xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อ “บ้านต้องสวมหน้ากาก” เปิดใจเจ้าของบ้านต้นซอยทองหล่อ ต้องขึงผ้าใบทั้งบ้าน กันแสงจากป้ายโฆษณา LED ยักษ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มีเหตุผลอะไร ที่เราจะต้องไปหาผ้าใบมาขึงที่หน้าบ้านเรา บนระเบียงทุกชั้น บังวิว บังแสง บังลม ยอมให้บ้านมืด ร้อน


ถ้าบ้านหลังนั้น ไม่ถูกคุกคาม ไม่ถูกรุกล้ำด้วยสิ่งแปลกปลอมใด ๆ ก็คงไม่มีเหตุผลที่ต้อง “บัง” หน้าบ้านตัวเอง


บ้านหลังนี้ต้อง “สวมหน้ากาก”

บ้านที่ต้องสวมหน้ากาก คือ อาคารพาณิชย์ต้นซอยทองหล่อ ที่อาศัยอยู่มาประมาณ 30 ปี แต่เมื่อประมาณเดือนกรกรฏาคมที่ผ่านมา กลายเป็นผู้ได้รับผลกระทบจาก “แสง” เมื่อมีป้ายโฆษณา LED ยักษ์ ขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 32 เมตร ถูกติดตั้งอยู่ที่อาคารฝั่งตรงข้าม จนต้องไปร้องเรียนต่อสำนักงานเขตวัฒนา และอยู่ระหว่างการบังคับใช้กฎหมายให้รื้อถอน หลังสำนักงานเขตสรุปผลการร้องเรียนว่า ป้ายโฆษณา ถูกติดตั้งด้วยการดัดแปลงโครงอาคารเหล็กโดยไม่ได้รับอนุญาต และสร่างความเดือดร้อนรำคาญให้กับผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง
อ่านเพิ่มเติม >>

https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000120284
จากเอกสารของฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล สำนักงานเขตวัฒนา ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 ระบุผลการตรวจสอบข้อร้องเรียนว่า “พิจารณาแล้วเห็นว่า แสงดีงกล่าวอาจมีผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น ประสาทตา หรือมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง” ทีมข่าว MGR Online จึงได้เข้าไปสำรวจการดำรงชีวิตประจำวันในที่อยู่อาศัยของผู้ร้องเรียน และพบว่า เป็นอาคารที่ต้องถูกปกคลุมด้วยผ้าใบกันแสง

“เดิมทีเราอยู่ในบ้าน ลมก็ผ่านเข้ามาในบ้านได้ ไม่ต้องเปิดแอร์ทั้งวัน แต่ตอนนี้เราต้องใช้ผ้าใบขึงปิดที่ระเบียงทุกชั้นที่แสงจากป้ายโฆษณา LED วิบวับเข้ามาตลอดทั้งวัน ในบ้านเราก็ต้องเปิดแอร์ เพราะลมผ่านเข้ามาไม่ได้เลย ที่เคยไปนั่งเล่นกันที่ระเบียงที่เลิกไปเลย”


“เจี๊ยบ” ผู้ที่อาศัยอยู่ในอาคารตรงข้ามกับป้าย LED ยักษ์ เล่าให้ฟังระหว่างพาทีมข่าวเดินเข้าไปสำรวจในบ้าน ซึ่งพบว่าระเบียงบ้านทุกชั้นถูกขึงไว้ด้วยผ้าใบกันฝุ่นคล้ายกับอาคารที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยเฉพาะในชั้นที่ 3 ซึ่งเป็นห้องนอนของสมาชิกคนหนึ่งในบ้าน ต้องนำผ้าใบหนาๆเสริมเข้ามาอีกหนึ่งชั้น เพราะหากวันใดที่ป้าย LED เปิดเร่งแสงให้แรง ก็จะมีแสงไฟวิบวับส่องเข้ามาตลอดทั้งวัน

อาคารหลังนี้ จึงคล้ายกับอาคารที่ต้อง “สวมหน้ากากอนามัย” อยู่ตลอดเวลา ราวกับคนที่ต้องใส่หน้ากากป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 เพียงแต่สิ่งที่อาคารหลังนี้ต้องป้องกันไม่ใช่ภัยจากไวรัส แต่เป็นภัยจาก “แสงวิบวับ” ชัดเจนว่า นี่เป็นผลกระทบต่อการดำรงชีวิตตามปกติของคนกว่า 10 ชีวิตที่อาศัยอยู่


“ชั้น 2 ที่เห็นเป็นโต๊ะใหญ่ๆ ปกติเราจะใช้เป็นโต๊ะทำงานของหลานซึ่งเป็นหมอ ตอนนี้หลาน ต้องอพยพจากการทำงานบนโต๊ะ มานั่งลงบนพื้นบ้านแทน หนีไปมุมห้องด้านในที่แสงจากป้ายส่องมาไม่ถึง เอาเบาะมาทำเป็นพนักพิง หันหลังให้ระเบียงบ้านของตัวเอง ไม่งั้นเขาก็ทำงานไม่ได้”เจี๊ยบเล่าถึงชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไปของสมาชิกในบ้านของเธอ หลังจากที่ป้ายโฆษณา LED ถูกเปิดใช้มาตลอด 4 เดือน


ผ้าใบที่ถูกติดตั้งอยู่ที่ระเบียงบ้านทุกชั้น เป็นผ้าใบแบบเดียวกับที่ใช้ป้องกันฝุ่นจากการก่อสร้าง มองจากด้านในบ้านออกใบคล้ายเป็นตาข่ายถี่ ๆ บดบังทัศนียภาพ บังลม บังแสงธรรมชาติไปจนหมด เจี๊ยบ บอกว่า นี่เป็นผ้าใบที่บริษัท อควา แอด จำกัด(มหาชน) เจ้าของป้ายโฆษณา LED นพมาติดตั้งให้ โดยบอกว่าเป็นการบรรเทาผลกระทบชั่วคราวไปก่อน ส่วนบางชั้นที่มีผ้าใบกั้นทึบกั้นเป็นชั้นที่ 2 ทางเจ้าของบ้านเป็นผู้จัดหามาเองเพราะการกั้นเพียงชั้นเดียวยังไม่เพียงพอ


จุดที่ชัดเจนจะเห็นได้ที่ชั้นดาดฟ้า ซึ่งเจี๊ยบใช้เป็นสถานที่ปลูกต้นไม้คล้ายสวนหย่อมเล็กๆ จะเป็นอีกจุดที่เห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อมีโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่ใช้พื้นเป็นแสงสีแดง แม้แต่ในเวลาที่ป้ายหรี่แสงให้เบาลง ก็ยังส่งแสงไฟสีแดงวิบวับมาที่อาคารหลังนี้








“แล้วทำไมเราจะต้องมาใช้ชีวิตอยู่ใต้หน้ากากผ้าใบพวกนี้ด้วย ทำไมเราถึงต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา ทั้งที่เราเป็นผู้เสียหาย ถ้าแผงป้ายไฟโฆษณา LED เป็นต้นเหตุที่สร้างความเดือดร้อนให้เรา เจ้าหน้าที่รัฐก็ควรไปจัดการที่ป้าย ถ้าจัดการไม่ให้เกิดผลกระทบกับเราไม่ได้ก็ต้องรื้อถอนออกไป ไม่ใช่เราที่ต้องมาเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของเราเอง” เจี๊ยบกล่าวทิ้งท้าย
เมื่อพิจารณาเอกสารจากสำนักงานเขตวัฒนา วันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 ที่ส่งถึงกรรมการผู้จัดการบริษัท อควา แอด จำกัด(มหาชน) ได้แจ้งอย่างชัดเจนให้บริษัทหามาตรการที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้แสงจากป้ายโฆษณาไปกระทบต่อสุขภาพละชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง โดยให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 7 วัน หากฝ่าฝืนหรือไม่ดำเนินการตามคำสั่งจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข ดังนั้นทางเจ้าของอาคาร จึงรอดูการดำเนินการของสำนักงานเขตวัฒนา เพราะพ้นกำหนดเส้นตายมามากกว่า 1 สัปดาห์แล้ว

ในระหว่างนั้น ป้ายโฆษณา LED ขนาดยักษ์ ยังคงเปิดส่องแสงเป็นปกติทุกวัน ส่วนอาคารที่อยู่อาศัยของเจี๊ยบ ก็ยังงต้องเป็นเป็นอาคารที่ “สวมหน้ากาก” ป้องกันตัวเองต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น