“หมอแล็บแพนด้า” แนะ 4 วิธีการคุมกำเนิดอย่างปลอดภัยและได้ผลสำหรับวัยรุ่นที่ไม่พร้อมจะมีบุตร อีกทั้งยังเป็นการลดการเกิดปัญหาสังคมที่จะตามมาเมื่อเด็กไม่มีคุณภาพเกิดจากครอบครัวที่ไม่พร้อม ต้อนรับวันคุมกำเนิดโลก 26 ก.ย.ของทุกปี
วันนี้ (26 ก.ย.) เป็นวันคุมกำเนิดโลก World Contraception Day (WCD) เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2550 เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันอย่างถูกวิธี ภารกิจหลักของ World Contraception Day (WCD) คือการปรับปรุงการรับรู้เรื่องการคุมกำเนิด และช่วยให้เยาวชนสามารถตัดสินใจเลือกทางเลือกในเรื่องของสุขภาพทางเพศ และอนามัยการเจริญพันธุ์
อย่างไรก็ตาม ทางเพจ “หมอแล็บแพนด้า” ได้ออกมาโพสต์ข้อความให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการคุมกำเนิดทั้งหมด 4 วิธีด้วยกัน โดยได้ระบุข้อความดังนี้
“เนื่องในวันคุมกำเนิดโลก ผมจะขอเล่าวิธีคุมกำเนิดยาวสักหน่อยแต่มีประโยชน์แน่ เพราะมันเป็นปัญหาของโลกจริงๆ!! วิธีแรกคือวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ อย่ามีเพศสัมพันธ์กัน หยอกๆ อดได้เหรอเราอะ เรามาเริ่มจากถุงยางอนามัยกันดีกว่าครับ
สวมถุงยางอนามัย
วิธีนี้ดีนะ ป้องกันโรคได้ด้วย วิธีใส่ก็ไม่ยาก ให้บีบปลายกระเปาะไล่ลมแล้วสวมรูดลงมาจนสุด ไม่ใช่ใส่ทั้งๆ ที่มันป่องอยู่ กระแทกทีถุงแตกกันพอดี ระวังแตก ปั้ง!! แล้วคู่ขาตกใจนะ นึกว่ามีคนวางระเบิดก่อการร้ายในจิ๋มนะครับ 555555
บางคนพิสดารกว่านั้น เอาน้ำมันอะไรไม่รู้มาทาเคลือบถุงยางอีกที จะเอาลื่นไปไหนว้า บางทีไอ้น้ำมันหรือโลชั่นที่เราเอามาทามันไปทำปฏิกิริยาให้ถุงยางขาดหรือเปื่อยได้ด้วยนะครับ ใส่สองชั้นยิ่งห้ามเลย อย่าทำๆ ผมลองแล้ว มันเสียดสีกันขาดได้เลยคุณ 5555555 ใส่ชั้นเดียวพอ “จะเรียบหรือขรุขระไม่สำคัญ แค่ใส่ก่อนดันก็พอแล้ว”
กินยาคุมกำเนิด
เอาล่ะ! เราเปลี่ยนมาพูดเรื่องการกินยาคุมกำเนิดกันบ้าง กินเป็นกันมั้ยเนี่ย ถ้ากินเป็นทำไมท้องเอ๊าท้องเอา เห็นคุณแม่วัยใสเกิดขึ้นเพียบเลย
วิธีกินก็คือ ให้กินยาเม็ดแรก ในวันแรกของการมีประจำเดือน กินวันที่เลือดออกจากจิ๋มนั่นแหละครับ หรือไม่เกิน 5 วัน ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่าเริ่มเป็นประจำเดือนวันจันทร์ ก็ให้เริ่มกินเม็ดแรกของช่องที่เขียนว่าวันจันทร์ หรือเริ่มกินเม็ดแรกตรงช่องที่เขียนว่า “จุดเริ่มต้น” หรือ “start” ก็ได้เหมือนกันนะครับ
หลังจากเม็ดแรกก็ให้เรากินอย่างต่อเนื่องทุกวัน วันละ 1 เม็ดเท่านั้น ตามลำดับของลูกศรที่จะชี้ไว้ ให้กินไปเรื่อยๆ จนกว่ายาหมดแผง ถ้าเป็นยาคุมกำเนิดแบบ 21 เม็ด พอกินยาหมดแผงแล้วให้นับเว้นเวลากินยาไปอีก 7 วัน แล้วก็ให้เริ่มกินยาแผงใหม่ในวันที่ 8 ซึ่งไม่ต้องสนใจว่าประจำเดือนจะหมดแล้วหรือยังไม่หมด แต่ถ้าเป็นยาคุมกำเนิดแบบที่มี 28 เม็ด ให้เรากินจนหมดทั้งแผง 28 เม็ดได้เลย ไม่ใช่ยกซดนะ 5555 ให้กินวันละ 1 เม็ด ถ้าหมดแผงแล้ว ก็ให้กินแผงใหม่ในวันต่อไปได้ทันทีโดยไม่ต้องหยุดรอ ใครที่รู้ตัวว่าขี้ลืม แนะนำให้ซื้อแบบ 28 เม็ดจะดีที่สุด เพราะจะได้ไม่สับสนเรื่องเวลาที่ต้องกินยากับเวลาที่ต้องหยุดกินยานั่นเองครับ แต่ถ้าใครลืมกินจริงๆ ให้ทำดังนี้
ถ้าลืมกินยา 1 เม็ด ให้รีบกินยาทันทีที่นึกได้ แล้วก็กินต่อไปตามเวลาเดิม
ถ้าลืมกินยา 2 เม็ด นั่นหมายถึงว่าลืมกินยาคุมกำเนิด 2 วัน ก็ให้กินยาคุม 2 เม็ดในวันที่เราจำได้ (เช้าและเย็น) และให้กินต่ออีก 2 เม็ด (เช้าและเย็น) ในวันต่อไปเช่นเดียวกัน จากนั้นก็ให้กินตามปกติจนกว่าจะหมดแผง แต่เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจ เดือนนั้นควรใช้ถุงยางอนามัยควบไปด้วยจะดีที่สุดเด้อ ถ้าลืมกินยา 3 เม็ด อันนี้ลืมหนักเลย ให้หยุดกินยาแผงนั้นทันที เลิกๆ แล้วรอเริ่มแผงใหม่ในวันแรกที่มีประจำเดือนในครั้งต่อไป ซึ่งเวลาที่เหลืออย่าร่วมเพศกันล่ะ ถ้าอดไม่ไหวก็จะต้องใช้วิธีคุมกำเนิดโดยวิธีอื่นแทนไปก่อน
ยาคุมฉุกเฉิน
สำหรับยาคุมฉุกเฉินให้กินในกรณีที่ฉุกเฉินจริงๆ เช่น มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ไม่ได้ใส่ถุงยาง และไม่เคยกินหรือฉีดยาคุมมาก่อน โดนข่มขืน บางคนนี่ฉุกเฉินมันทั้งเดือน 55555 อย่าไปทำอีกนะ อันตรายมากๆ อีกอย่างประสิทธิภาพในการป้องกันจะอยู่แค่ประมาณ 85% ซึ่งนั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสท้องเลย ท้องกันมาหลายรายแล้วครับ และมีผลข้างเคียงตามมาเพียบ
ยาคุมกำเนิดแบบนี้มีฤทธิ์รุนแรงกว่ายาคุมทั่วไปถึง 2 เท่า ยาคุมฉุกเฉิน 1 แผง มี 2 เม็ด ต้องกินหลังร่วมเพศไม่เกิน 72 ชั่วโมง หากเกินจากนี้ไปแล้ว ยาคุมฉุกเฉินอาจไม่มีผลอะไรเลย เราสามารถกินยาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ดพร้อมกันไปเลยทีเดียวได้กันลืม ประสิทธิภาพพอๆ กันครับ แต่กับบางคนถ้ากิน 2 เม็ดควบ อาจจะคลื่นไส้อาเจียนได้ เพราะยามีความแรงมาก
ยาฝังคุมกำเนิด
ในบรรดายาคุมกำเนิด หมอแล็บฯ อยากแนะนำให้สาวๆ รู้จักยาฝังคุมกำเนิดที่สุด เพราะทำได้ง่ายๆ ใช้เวลาแป๊บเดียว ไม่เกิน 10-20 นาที สามารถคุมกำเนิดได้ยาวนาน 3-5 ปี ไม่ต้องมาคอยกินยาทุกวัน ลืมกินบ้างอะไรบ้าง ซึ่งยาคุมกำเนิดแบบฝังจะมีการฝังฮอร์โมนโปรเจสติน (Progestin) ที่ใต้ผิวหนังบริเวณใต้ท้องแขนข้างใดข้างหนึ่ง
ฮอร์โมนตัวนี้จะถูกเก็บอยู่ภายในหลอดหรือแท่งพลาสติกขนาดเล็กๆ ประมาณไม้จิ้มฟันชนิดกลม เมื่อฮอร์โมนได้เริ่มซึมซาบเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะทำให้การเจริญเติบโตของฟองไข่ถูกยับยั้ง จึงไม่เกิดการตกไข่ เมื่อไม่มีการตกไข่ก็เลยไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นนั่นเอง
นอกจากนี้ ฮอร์โมนโปรเจสตินยังส่งผลให้มูกที่ปากมดลูกเหนียวข้นขึ้น จึงสร้างความยากลำบากทุลักทุเลให้แก่อสุจิที่จะว่ายผ่านเข้าไป ก็เลยช่วยลดโอกาสในการผสมกันระหว่างไข่กับอสุจิได้อีกทางหนึ่งด้วยอย่างไรล่ะครับ
ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็แชร์ได้นะครับ ไม่หวงๆ หรือไม่ก็ไปหาซื้อหนังสือ “กระปี๋เกิร์ล” ที่ผมเขียนมาอ่านกันนะ”