ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ออกมาระบุชัด ยาโมลนูพิราเวียร์นี้ก็ยังไม่สามารถทดแทนการฉีดวัคซีนโรคโควิด-19 ได้ เนื่องจากยาใช้ได้ผลดีในกลุ่มติดเชื้อที่มีอาการไม่มากเท่านั้น
วันนี้ (11 พ.ย.) เพจ "ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ Chulabhorn Royal Academy" ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "โมลนูพิราเวียร์หรือจะสู้วัคซีน กลายเป็นความหวังใหม่ในวิกฤตการระบาดโรคโควิด-19 เมื่อบริษัทเมอร์ค (Merck) ผู้ผลิตยาของสหรัฐอเมริกา แสดงผลการวิจัยทางห้องปฏิบัติการว่า ยาต้านไวรัสโรคโควิด-19 ชนิดรับประทานที่ชื่อว่า โมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) สามารถลดปริมาณไวรัสในร่างกายลงได้ภายใน 4 วัน และช่วยลดความเสี่ยงต่อการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตลงได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง แต่ถึงกระนั้น ยาโมลนูพิราเวียร์นี้ก็ยังไม่สามารถทดแทนการฉีดวัคซีนโรคโควิด-19 ได้ เนื่องจากยาใช้ได้ผลดีในกลุ่มติดเชื้อที่มีอาการไม่มากเท่านั้น
ยาโมลนูพิราเวียร์มีฤทธิ์ทำให้สารพันธุกรรม RNA ของไวรัสเกิดความผิดปกติจนเชื้อไม่สามารถดำรงชีพอยู่ได้ จึงสามารถช่วยป้องกันไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายในร่างกาย ยับยั้งอาการรุนแรงและลดความเสี่ยงในการเข้าโรงพยาบาลได้ ศ.นพ. ปีเตอร์ ฮอร์บี (Peter Horby) นักระบาดวิทยาโรคติดเชื้ออุบัติใหม่แห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดย้ำว่า ยาโมลนูพิราเวียร์อาจได้ผลดีในห้องปฏิบัติการก็จริง แต่จะได้ผลดีเมื่อใช้จริงกับคนไข้หรือไม่ต้องติดตามผลการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมียาหลายชนิดล้มเหลวในขั้นตอนต่อไป
งานวิจัยดังกล่าวทำการทดสอบกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไปที่ตรวจพบเชื้อภายใน 4 วัน แสดงอาการไม่เกิน 7 วัน ผลการทดลองพบว่าภายใน 4 วันหลังรับยา กลุ่มที่ได้รับยาขนาด 800 มก. ตรวจไม่พบเชื้อไวรัสที่สามารถแพร่เชื้อได้ในร่างกาย หลังจากนั้นยังมีการตรวจติดตามระดับแอนติบอดีในทุกกลุ่มที่ได้รับยาโมลนูพิราเวียร์ขนาดต่างๆ กันต่อไปอีก 28 วัน และพบว่ามีระดับการสร้างแอนติบอดีเท่าๆ กันที่ร้อยละ 98 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ลดปริมาณไวรัสในช่วงต้นของการติดเชื้อไม่ได้ขัดขวางการสร้างแอนติบอดีที่จำเป็นของร่างกาย
ประโยชน์สูงสุดของการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์มุ่งเน้นที่กลุ่มผู้ติดเชื้อระยะแรกที่ต้องลดปริมาณไวรัสให้ได้มากที่สุด เงื่อนไขสำคัญในการใช้ยานี้คือระดับความรุนแรงของอาการและระยะเวลาหลังจากเริ่มติดเชื้อ หากนำยาโมลนูพิราเวียร์ไปใช้ในกรณีที่แตกต่างจากเกณฑ์การทดลองก็จะไม่มีประโยชน์ การฉีดวัคซีนและการรักษามาตรการความปลอดภัยก็ยังคงเป็นการป้องกันความเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ได้ดีที่สุด