แม้ว่าจะกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังคงลุกลามไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศบ้านพี่เมืองน้องของเราอย่าง สปป.ลาว อีกหนึ่งประเทศที่กำลังรับมือกับโควิดอย่างหนัก
ล่าสุด สำนักข่าว Laotian times รายงานว่า เมื่อวันพุธที่ 3 พ.ย. 2564 ทีมปฏิบัติการพิเศษแห่งชาติเพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ของประเทศ สปป.ลาว เปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทำการตรวจโรคประชาชนทั่วประเทศ 6,602 ครั้ง และพบผู้ติดเชื้อทั้งหมดถึง 1,062 ราย
นี่นับเป็นครั้งแรกที่ลาวพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในวันเดียวมากกว่า 1,000 ราย โดย 1,056 ราย จากจำนวนดังกล่าวเป็นการติดเชื้อภายในชุมชน โดยพื้นที่ที่เมืองผู้ติดเชื้อมากที่สุด คือ นครหลวงเวียงจันทน์ พบถึง 517 ราย ส่วนที่เหลืออีก 6 รายเป็นผู้ติดเชื้อนำเข้าจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ซึ่งไม่ใช่พี่น้อง สปป.ลาว เท่านั้น ทุกประเทศทั่วโลกต่างตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ธุรกิจก็ต้องดำเนินต่อไป เพราะ สปป.ลาว เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีศักยภาพไม่แพ้ประเทศอื่นๆ ทำให้นักธุรกิจหลากหลายประเทศพาเหรดเข้าไปลงทุนจำนวนมาก รวมถึงนักธุรกิจจากไทย ซึ่งบริษัทที่เรากำลังจะกล่าวถึงในที่นี้คือ “บริษัท มะหะทุน เช่าสินเชื่อ มหาชน” อีกหนึ่งธุรกิจของคนไทยที่ไปปักธงเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
“บริษัท มะหะทุน เช่า สินเชื่อ มหาชน” เจ้าของสโลแกน “All financial is possible here” หรือ “ทุกเรื่องสินเชื่อเป็นไปได้ที่มะหะทุน” ถือเป็นผู้นำธุรกิจสินเชื่อ มุ่งเน้นตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ (คนลาวเรียกว่า “ลดจัก”) มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งในนครเวียงจันทน์
แม้ประชากรทั้งประเทศจะอยู่ที่่ราว 6-7 ล้านคน แต่ทว่าความนิยมใช้รถจักรยานยนต์กลับแพร่หลาย เห็นได้จากยอดจำหน่ายรถใหม่มีตัวเลขแตะหลักแสนคันต่อปี ขณะที่พฤติกรรมลูกค้าชาวลาว มักใช้เงินดาวน์จักรยานยนต์สูงถึง 15-30% แทบไม่มีหนี้เสีย เนื่องจากนิสัยคนลาวไม่อยากเป็นหนี้ เมื่อมีหนี้ต้องรีบหามาใช้ ทำให้ตัวเลขหนี้เสียต่ำมาก ทำให้กลุ่มนักลงทุนชาวไทยนำโดย “ชาคริต นักสอน” สนใจจัดตั้ง บริษัท มะหะทุน เช่าสินเชื่อ จำกัด เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2554 เพื่อประกอบการธุรกิจเช่าสินเชื่อรถจักรยานยนต์ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยมีนักลงทุนชาวลาวถือหุ้นส่วนด้วย
“มานพ ตรีฤทธิวิไล”ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ “มะหะทุน” เล่าให้ฟังว่า เมื่อ 10 กว่าปีก่อน คุณชาคริต เห็นโอกาสเติบโตในธุรกิจสินเชื่อ ที่ประเทศลาว จึงชักชวนตนที่มีประสบการณ์ธุรกิจสินเชื่อที่เมืองไทยอยู่ แต่เดิมร่วมกันจัดตั้งบริษัทขึ้นมา โดยได้รับใบอนุญาตดำเนินธุรกิจเช่าสินเชื่อ จากธนาคารแห่ง สปป.ลาว เท่ากับว่า มีสิทธิบริการสินเชื่อสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท
จากทุนจดทะเบียนตั้งต้น 10 ล้านบาท หรือ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ ได้มีการทยอยเพิ่มทุนต่อเนื่องทุกปี จนกลายเป็น 40,000 ล้านกีบ หรือประมาณ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในระยะเวลา 10 ปี ก้าวสู่ฐานะบริษัทมหาชน จำหน่ายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรกในตลาดหลักทรัพย์ลาวตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2561
ปัจจุบันพื้นที่ให้บริการหลัก “บริษัท มะหะทุน เช่าสินเชื่อ มหาชน” มีนครหลวงเวียงจันทน์ เป็นสถานที่ตั้งสำนักงานใหญ่ มีสำนักงานสาขาที่แขวงสะหวันนะเขต มีฐานลูกค้าเท่ากับ 6-8 หมื่นรายชื่อ เน้นทำตลาดรถจักรยานยนต์ญี่ปุ่นมือหนึ่งเกือบทั้งหมด รวมมูลค่าพอร์ตสินเชื่อประมาณ 350 ล้านบาท
ธุรกิจของมะหะทุน เช่าสินเชื่อฯ ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ สินเชื่อรถใหม่ สบายใจทุกเงื่อนไข สโลแกน สินเชื่อรถใหม่ ยิ้ม ยิ้ม ทุกเงื่อนไข สินเชื่อรถมือสอง คุ้ม คุ้มทุกการออกรถ และสินเชื่อรถเปลี่ยนเงิน ง่าย ไว ใส่ใจทุกบริการ
สำหรับตลาดเช่าสินเชื่อรถจักรยานยนต์ใน สปป.ลาว ย้อนหลังไปปี 2014 มีมูลค่า 148,943 คัน ปี 2015 ลดเหลือ 136,189 คัน ปี 2016 ขยับเป็น 147,730 คัน ปี 2017 ลดเหลือ 110,458 คัน ปี 2018 ขยับเป็น 109,075 คัน ปี 2019 ลดเหลือ 99,510 คัน และ 85,209 คัน ในปี 2020 ซึ่งดูเหมือนตลาดจะหดตัวลง แต่แท้ที่จริง เป็นการปรับส่วนแบ่งตลาดระหว่างรถจากญี่ปุ่น กับรถจากจีน โดยรถจากญี่ปุ่นมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจาก 40% ในปี 2014 เป็นกว่า 90% ในปี 2020 โดยมีแบรนด์ฮอนด้าครองแชมป์ด้วยส่วนแบ่ง 85% จากตลาดรวม ทั้งนี้ มะหะทุน เช่าสินเชื่อฯ จะให้สินเชื่อเฉพาะรถจากญี่ปุ่น จึงถือว่าตลาดรถจักรนี้ ยังเติบโตต่อเนื่อง
ขณะที่สัดส่วนธุรกิจเช่าซื้อมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ปัจจุบันแชร์ลิสซิ่งอยู่ที่ 50% กล่าวคือ ในการจำหน่ายรถจักรยานยนต์จำนวน 100 คัน แบ่งเป็นจ่ายเงินสด 50 คัน อีก 50 คันเป็นไฟแนนซ์ ยอดที่มะหะทุนจัดได้เฉลี่ยราว 25% รถที่จัดไฟแนนซ์ทุก 4 คันของมะหะทุน 1 คัน
หากเปรียบเทียบธุรกิจสินเชื่อลาวกับไทย มานพ ฉายภาพให้เห็นว่า ในไทยมากกว่า 85% สินเชื่อ ขณะที่ ลาว 45-50% เช่าซื้อ นอกจากนี้ สปป.ลาว ยังกำหนดดาวน์ขั้นต่ำ 10% และต้องมีคนค้ำประกัน ทำให้ตลาดเติบโต มีการปิดบัญชีก่อนกำหนดค่อนข้างมาก
จากจำนวนประชากรทั้งหมด นครหลวงเวียงจันทน์ มีประชากรอย่างเป็นทางการไม่ถึง 8 แสนคน หากรวมประชากรแฝงด้วยก็อาจจะมีถึง 1 ล้านคน ซึ่งถือว่ามีขนาดตลาดที่ใหญ่พอ และยังมีอีก 7-8 แขวงใหญ่ๆ ที่เหมาะต่อการไปเปิดสาขาเพิ่ม พื้นที่บริการที่ตั้งเป้าหมายจะเปิดในอนาคต ได้แก่ แขวงคำม่วน, แขวงบลิคำไช, แขวงจำปาสัก และแขวงหลวงพระบาง
นอกจากการเดินหน้าขยายสำนักงานสาขาให้ครอบคลุมความต้องการของประชากร สปป.ลาว แล้ว
มะหะทุนยังมีแผนขยายพอร์ตสินเชื่อไปยังสินค้าประเภทอื่นๆ เครื่องมือเกษตร รถไถเดินตาม เครื่องใช้ไฟฟ้า รีไฟแนนซ์รถยนต์มือสองเป็นการทดลองตลาดรถยนต์ และธุรกิจถัดไป คือ นาโนไฟแนนซ์
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า จากการสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อธุรกิจไม่แพ้ที่อื่น แต่โชคดีที่มีแผนเปิดสาขาอยู่แล้วแต่ยังไม่ทันได้ลงทุน จึงโยกเงินไปปล่อยสินเชื่อพื้นที่เดิม ทำให้ไม่บาดเจ็บมากนัก รอเวลาที่สถานการณ์เหมาะสม ก็จะเดินหน้าแผนต่อทันที
นอกจากนี้ สปป.ลาว มีการล็อกดาวน์ประเทศหลายรอบ ซึ่งห้ามประชาชนออกนอกบ้าน ยกเว้นกรณีที่จำเป็นเท่านั้น ส่งผลการปล่อยสินเชื่อ จากที่เคยทำได้ 500 คันต่อเดือน เหลือเพียง 50 คันเท่านั้น ทำให้ได้เรียนรู้ประสบการณ์และประยุกต์ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์ ในสื่อออนไลน์ ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง ด้วยการเปิดแอฟพลิเคชั่นในชื่อ เอ็มฮัก โดยให้ร้านค้าพันธมิตรนำเสนอรายการโปรโมชั่นต่างๆ ให้ลูกค้าเลือกซื้อ โดยบริษัทพร้อมให้บริการสินเชื่อ
ส่วนแผนในการขยายงานไปยังประเทศอื่นๆ นั้น มานพ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีแผน เพราะตลาดลาวยังมีโอกาสอีกเยอะมากในการขยายสาขา และเมื่อสถานการณ์พร้อมมากว่านี้มีความเป็นไปได้ที่จะขยายไปยังประเทศอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน
มานพ มองว่า สปป.ลาว เป็นประเทศที่มีโอกาสเติบโตสูง ก่อนโควิดจีดีพีประเทศโตถึง 6% ขณะที่ปริมาณลูกค้าของบริษัทที่มีราว 40,000 บัญชี หนี้เสียมีไม่ถึง 300 บัญชี ซึ่งถือว่าต่ำมาก ดังนั้น ตลาดยังมีโอกาสในการขยายตัวได้อีกมาก โดยเฉพาะตลาดรวมสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ซึ่งมะหะทุนครองส่วนแบ่งการตลาดราว 25% ถือเป็น 1 ใน 4 และเป็นเบอร์ 1 ในเมืองสะหวันนะเขต และ นครเวียงจันทน์
สำหรับผลประกอบการในปี 2020 บริษัทมีรายได้ 7,744 ล้านกีบ หรือราว 22 ล้านบาท กำไรสุทธิ 23% ส่วนครึ่งปีแรก 2021 กำไรเติบโต 10% คาดว่าปีนี้ทั้งปีจะเติบโตที่ 8- 9% และเพิ่มเป็น 10-15% ในปี 2565
บริษัท มะหะทุน เช่าสินเชื่อ มหาชน (บริษัทฯ) เดิมชื่อ บริษัท มะหะทุน เช่าสินเชื่อ จำกัด ก่อตั้งโดยนักลงทุนจากประเทศไทย มีนายชาคริต นักสอน ประธานบริษัทฯ เป็นผู้ริเริ่ม โดยร่วมทุนกับนักธุรกิจชาวไทยและลาว เพื่อดำเนินธุรกิจเช่าสินเชื่อรถจักรยานยนต์ บริษัทฯ ได้จดทะเบียนที่ สปป.ลาว เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2554 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้นที่ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 10 ล้านบาท และได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจเช่าสินเชื่อจากธนาคารแห่งสปป.ลาว เมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2555 ช่วงเวลาที่ผ่านมาบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและมีการเพิ่มทุนเป็นระยะๆ จนเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2559 บริษัทฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 27,760 ล้านกีบ หรือประมาณ 3,470,000 ดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2560 บริษัทฯ ได้เปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทมหาชน และยื่นขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว (Lao Securities Exchange) โดยได้รับอนุมัติให้จำหน่ายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (Initial Public Offering) เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2561 โดยเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 40,000 ล้านกีบ หรือประมาณ 5,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ