“หมอแล็บแพนด้า” เตือนถึงอันตรายของ “ก๊าซไนตรัสออกไซด์” หลังปรากฏกลุ่มวัยรุ่นนำมาสูดดมผ่านลูกโป่ง พบมีอันตราย ส่งผลต่อหัวใจอาจทำให้เป็นโรคหัวใจเฉียบพลันได้ อีกทั้งหวั่นเกิดภาพหลอน เสี่ยงทำเสียชีวิต
วันนี้ (15 พ.ย.) เพจ “หมอแล็บแพนด้า” ออกมาโพสต์ข้อความเตือนภัยเกี่ยวกับความอันตรายของ “ก๊าซไนตรัสออกไซด์” อาจส่งผลต่อกล้ามเนื้อหัวใจทำให้ขาดออกซิเจนได้ โดยหมอแล็บฯ ได้ระบุข้อความว่า
“เคยเห็นกระป๋องก๊าซที่เขาใช้กับวิปปิ้งครีมมั้ยครับ! นั่นแหละ ข้างในหลอดมันจะมี “ก๊าซไนตรัสออกไซด์” อยู่ในนั้น
ทีนี้ร้านค้าเขาจะเอาก๊าซตัวนี้ใส่เข้าไปในลูกโป่งแล้วขายลูกค้า พอลูกค้าสูดดมเข้าไปจะมีอาการเคลิบเคลิ้ม สงบ เริ่มคิดอะไรไม่ออกแล้วหัวเราะกับสิ่งที่เกิดขึ้น เกิดภาพหลอนได้ ถ้าสูดดมในพื้นที่ปิดจะทำให้เสี่ยงต่อการสลบ หรือขาดออกซิเจนได้
ปกติไนตรัสออกไซด์จะออกฤทธิ์ไม่เกิน 5 นาทีครับ แล้วมันจะค่อยๆ คลายตัว แต่ปัญหาคือถ้าบางคนใช้ต่อเนื่อง ใช้เป็นประจำ กล้ามเนื้อหัวใจอาจจะขาดออกซิเจน กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เป็นโรคหัวใจเฉียบพลันทันทีก็ได้
หรือถ้าประสาทหลอนหูแว่ว อาจเดินออกไปกลางถนนโดนรถชนหรือเฉี่ยว บางคนเป็นโรคหลอดเลือดสมองที่มีการใช้ไนตรัสออกไซด์แล้วเกิดอาการทางจิตเวชขึ้นอย่างเฉียบพลันก็มีครับ อย่าหาลอง มันกลับมาระบาดอีกแล้วคร้าบ”
สำหรับ ไนตรัสออกไซด์ (Nitrous Oxide , N2O) หรือก๊าซหัวเราะ มีกลิ่นหอมหวานอ่อนๆ ส่วนมากรับสัมผัสทางการหายใจ มีผลต่อระบบประสาท โดยในระดับความเข้มข้นต่ำๆ จะทำให้เคลิบเคลิ้ม ในระดับความเข้มข้นสูงจะทำให้มีอาการชาและหมดสติได้ ก๊าซชนิดนี้ใช้เป็นยาสลบและระงับปวดทางการแพทย์ ใช้ในกิจกรรมสันทนาการ แม้ว่าจะไม่ติดไฟ แต่เป็นสารออกซิไดซ์ (Oxidizer) ที่ดี จึงใช้ในการสันดาปภายในเครื่องยนต์ที่ต้องการกำลังสูง เช่น จรวด รถแข่ง ไนตรัสออกไซด์จัดเป็นก๊าซมลพิษที่สำคัญตัวหนึ่ง เนื่องจากเป็นก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse gas) ที่มีส่วนทำให้เกิดภาวะโลกร้อน
นอกจากนี้ ไนตรัสออกไซด์ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง ออกฤทธิ์เป็นยาสลบ โดยจะไปกดการทํางานของระบบประสาทส่วนกลางทําให้ไม่เกิดความเจ็บปวด หมดความรู้สึก ทําให้กล้ามเนื้อคลายตัว
รายงานทางการแพทย์พบว่าการใช้ก๊าซชนิดนี้เป็นเวลานานทําให้เม็ดเลือดทุกชนิดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัดและหากมีการสูดดมปริมาณมากก๊าซเหล่านี้จะเข้าไปแทนที่ออกซิเจน ทําให้ร่างกายขาดออกซิเจนไปเลี้ยงสมองทําให้เกิดอาการปัญญาอ่อนหรือโรคเอ๋อได้
อ่านโพสต์ต้นฉบับ