"เรวดี ศรีท้าว" อดีตนักวิ่งทีมชาติไทยขอเห็นต่างคลิปพี่เอ้ตอนยังไม่เล่นการเมือง "ถึงเวลาเลิกสอนลูกหลานให้แข่งกับตัวเอง" ซัด "คุณไม่ใช่นักวิ่งค่ะ" ระบุเป้าหมายนักวิ่งไม่ใช่แค่เอาชนะผู้อื่น แต่ยังทำลายสถิติตัวเอง ชี้แข่งกับตัวเองในขณะฝึกยากที่สุดเพื่อเอาชนะใจตัวเอง แนะยกระดับนักการเมืองเมื่อไหร่ ประเทศไทยพัฒนาแน่นอน
วันนี้ (24 ธ.ค.) เฟซบุ๊ก Reawadee Srithoa ของ ร.ต.ท.หญิง เรวดี ศรีท้าว อดีตนักวิ่งทีมชาติไทย โพสต์ข้อความถึงกรณีที่ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โพสต์วิดีโอคลิปหัวข้อ "สอนเด็กไทยแข่งกับคนอื่น" ระบุว่า "ถึงเวลาเลิกสอนลูกหลานให้แข่งกับตัวเอง การตั้งเป้าหมายคือเรื่องที่สำคัญสุดๆ ต้องมองให้ไกล ตั้งเป้าหมายให้สูง และต้องสอนให้เด็กไทยแข่งขันกับคนที่เก่งกว่าดีกว่า แข่งกับชาติอื่น เหมือนถ้าเราเป็นนักวิ่งแล้วไม่คิดจะแข่งขันกับใคร วิ่งอยู่คนเดียว แข่งกับตัวเอง สุดท้ายคงไม่มีทางพัฒนาไปถึงไหน เด็กไทย ทั้งเก่ง ทั้งดี ได้ครับ วันนี้ชัยชนะของชาติเริ่มต้นที่การแข่งขันเพื่อยกระดับคุณภาพ ยกระดับประเทศไทย ให้แข่งขันได้ในเวทีโลกครับ #จะทำก็ทำได้ #เด็กไทยเก่งไม่แพ้ใครในโลก" ซึ่งคลิปดังกล่าวเผยแพร่เมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ในช่วงที่ยังไม่มาลงเล่นการเมือง เป็นการทำคลิปในลักษณะคล้ายกับเป็นไลฟ์โค้ช มีผู้ชมประมาณ 4.2 แสนครั้ง
ชมคลิป คลิกที่นี่
ร.ต.ท.หญิง เรวดีระบุว่า "คิดเห็นต่างได้ไหมคะ? ดิฉันเห็นคลิปที่คุณสุชัชวีร์ได้ยกขึ้นมาว่าถึงเวลาเลิกสอนลูกหลานให้แข่งกับตัวเอง แล้วยกตัวอย่างเรื่องวิ่งว่า หากเราเป็นนักวิ่งแล้วไม่คิดจะแข่งขันกับใคร วิ่งคนเดียว แข่งกับตัวเอง สุดท้ายคงไม่พัฒนาไปถึงไหน
สำหรับดิฉัน เห็นต่างจากคุณสุชัชวีร์ค่ะ ด้วยความเคารพ ดิฉันเคยเป็นนักวิ่งทีมชาติ ที่เวลาแข่งขันจะมีสถิติเป็นตัววัดที่เป็นตัวตั้ง และเป้าหมายของนักวิ่ง ที่ไม่ใช่เพียงวิ่งให้ชนะอย่างเดียว เรายังมีเป้าหมายการคิดเรื่องทำลายสถิติของตัวเองที่เคยทำมา เรื่องสถิติที่จะทำให้ได้เข้าแข่งขันกับคู่แข่งขันระดับโลก และจากประสบการณ์ของดิฉัน ที่ขึ้นชื่อเรื่องทำลายสถิติคือการแข่งกับตัวเอง เพราะความคิด จิตใจของตัวเอง คือสิ่งที่อันตรายที่สุด ที่จะทำให้ตัวเองสำเร็จหรือล้มเหลว แข็งแกร่งหรืออ่อนแอ แข่งชนะหรือพ่ายแพ้ หากดิฉันคิดแต่จะเอาชนะคนอื่น ทุกวันนี้ดิฉันคงมองไม่เห็นคนอื่นเลยค่ะ และก็คงจะไม่เห็นตนเองว่าอะไรที่ดิฉันยังอ่อนด้อย และไม่สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้ หากดิฉันไม่คิดเอาชนะใจตนเอง เพราะดิฉันเกิดตัวรู้ ว่าตัวดิฉันเองนี่แหละที่เอาชนะยากกว่าการเอาชนะคู่แข่งขัน
มันคนละเรื่องที่คุณสุชัชวีร์ยกขึ้นมาค่ะว่า วิ่งอยู่คนเดียว แข่งกับตัวเอง คงไม่พัฒนาไปถึงไหน ดิฉันว่าคุณสุชัชวีร์น่าจะไม่เคยเป็นนักกีฬาที่แข่งขันจริงจังอะไร คงเรียนให้เก่งเพื่อเอาชนะคนอื่นด้วยเกรดที่ดีเท่านั้น เพราะหากยกเรื่องวิ่งขึ้นมาเปรียบเทียบแบบนี้ ดิฉันเห็นต่างมากมาย หากไปถามนักวิ่งที่เป็นแชมป์หลายสมัย เป็นเจ้าของสถิติ ทุกคนจะตอบตรงกันว่าเขาแข่งกับตัวเองในขณะฝึกค่ะ เวลาที่วิ่งคนเดียวนั่นแหละ คือช่วงที่ยากที่สุดค่ะคุณสุชัชวีร์ เพราะเขาต้องฝึกเพื่อเอาชนะใจตนเอง ด้วยสติปัญญาสูงสุด ใช้พละกำลังทุกอย่างเพื่อเอาชนะตนเอง เขาถึงเป็นแชมป์ที่มีจิตใจที่ดีเหนือกว่าความเก่งค่ะ
ดิฉันไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับการเมือง ดิฉันไม่อยากให้ปลูกฝังเด็กให้เก่ง ให้คิดที่จะเอาชนะคนอื่นว่านั่นคือการพัฒนา ดิฉันขอเถียงค่ะ ที่คุณสุชัชวีร์บอกว่า ถ้าเราเป็นนักวิ่งแล้วไม่คิดจะแข่งขันกับใคร วิ่งอยู่คนเดียว แข่งกับตัวเอง สุดท้ายคงไม่พัฒนาไปถึงไหน คุณไม่ใช่นักวิ่งค่ะ
ดิฉันไม่เชื่อคุณค่ะที่ว่า วันนี้ชัยชนะของชาติ เริ่มต้นที่การแข่งขันเพื่อยกระดับคุณภาพ ยกระดับประเทศไทย ให้แข่งขันได้ในระดับโลก ประเทศไทยมีระดับอยู่แล้วค่ะ ประเทศไทยมีชัยชนะเยอะแยะมากมายค่ะ เชื่อว่าคุณก็น่าจะเคยเห็นศักยภาพประเทศไทย ที่ชนะในระดับโลกมามากมายแล้ว
อย่ายัดเยียดให้เด็กไทยอยากแต่จะแข่งขันเพื่อชัยชนะ ประเทศไทยจะยกระดับกว่านี้ได้ต้องพัฒนาคนที่จะเข้ามาเพียงเพื่อเป็นนักการเมืองค่ะ ยกระดับนักการเมืองเมื่อไหร่ประเทศไทยพัฒนาแน่นอนค่ะ มองเข้าไปในตัวเองให้เห็นตัวเองเอาชนะตัวเองชัยชนะจะเกิด ไม่ใช่แค่คุณชนะค่ะ ด้วยความเคารพ"
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่