1.“พระมหาสมปอง” กราบ “พระพยอม” ก่อนลาสิกขา 29 ธ.ค. ด้าน “เพื่อไทย-พปชร.” พร้อมอ้าแขนรับร่วมงาน!
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. พระมหาสมปอง ตาลปุตโต พระนักเทศน์ชื่อดังวัดสร้อยทอง เดินทางไปกราบลาพระพยอม กัลยาโณ ที่วัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี หลังจากมีการเปิดเผยว่าจะลาสิกขาในวันที่ 2 ม.ค.2565 ซึ่งเป็นวันเกิดแม่
พระมหาสมปอง กล่าวว่า วันนี้มาขอโอวาทก่อนลาสิกขา เป็นการปวารณาตัวรับใช้พระพยอม หลังสึกไปแล้วจะมาที่วัด ช่วยสวนธรรมหลวงพ่อ ส่วนฤกษ์ที่จะสึกมีสมเด็จแถวท่าเตียนไม่ขอเอ่ยชื่อบอกว่า ให้สึกวันที่ 1 หรือวันที่ 3 ก็ได้ ถ้าวันที่ 2 วันเกิดแม่ จะฉิบหายวายป่วง ตนเลยกำหนดเองเป็นวันที่ 29 ธ.ค.64 ส่วนวันที่ 30 จะไปออกรายการ ประมาณ 4 โมงเย็นจะไปดูหนังเรื่องส้ม ปลา น้อย ของพี่หม่ำ ส่วนเวลา 6 โมงเย็นจะไปกินหมูกะทะ และเปิดขายของทุกอย่างเป็นพิมรี่ปอง และจะมีแบรนด์แม่ปองปลาร้า แม่น้องน้ำพริก แม่ปองกาแฟ ยาสีฟันแม่ปอง และจะมีการเปิดรับนักร้องแม่ปองมิวสิค
ส่วนในเรื่องการเมืองนั้น อย่าบอกว่าอย่าไปยุ่งกับการเมือง เพราะทุกอย่างคือการเมืองหมด เพราะฉะนั้นแล้วต้องทำการเมืองให้ดีและมีประโยชน์ จึงขอสรุปเรื่องการเมืองว่า ตนก็ยังไม่ได้เข้าจนกว่าจะอยู่ในมุมที่เหมาะสม แล้วมีศักยภาพที่จะสามารถทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองได้จริงๆไม่ใช่แค่โม้
ด้านพระพยอม กล่าวว่า สึกไปแล้วก็ขอให้มองภาพรวมแล้วเป็นบุคคลที่แลดูดี ดูดี จะพูด จะคิด จะทำอะไร ให้คนพูดว่า สึกมาแล้วก็ไม่เสียหายอะไร ให้คนพูดว่าคนนี้แลดูดีก็พอ
วันเดียวกัน (17 ธ.ค.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. น่าน ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่า พระมหาสมปองสนใจเข้าไปร่วมทำหน้าที่ทีมโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยมีการพูดคุยผ่านนายวัน อยู่บำรุง ส.ส. กทม. พรรคเพื่อไทยว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่ทุกคนทุกฝ่ายอยากเข้ามาร่วมงานทางด้านการเมือง โดยเฉพาะคนที่มีความรู้ความสามารถ ไม่ว่าจะไปอยู่พรรคใดก็ตาม ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเปิดกว้างอยู่แล้ว หากไม่มีข้อห้าม ไม่มีลักษณะที่ขัดกับข้อบังคับเรื่องสมาชิกภาพหรือเรื่องต่างๆ ยืนยันว่าเรายินดีที่ใครจะมาก็ได้ ส่วนจะมาอยู่ตำแหน่งใดนั้น มีกระบวนการพิจารณาของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้วว่า จะมีความเหมาะสมหรือไม่อย่างไร
เมื่อถามว่า ได้มีการประสานจากนายวันแล้วหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวตนเพียงแต่ได้ฟังมา ยังไม่เป็นทางการ จะจริงเท็จอย่างไรต้องฟังจากทางเจ้าตัว เนื่องจากเป็นเรื่องของบุคคลที่สาม "เราจะไปประกาศรับหรือไม่รับไม่ได้ ยืนยันว่าเรายินดีรับทุกคนทุกฝ่าย โดยเฉพาะคนที่มีความสนใจทางด้านการเมือง ที่จะมาทำให้เกิดประโยชน์กับบ้านเมือง เรามีความยินดี..."
ด้านนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เผยถึงกรณีเตรียมทาบทามพระมหาสมปอง มาทำงานการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ หลังจากเตรียมลาสิกขาว่า ตนได้พูดคุยกับท่านพระมหาสมปอง เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 17 ธ.ค. และนัดกันว่า จะพูดคุยเรื่องนี้ในวันอาทิตย์ที่ 19 ธ.ค. ช่วงค่ำ ๆ ส่วนสถานที่ยังไม่เเน่นอนว่าเป็นที่ไหน แต่จะเจอกันวันอาทิตย์นี้เเน่นอน ส่วนตัวเชื่อว่า ถ้าท่านอยากทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง เชื่อว่าอยู่กับรัฐบาลทำประโยชน์ได้มากกว่า อีกทั้งปัจจัยการตัดสินใจคงไม่ใช่ เรื่องหนี้สินหรือเรื่องเงินตามที่เป็นข่าว แต่ขึ้นอยู่ที่ปัจจัยที่ท่านอยากทำงานให้บ้านเมืองหลังจากลาสิกขามากกว่า และพระมหาสมปองสามารถสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ ได้ดีกว่า ดูได้จากช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ท่านสอนธรรมมะทีไร เด็กๆชอบมาก
เมื่อถามว่า จะทาบมาอยู่ในส่วนโฆษกพรรคพลังประชารัฐเลยหรือไม่ นายสิระ กล่าวว่า ถ้าโฆษกพรรคต้องอยู่ในกรรมการบริหารพรรค ซึ่งต้องมีกระบวนการ แต่นอกจากนี้ ของเรายังมีกระทรวงที่เกี่ยวข้องที่ท่านอาจจะเข้ามาช่วยได้ เช่น เรื่องที่เกี่ยวกับสำนักพุทธฯ เรื่องกระทรวงศึกษา หรือเรื่องกระทรวงวัฒนธรรม เป็นต้น ซึ่งรายละเอียดต้องพูดคุยกันในวันที่ 19 ธ.ค. ก่อนในเบื้องต้น
ขณะที่นายมหัศจักร โสดี โฆษกพรรคพลังธรรมใหม่ ได้โพสต์เฟซบุ๊กถึงกระแสการทาบทามพระมหาสมปอง มาทำงานพรรคการเมืองในขณะนี้ว่า ตนเชื่อว่าพระมหาสมปองมีธงอยู่ในใจแล้วว่า จะไปอยู่พรรคเพื่อไทยหรือพรรคก้าวไกลแน่นอน เพราะจากพฤติกรรมการแสดงออกของพระมหาสมปองมีทิศทางที่ชัดเจนว่า ไม่ชอบการบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมักจะออกมาตำหนิอยู่บ่อยครั้ง มาวันนี้ เมื่อพระมหาสมปองจะสึก ถึงกับต้องยอมกลืนน้ำลายตัวเอง ไปขอพึ่งบารมีพรรคพลังประชารัฐที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีเลยหรือ
นายมหัศจักร กล่าวอีกว่า "ถ้าพระมหาสมปองจะสึกเพื่อไปเล่นการเมือง ก็ไม่ควรโทษใครว่าเป็นเหตุที่ทำให้ตัวเองต้องสึก ควรยอมรับไปเลยว่า ตัวเองพ่ายแพ้ต่อกิเลสตัณหาภายในจิตใจ ต้องการกลับไปเป็นคฤหัสถ์ สิ่งที่ควรสำนึกในบุญคุณ คือพระศาสนา, ผ้าเหลือง, ข้าวน้ำที่ญาติโยมเลี้ยงดูมาตลอดการบวชเรียน ต้องทำตัวให้เหมาะสมกับคำว่าทิตหรือบัณฑิตในทางพุทธศาสนา จะได้ไม่ต้องอายชาวบ้านชาวเมือง เดี๋ยวเขาจะหาว่าบวชเปลืองข้าวสุก"
นายมหัศจักร กล่าวด้วยว่า ตนเชื่อว่าคนในสังคมมองออกถึงพฤติกรรมพระสงฆ์รูปนี้ วันนี้พระมหาสมปองยังอยู่ภายใต้ผ้าเหลือง ใช่เวลาที่เหมาะสมหรือที่จะมาเร่ขายตัว เอาผ้าเหลืองมาบังหน้าสร้างราคาให้กับตัวเองหรือไม่ ตนขอเตือนให้พระมหาสมปองใจเย็น ๆ สิ้นเดือนนี้ก็จะสึกออกไปแล้ว และจะไปหากินเลี้ยงชีพด้วยวิธีใดก็เอาให้เต็มที่ แต่เวลานี้อย่าสร้างความมัวหมองให้กับพุทธศาสนาที่ได้ชุบลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็กเป็นเณรน้อยบ้านนอกตัวเล็กๆ จนได้ดิบได้ดีในตอนนี้เลย
ล่าสุด ช่วงเย็นวันที่ 17 ธ.ค. พระมหาสมปองได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “เนื่องจากลูกเพจและผู้หลักผู้ใหญ่ไม่สบายใจเรื่องการเมือง จึงขอระงับเอาไว้ก่อน ยังไม่ยุ่งการเมืองนะจ๊ะ” โดยมีลูกเพจเข้ามากดถูกใจและแสดงความเห็นด้วยเป็นจำนวนมาก
2."ปชป." เปิดตัว "ดร.เอ้" ชิงผู้ว่าฯ กทม. ด้าน “ผู้ว่าฯ หมูป่า” ปัดลงสมัคร หลัง พปชร.ทาบทาม เผยคุณสมบัติไม่ผ่าน!
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ที่สามย่านมิตรทาวน์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เป็นประธานเปิดตัวนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของพรรค โดยมีแกนนำและสมาชิกพรรคมาร่วมให้กำลังใจอย่างคึกคัก รวมทั้งมีทีมผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ของพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 50 คนมาร่วมงานครั้งนี้ด้วย
นายสุชัชวีร์ กล่าวตอนหนึ่งว่า “ผมขอคนกรุงเทพฯ ให้โอกาสผู้ว่าฯ ที่มาจากวิศวกรที่มีคุณวุฒิ เป็นอาจารย์วิศวกรรมศาสตร์ และเป็นอดีตนายกสภาวิศวกร จะเปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้รอดจากน้ำท่วม มีแก้มลิงใต้ดินบนดิน และริเริ่มป้องกันน้ำทะเลหนุนร่วมกับจังหวัดข้างเคียง มีระบบอินเทอร์เน็ตเตือนภัยประชาชน เช่น เตือนเรื่องน้ำท่วม รถติด มลพิษ ที่ผ่านมาก็เห็นแล้วว่า น้ำท่วมสะพานซังฮี้ ไม่มีการเตือนภัยอะไรเลย ส่วนปัญหารถติดฆ่าอนาคตลูกหลานเราที่สุด เพราะเด็กขาดจินตนาการและมีแต่ความเครียด ผมเชื่อว่าเราเปลี่ยนได้ เหมือนกรุงโตเกียวที่มีประชากรมากกว่า กทม.หลายสิบเท่า เขายังทำได้ เราก็ต้องทำได้ ดังนั้นผมขอประกาศว่า จะทำ กทม.ให้เหมือนกรุงโตเกียว”
นายสุชัชวีร์ ได้ให้สัมภาษณ์หลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการถึงเหตุผลที่ตัดสินใจมาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ด้วยว่า เนื่องจากเห็นกระแสการเปลี่ยนแปลงภายในพรรค รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่และเลือดใหม่ได้มีโอกาสเสนอตัวมาทำงาน อีกทั้งคนเป็นผู้ว่าฯ กทม. ไม่สามารถทำงานได้เพียงลำพัง จึงต้องทำงานเป็นทีม
หลังพรรคประชาธิปัตย์เปิดตัวนายสุชัชวีร์ หรือ ดร.เอ้ เป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของพรรค มีข่าวว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อยู่ระหว่างทาบทามนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี หรือ “ผู้ว่าฯ หมูป่า” ให้เป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของพรรค
ซึ่งนายณรงค์ศักดิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว (14 ธ.ค.) ถึงแนวโน้มการลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ว่า “ขอบคุณพี่น้องหลายคน ผู้ใหญ่ใจดีหลายคน พยายามทาบทาม ชักชวน หรือให้เกียรติเราในตรงนั้น ผมเชื่อว่า การที่เราได้มีคนมาถาม หรือมีคนแม้แต่ประชาชนกลุ่มหนึ่งก็ยังบอกว่า อยากให้ผู้ว่าฯ ไปช่วยที่ กทม. ตรงนี้ถือเป็นเกียรติยศอย่างสูงที่ได้รับเกียรติตรงนั้น”
"แต่อีกมุม ผมอยู่ปทุมธานีมา 2 เดือน แล้วผมเลือกไปทำงานที่อื่น ผมจะตอบประชาชนชาวปทุมธานีได้อย่างไร ผมไม่รักคนปทุมธานีแล้วหรือ ที่ผ่านมา จะเห็นว่า เราอยู่หลายจังหวัด เราทำเต็มที่ ผมเชื่อว่า 3 จังหวัดที่ผ่านมา คนรักผมมากกว่าคนไม่ชอบขี้หน้า กลับกันกับสำนวน “คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ” แต่ผมเชื่อว่า 3 จังหวัดที่ผ่านมา คนรักมากกว่า เราถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของเราเอง เกียรติยศครอบครัว ถามคนปทุมฯ เขาก็เห็นความแตกต่าง เขาอยากให้เราทำงานให้บรรลุ อยากให้ผมเป็นผู้ว่าฯ ปทุมฯ ต่อ เชื่อว่า ไม่ใช่คำตอบ แต่ประชาชนคงตอบได้”
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวด้วยว่า อยากรับราชการจนเกษียณอายุราชการ หลังจากนั้น อยากพักผ่อน เพื่อดูแลครอบครัวและลูก เนื่องจากที่ผ่านมาทำงานตลอดเวลา แทบไม่มีเวลาดูแลเลย บางครั้งยังดูแลสุขภาพตัวเองไม่ดีพอด้วย หลังจากนั้น คงอยู่ข้างทาง ดูคนอื่นๆ เขาทำงานต่อไป
เมื่อถามย้ำว่า จะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า ตอบไปแล้ว คือ คุณสมบัติไม่ได้จริงๆ ถ้าถามตรงๆ ถามว่า ในพื้นที่ กทม. งานซับซ้อนกว่าไหม งานยากกว่าไหม ก็มองว่าซับซ้อนกว่า แต่เป้าหมายของทุกคน การเป็นผู้ว่าฯ คือการทำให้ประชาชนที่เราเป็นคนดูแล ได้มีความสุข ... ขอให้ประชาชนได้กินอิ่ม นอนหลับ ...ตำแหน่งพ่อเมืองตรงนี้ เรามีความสุขมากที่ได้เห็นประชาชนด้อยโอกาส หัวเมืองไกลๆ แล้วเราทำให้มีความสุขได้ แต่ กทม. มีอะไรซับซ้อนอีกเยอะ ตรงนั้นคงไม่ถนัดที่จะเข้าไปในพื้นที่หัวใจของประเทศ ขออยู่ดูแลพี่น้องภูมิภาคคงจะดีกว่า
3. ศบค.ไฟเขียวคืนเคาต์ดาวน์ดื่มสุราได้ไม่เกินตี 1 ด้าน สธ.คาด พบผู้ติดเชื้อโอมิครอนมากขึ้นหลังปีใหม่!
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เป็นประธานการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ โดยเห็นชอบให้เพิ่ม จ.ชลบุรีเป็นพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวทั้งจังหวัด (สีฟ้า) รวมพื้นที่สีฟ้า 8 จังหวัด และอนุญาตให้ทุกพื้นที่เปิดบริการและดื่มสุราได้ในคืนวันที่ 31 ธ.ค.-1 ม.ค.2565 ไม่เกิน 01.00 น. เฉพาะร้านที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ส่วนมาตรการจัดงานปีใหม่ที่มีผู้ร่วมงานตั้งแต่ 1,000 คนขึ้นไป ผู้ร่วมงานต้องฉีดวัคซีน 2 เข็มและตรวจ ATK ขณะที่การเข้าประเทศด้วยระบบแซนด์บ็อกซ์และแบบกักตัว ทุกช่องทางต้องกักตัว 7 วัน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.มีมติเห็นชอบการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี ส่วนกลางที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วันที่ 31 ธ.ค.2564 เวลา 22.30 น. และวัดอรุณราชวรารามฯ วันที่ 31 ธ.ค.2564 เวลา 23.30 น. ส่วนภูมิภาค สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี อย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง และกิจกรรมพิเศษที่จัดขึ้นใน 3 ภูมิภาค ภาคเหนือ จ.เชียงราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.อุดรธานี และภาคใต้ จ.สุราษฎร์ธานี
ส่วนสถานการณ์ของโควิดกลายพันธุ์โอมิครอนที่องค์การอนามัยระบุว่า เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลและระบาดแล้วในหลายสิบประเทศทั่วโลกนั้น ในส่วนของไทย มีรายงานเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ว่า มีผู้เข้าข่ายติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนแล้ว 11 ราย เป็นผู้ที่เดินทางเข้าประเทศทั้งหมด ประกอบด้วย 1.ชายอเมริกัน มาจากสเปน เข้าระบบ Test & Go กทม. 2.หญิงไทย มาจากไนจีเรีย เข้าระบบ ASQ กทม. 3.หญิงไทย มาจากไนจีเรีย เข้าระบบ ASQ กทม. 4.ชายไทย มาจากคองโก เข้าแซนด์บอกซ์ กทม. 5.ชายไทย มาจากไนจีเรีย เข้าแซนด์บอกซ์ กทม.
6.ชาวชายโคลอมเบีย มาจากไนจีเรีย เข้าแซนด์บอกซ์ กทม. 7.ชายชาวอังกฤษ มาจากสหราชอาณาจักร Test & Go ชลบุรี 8.ชายไทย มาจากแอฟริกาใต้ เข้า ASQ นนทบุรี 9.ชายชาวอเมริกัน มาจากสหรัฐอเมริกา เข้าระบบ Test & Go กทม. 10.ชายชาวเบลารุส มาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้าระบบ Test & Go กทม. 11.ชายชาวอังกฤษ มาจากสหราชอาณาจักร เข้าระบบ Test & Go กทม.
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน หลังประเทศอังกฤษพบผู้ป่วยสายพันธุ์ดังกล่าวเสียชีวิตแล้ว 1 รายว่า ขณะนี้ได้หารือกับภาคีเครือข่ายเตรียมพร้อมดูแลผู้ติดเชื้อ หากประเทศไทยต้องเผชิญกับโอมิครอน ส่วนตัวคาดว่า ไทยน่าจะเริ่มพบผู้ป่วยโอมิครอนมากขึ้นช่วงหลังปีใหม่ หรือกลางเดือน ม.ค.2565 และว่า หากพบมากขึ้น แต่ป่วยน้อย ก็ยังใช้การรักษาแบบกักตัวที่บ้าน (Home Isolation)
ด้าน ศ.เกียรติคุณ วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยว่า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ฐานข้อมูลกลางโควิด-19 โลก หรือ GISIAD บันทึกข้อมูลจากนักวิทยาศาสตร์ที่ช่วยกันสุ่มตรวจตัวอย่างเชื้อ 6 ล้านตัวอย่าง ระบุว่า ไม่มีไวรัสสายพันธุ์ไหนสามารถดึงสายพันธุกรรม หรือจีโนมบางชิ้นส่วนของไวรัสตัวอื่นเข้ามาผสมในจีโนมตัวเอง ยกเว้นโอมิครอน “เราต้องดูต่อไปว่า หากโอมิครอนไปดึงสายพันธุ์อื่นเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นเดลต้า อัลฟ่า เบต้า เข้ามาได้ จะเกิดอะไรขึ้น อาการจะรุนแรงหรืออ่อนกำลังลง ยังไม่มีใครรู้ ยังต้องติดตาม”
4. รมว.คลัง สั่งเพิกถอนใบอนุญาต "เดอะ วัน ประกันภัย" หลังค้างจ่ายสินไหมโควิด แก้ปัญหาฐานะการเงินไม่ได้!
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เผยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มีคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 2423/2564 ให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัยบริษัท เดอะ วัน ประกันภัย จำกัด (มหาชน) มีผลตั้งแต่วันที่ 13 ธ.ค.64 เป็นต้นไป เพื่อให้กองทุนประกันวินาศภัยเข้ามาดูแลเจ้าหนี้ ผู้เอาประกันภัย ให้ได้รับการชำระหนี้อย่างเป็นธรรม โดยจะมีการตอบข้อซักถาม รับเรื่องร้องเรียน จัดทำแอปพลิเคชันแจ้งข้อมูล และจัดทีมสนับสนุนการทำงานของกองทุนประกันวินาศภัย
นอกจากนี้่ สำนักงาน คปภ.ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ จะช่วยรับคำขอชำระหนี้ตามสัญญาประกันภัย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เอาประกันภัย
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (บอร์ด คปภ.) ได้มีมติให้บริษัท เดอะ วัน ประกันภัย หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2564 เป็นต้นไป หลังปรากฏพฤติการณ์และหลักฐานต่อนายทะเบียนว่า บริษัท เดอะ วัน ประกันภัย มีฐานะการเงินไม่มั่นคง โดยมีหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน จัดสรรสินทรัพย์หนุนหลังไม่เพียงพอตามที่กฎหมายกำหนด มีสินทรัพย์สภาพคล่องไม่เพียงพอสำหรับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ยังปรากฏหลักฐานว่า บริษัทไม่มีเจตนาที่จะแก้ไขฐานะการเงินของบริษัท ทำให้ไม่สามารถมั่นใจได้ว่า บริษัทมีความสามารถในการชำระหนี้ตามภาระผูกพันที่มีต่อผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนได้ มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนล่าช้า
นายสุทธิพล กล่าวด้วยว่า “แม้จากการกำกับ ติดตามก่อนมีคำสั่งฯ ตามมาตรา 52 และการเข้าควบคุมตามคำสั่งฯ มาตรา 52 จะทำให้สำนักงาน คปภ. สามารถช่วยเหลือผู้เอาประกันภัย โดยเร่งให้บริษัทจ่ายสินไหมฯ และคืนเบี้ยประกันภัยรวม 60,201 ราย เป็นเงินรวม 2,544.22 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ทรัพย์สินของบริษัทยังไม่เพียงพอที่จะจ่ายเคลมที่ทยอยเข้ามาเรื่อยๆ โดยที่บริษัทไม่สามารถแก้ไขปัญหาฐานะการเงินได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเพิกถอนใบอนุญาตตามกฎหมาย เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อผู้เอาประกันภัยและเพื่อให้กองทุนประกันวินาศภัย เข้ามาดูแลการชำระหนี้ตามสัญญาประกันภัย"
ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยว่า หลังกระทรวงการคลังมีคำสั่ง เพิกถอนใบอนุญาตของบริษัท เดอะ วัน ประกันภัย และบริษัทเตรียมเลิกจ้างลูกจ้างทั้งหมด 396 คน จาก 19 สาขาทั่วประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลภารกิจกระทรวงแรงงาน ได้แสดงความเป็นห่วงลูกจ้าง บริษัท เดอะวันประกันภัย จึงสั่งการให้กระทรวงแรงงานเข้าไปดูแล ช่วยเหลือลูกจ้างอย่างใกล้ชิด
โดยสั่งการให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเข้าไปชี้แจงทำความเข้าใจถึงสิทธิประโยชน์ที่ลูกจ้างพึงได้รับ และขั้นตอนกระบวนการยื่นคำร้องให้ลูกจ้างทราบเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ซึ่งลูกจ้างรับทราบและเข้าใจเป็นอย่างดี และแจ้งความประสงค์ขอยื่นคำร้องต่อพนักงานตรวจแรงงาน ณ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 5 ในวันจันทร์ที่ 20 ธ.ค.นี้ ซึ่งได้นัดหมายให้นายจ้างมาพบ เพื่อสอบถามและตรวจสอบถึงการดำเนินการของนายจ้างว่า เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานหรือไม่ หากนายจ้างไม่สามารถจ่ายเงินค่าชดเชยกรณีเลิกจ้างให้กับลูกจ้างได้ ลูกจ้างมีสิทธิยื่นเรื่องขอรับเงินสงเคราะห์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างได้
5. เรือนจำกระบี่ป่วน! นักโทษก่อเหตุเผาเรือนนอน ด้าน จนท.ส่ง 31 หัวโจกไปคุกเขาบินแล้ว ส่วนนักโทษที่เหลือย้ายไปเรือนจำอื่น รอซ่อมแซม!
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. เวลา 17.50 น.ได้เกิดเหตุนักโทษชายภายในเรือนจำจังหวัดกระบี่ ได้ก่อความวุ่นวายขึ้นในเรือนจำเป็นครั้งที่สอง หลังจากคืนก่อนหน้าได้ก่อเหตุมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยครั้งนี้นักโทษได้จุดไฟเผาทำลายอาคาร ซึ่งอยู่ด้านหลังอาคารเรือนจำ ทำให้ประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เรือนจำได้ขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารเข้าควบคุมสถานการณ์ และรถดับเพลิง เทศบาลเมืองกระบี่ อบจ.กระบี่ เข้าฉีดน้ำสกัดเพลิง
ด้านนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้บินด่วนลงพื้นที่เพื่อระงับเหตุการณ์ด้วยตนเอง ก่อนให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวช่วงค่ำวันเดียวกันว่า หลังจากที่ได้มีการพูดคุยเจรจากับนักโทษที่ก่อเหตุจลาจล เบื้องต้น ไม่มีข้อเรียกร้องเพิ่มเติม นอกจากการขอให้นำผู้ป่วยโควิด-19 ออกไปรักษาข้างนอกเท่านั้น ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ได้มีการย้ายนักโทษที่ป่วยออกไปรักษาแล้ว สำหรับการก่อเหตุเผาเรือนจำซ้ำอีกรอบ เป็นเรือนนอนไม้เก่า ซึ่งสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว
นายอายุตม์ กล่าวอีกว่า เป็นไปได้ว่า การก่อเหตุเผาเรือนนอนในครั้งนี้ เนื่องจากมีนักโทษบางคนวางแผนต้องการหลบหนีออกจากเรือนจำ หลังจากที่ได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 แล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบกลุ่มนักโทษที่เป็นหัวโจก มีจำนวน 31 คน หลังจากนี้จะมีการแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และขอยืนยันว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่มีนักโทษเสียชีวิต แต่มีบางคนได้รับบาดเจ็บจากการที่พยายามจะหลบหนี เนื่องจากถูกลวดหนามบาด
นายอายุตม์ กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้จะย้ายนักโทษไปไว้ที่อื่นก่อน เพื่อปรับปรุงบริเวณที่เสียหาย สำหรับนักโทษที่ก่อเหตุครั้งนี้มีทั้งนักโทษคดียาเสพติด และคดีอุกฉกรรจ์ รวม 31 ราย ได้ควบคุมตัวไว้ทั้งหมดแล้ว ส่วนผู้ที่บาดเจ็บนำตัวไปรักษาที่ รพ.กระบี่
มีรายงานว่า การก่อเหตุจลาจลของนักโทษชายภายในเรือนจำกระบี่ เกิดจากการไม่พอใจเจ้าหน้าที่เรือนจำที่ไม่นำตัวผู้ป่วยโควิด-19 ออกไปรักษาข้างนอก จนทำให้นักโทษชายป่วยโควิด-19 ลุกลามประมาณ 300 ราย จึงได้ก่อเหตุจลาจลขึ้น โดยทำลายข้าวของภายในเรือนจำตั้งแต่คืนวันที่ 16 ธ.ค. เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมสถานการณ์ และอยู่ระหว่างนำนักโทษที่ป่วยโควิด-19 ออกไปรักษา ปรากฏว่า นักโทษได้ก่อเหตุเผาเรือนจำซ้ำอีกรอบช่วงเย็นวันที่ 17 ธ.ค.
ทั้งนี้ วันต่อมา (18 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรได้ปิดเส้นทางไม่ให้รถทุกชนิดที่ไม่เกี่ยวข้องวิ่งผ่านหน้าเรือนจำจังหวัดกระบี่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่กองร้อยควบคุมฝูงชน ทหาร ตำรวจ และอาสารักษาดินแดนจังหวัดกระบี่ที่ 1 ได้ปฏิบัติภารกิจในการขนย้ายนักโทษไปยังเรือนจำต่างๆ ชั่วคราว เช่น เรือนจำจังหวัดภูเก็ต เรือนจำจังหวัดนครศรีธรรมราช และเรือนจำจังหวัดสงขลา ส่วนนักโทษแกนนำหรือหัวโจกที่ก่อเหตุจลาจล 31 คน เจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปยังเรือนจำเขาบิน จังหวัดราชบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพภายในเรือนจำจังหวัดกระบี่ ยังไม่แน่ชัดว่า จะสามารถปรับปรุงซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานต่อไปได้หรือไม่ เพราะไม่สามารถเข้าไปภายในเรือนจำได้ และไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดเปิดเผยข้อเท็จจริงว่าได้รับความเสียหายมากน้อยแค่ไหน หรือจะมีการก่อสร้างเรือนจำจังหวัดกระบี่แห่งใหม่ขึ้นที่ไหนหรือไม่