xs
xsm
sm
md
lg

"หมอยง" เผยข่าวดี "โควิด" ความรุนแรงลดลง วัคซีนเข็มกระตุ้นลดป่วยหนักและเสียชีวิต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา ได้ออกมาโพสต์ข้อความเผยข่าวดีภาพรวมของความรุนแรงจากโควิด-19 ลดลง เนื่องจากมีภูมิจากการฉีดวัคซีนและภูมิต้านทานตามธรรมชาติ อนาคตหากไทยเน้นลดอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ เศรษฐกิจและสังคมก็อาจจะดีขึ้นด้วย

วันนี้ (30 ม.ค.) เฟซบุ๊ก "Yong Poovorawan" หรือ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความในประเด็น "ความรุนแรงของโรค โดยดูค่าเฉลี่ยอัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วย" โดย "หมอยง" ได้ระบุข้อความว่า

"โรคโควิด-19 ในปีแรกที่มีการระบาดเริ่มจากประเทศจีน อัตราการเสียชีวิตจะอยู่ที่ประมาณ 3 รายในผู้ป่วยร้อยราย และต่อมาเมื่อเกิดการระบาดในยุโรปอัตราการเสียชีวิตก็ไม่ได้น้อยกว่านี้ และก็เช่นเดียวกันการเสียชีวิตในสหรัฐอเมริกาในระยะแรกก็มีอัตราการเสียชีวิตที่ค่อนข้างสูง

ในระยะแรกยังไม่มีวัคซีนในการป้องกัน ลดอัตราการเสียชีวิต ทำให้มีผู้ป่วยเสียชีวิตจำนวนมากโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง แนวโน้มอัตราการเสียชีวิตเริ่มลดลงหลังจากมีวัคซีนที่ใช้ ถึงกระนั้นก็ตาม ในทางตะวันตกก็ยังมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และมีอัตราสูงกว่าประเทศไทยเป็นเท่าตัว

สำหรับประเทศไทย ในปีแรกการดูแลค่อนข้างดีมาก มีผู้เสียชีวิตในอัตราที่ต่ำ และเริ่มมาสูงขึ้นตั้งแต่มีการระบาดของสายพันธุ์อัลฟา และสายพันธุ์เดลตา ทำให้ค่าอัตราเฉลี่ยการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ หรือหนึ่งในร้อยราย ของผู้ที่ได้รับการวินิจฉัย แต่ก็ยังน้อยกว่าประเทศทางตะวันตก และสหรัฐอเมริกามาก

เมื่อมีการระบาดสายพันธุ์โอมิครอน จะเห็นว่าอัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วยที่รายงานมีอัตราที่ลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะในประเทศทางตะวันตก ยุโรป และอเมริกา ทำให้อัตราการเสียชีวิตทั่วโลกโดยมีค่าเฉลี่ยใน 7 วันที่ผ่านมานี้ ประมาณ 2.6 รายในผู้ป่วย 1,000 ราย เมื่อเปรียบเทียบของประเทศไทย อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 2.3 รายในผู้ป่วย 1,000 ราย (ดังแสดงในรูป) โดยมากจะเป็นผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว และไม่ได้รับวัคซีน ในภาพรวมจึงเห็นว่าความรุนแรงของโรคลดลงมาโดยตลอดตั้งแต่เริ่มมีการระบาดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าความรุนแรงของโรคจะลดลงอีก หลังจากที่มีการติดเชื้อจำนวนมากแล้ว และเกิดภูมิต้านทานโดยธรรมชาติ ร่วมกับภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากวัคซีน และการปรับตัวของไวรัสที่จะทำให้ความรุนแรงน้อยลงอีก

ในที่สุด เมื่อประชากรส่วนใหญ่ได้รับวัคซีน หรือมีการติดเชื้อ สร้างภูมิต้านทานขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ทางตะวันตกเอง ขณะนี้จึงเน้นการให้วัคซีนเข็มกระตุ้นในกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว อายุมากกว่า 60 ปี สตรีตั้งครรภ์ เพราะเป็นกลุ่มที่จะทำให้มีความรุนแรงและเสียชีวิตได้ ทำให้ในปีนี้วัคซีนที่ผลิตมาจะมีความต้องการน้อยลงอย่างมาก และจะมีปริมาณวัคซีนเหลือเฟือเกินความต้องการ

กลยุทธ์สำหรับประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน ขณะนี้ถ้าพิจารณาความรุนแรงของโรค โดยเฉพาะในกลุ่มที่ป่วยแล้วมีโอกาสที่จะเข้าโรงพยาบาล นอน ICU ใส่ท่อช่วยหายใจ หรือเสียชีวิต ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเปราะบางที่มีโรคประจำตัว อายุมาก หรือกลุ่มเสี่ยงที่เราเรียกว่า 608 การให้วัคซีนเข็มกระตุ้นจึงจำเป็นที่จะต้องมุ่งเน้นไปหากลุ่มประชากรดังกล่าวให้ได้มากที่สุด ความคุ้มค่าของวัคซีนที่ใช้จึงจะมีค่าสูงสุด ปีที่แล้วเราใช้จ่ายกับค่าวัคซีนไปหลายหมื่นล้านบาท

ในขณะนี้ทั่วโลกยอมรับแล้วว่าในบุคคลที่แข็งแรงดี ถึงแม้จะติดเชื้อ ความรุนแรงของโรคก็ไม่ได้มาก และจะเกิดภูมิต้านทานเกิดขึ้น แม้กระทั่งในอังกฤษ เดนมาร์ก ก็พร้อมที่จะเปิดประเทศเต็มตัวแล้ว ประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน ถ้าต่อไป เรามุ่งเน้นลดอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิตให้เหลือน้อยที่สุด เช่นหนึ่งในพัน หรือน้อยกว่า ก็น่าจะยอมรับได้ เพื่อให้เด็กทุกคนได้มีโอกาสใช้ชีวิตในวัยเด็ก และได้ไปโรงเรียน การศึกษาเราถดถอยมามากพอแล้ว และเศรษฐกิจสังคมจะได้ดีขึ้นด้วย"

คลิก>>อ่านโพสต์ต้นฉบับ


กำลังโหลดความคิดเห็น