ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ โพสต์ข้อควรรู้เกี่ยวกับวัคซีนโควิด เผยว่า วัคซีนทุกชนิดที่องค์การอนามัยโลกรับรองกระตุ้นภูมิต้านทานได้ดีและไม่มีวัคซีนตัวไหนที่ป้องกันการติดเชื้อได้แน่นอน
เมื่อวันที่ 5 พ.ย. เฟซบุ๊ก "Yong Poovorawan" หรือ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความควรรู้เกี่ยวกับวัคซีนโควิด ระบุว่า
1. วัคซีนทุกชนิดที่องค์การอนามัยโลกรับรอง กระตุ้นภูมิต้านทานได้ดี
2. ไม่มีวัคซีนตัวไหนที่ป้องกันการติดเชื้อได้แน่นอน ถ้าติดเชื้อ จำนวนเชื้อจะน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ฉีดและสามารถลดความรุนแรงของโรค อาการลดลง ลดการป่วยตายได้
3. ภูมิต้านทาน และประสิทธิภาพจะลดลงตามระยะเวลา โดยทั่วไปภูมิต้านทานที่สูงจะอยู่นานกว่าภูมิต้านทานที่ต่ำ ถึงแม้วัคซีนที่กระตุ้นภูมิต้านทานได้สูง เช่น mRNA ก็มีการแนะนำให้กระตุ้นหลังฉีดครบ 6 เดือน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
4. ประสิทธิภาพของวัคซีนขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบ การศึกษาในอังกฤษ ภูมิต้านทานที่สูงสัมพันธ์กับประสิทธิภาพการป้องกันโรค
5. การให้วัคซีนเบื้องต้น (primary immunization) จะใช้ 2 เข็ม ห่างกันตามกำหนดของแต่ละวัคซีน ส่วนมาก 3-4 สัปดาห์ Astra Zeneca ห่าง 4-12 สัปดาห์ ยกเว้นของ Johnson & Johnson ให้เข็มเดียว
6. ตามหลักการของวัคซีน การเว้นระยะห่าง ระหว่างเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 จะกระตุ้นภูมิต้านทานได้สูงกว่า (แต่ถ้าห่างกันเกินกลัวว่าจะเกิดการติดเชื้อเสียก่อน) ดังนั้นเข็ม 2 ถ้าไม่สามารถฉีดตามนัดให้เลื่อนเข็ม 2 ออก ไม่เลื่อนเข้า และช้าไป ถึงแม้จะนานเป็นเดือน ก็ไม่มีการเริ่มต้นให้วัคซีนใหม่
7. การให้ 2 เข็ม ที่อยู่ระยะใกล้กันอย่างที่ในปัจจุบัน ถือว่าเป็น primary จำเป็นที่จะต้องมีการกระตุ้น (booster) เช่น ไวรัสตับอักเสบ บี ฉีด 0 1 และ 6 เดือน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ถ้าต้องการให้ภูมิคงอยู่สูง และนาน ต้องมีการกระตุ้นเข็ม 3
8. ภูมิต้านทานที่เกิดจากการติดเชื้อ จะต่ำกว่าภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีน 2 เข็ม
9. ผู้ที่ติดเชื้อแล้ว การให้เพิ่มอีก 1 เข็มของวัคซีน จะเป็นการกระตุ้นให้ภูมิต้านทานสูงขึ้นมาก เหมือนการติดเชื้อเป็นวัคซีนเข็มที่ 1 และการฉีดวัคซีนเป็นการให้เข็มที่ 2
10. ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม แล้วติดเชื้อ การติดเชื้อจะเหมือนเป็นการให้วัคซีนเข็ม 3 หรือกระตุ้น ภูมิจะสูงขึ้นมาก เพียงพอให้อยู่นาน
11. ให้วัคซีนเชื้อตาย เป็นทั้งตัวไวรัส เป็นการเริ่มต้น (prime dose) ที่ดี จำลองร่างกายให้เหมือนการติดเชื้อแบบไม่มีอาการ และการให้วัคซีนครั้งที่ 2 ต่างชนิดกันจะมีการกระตุ้นให้ภูมิได้สูง
12. การสลับใช้เชื้อตาย และตามด้วยไวรัสเวกเตอร์ เช่น Sinovac เข็มแรก AstraZeneca เข็มที่ 2 ที่ประเทศไทยให้ในภาวะวัคซีนมีจำกัด กระตุ้นภูมิต้านทานได้ดี เท่าเทียมกับการให้ AstraZeneca 2 เข็มเช่นเดียวกัน การให้วัคซีนเชื้อตาย แล้วตามด้วยเข็ม 2 mRNA ก็กระตุ้นภูมิต้านทานได้ดีใกล้เคียงกับ mRNA 2 เข็ม
วัคซีนไวรัสเวกเตอร์หรือ mRNA จึงเป็นตัวกระตุ้น (Boost) ที่ดี เหมาะที่ใช้เป็นตัวกระตุ้นไม่ว่าจะหลังการติดเชื้อ หรือผู้ที่ได้รับวัคซีนเชื้อตาย