวขึ้นๆ ลงๆ ระดับนั้นตลอดมา จนเป็นที่มาของการออกมาแถลงของหน่วยงานหนึ่งว่าผ่านพีกไปแล้ว กำลังเข้าขาลง และต่อมาก็มีการออกมาแถลงอีกครั้งว่า ยังไม่พีก สร้างความงุนงงให้ทุกคนในสังคม
โดยส่วนตัวได้ออกมายืนยันมาตลอดว่า ดูเงื่อนเวลาตามธรรมชาติการระบาดแล้ว ไทยยังไม่น่าจะเข้าสู่พีก เพราะเอเชียเราเริ่มเจอระลอก Omicron ช้ากว่าทวีปอื่นและวันนี้ 48 วันที่ 3 ก.พ. 65 จะเห็นชัดเจนว่าจำนวนติดเชื้อสูงกว่าที่เคยมีมาตั้งแต่ระบาด Omicron (ทั้งจำนวนติดเชื้อยืนยัน จำนวน ATK และยอดรวม)
แต่อยากออกมาเตือนว่าอย่าเพิ่งชะล่าใจว่าพีคแล้ว เพราะอาจมีโอกาสที่จะสูงกว่านี้ได้อีก เนื่องจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกส่วนใหญ่อัตราการติดเชื้อจะเพิ่มสูงมาก ในขณะที่ไทยเรานั้นยังไม่เห็นลักษณะนั้นอย่างชัดเจน ซึ่งอาจเป็นผลมาจากที่ประชาชนส่วนใหญ่ช่วยกันระมัดระวังตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมทางนโยบายด้านสุขภาพและท่องเที่ยว นำมาซึ่งความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแพร่เชื้อมากขึ้น อันเป็นผลจากจำนวนคนจากต่างประเทศที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และจากการใช้ชีวิตประจำวัน ทำมาค้าขาย พบปะกันมากขึ้น
15 วัน หรือราว 2 สัปดาห์ถัดจากนี้อาจมีโอกาสเห็นการระบาดที่มากขึ้นได้ถ้าไม่ป้องกันให้ดี จำเป็นต้องเฝ้าระวัง ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด สม่ำเสมอนะครับ ใช้ชีวิตอย่างมีสติ อยู่รอดปลอดภัยไปด้วยกันครับ โควิดนั้น ไม่ใช่หวัดธรรมดา ไม่กระจอก ที่ควรวิตกคือเรื่องภาวะอาการคงค้างระยะยาวหรือ Long COVID ดังนั้นไม่ติด ย่อมดีที่สุด"
คลิกโพสต์ต้นฉบับ
