กองอำนวยการน้ำแห่งชาติเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ทั่วประเทศ เตือนพื้นที่นอกคั้นกันน้ำหลังเขื่อนเจ้าพระยาปรับการระบายน้ำเพิ่มเป็น 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที คาดระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นถึง 1 เมตร ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาเผยพายุเตี้ยนหมู่อ่อนกำลังเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง แต่ยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่
วันนี้ (25 ก.ย.) กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวมของประเทศวันนี้ ว่า ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักบางแห่งแล้ว ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณจังหวัดพิษณุโลก 93 มิลลิเมตร อุบลราชธานี 154 มิลลิเมตร สระบุรี 86 มิลลิเมตร กาญจนบุรี 36 มิลลิเมตร ตราด 90 มิลลิเมตร และพังงา 25 มิลลิเมตร โดยแม่น้ำสายหลักทั่วประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ภาพรวมปริมาณน้ำทั้งประเทศ 49,573 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 60 และแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 43,578 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 61
ส่วนจุดเฝ้าระวังน้ำน้อยยังคงอยู่ในพื้นที่ 5 แห่ง เฝ้าระวังน้ำมาก 7 แห่ง บริเวณเขื่อนนฤบดินทรจินดา เขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนแม่มอก เขื่อนลำตะคอง อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล เขื่อนแก่งกระจาน และเขื่อนมูลบน พร้อมคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก-ดินถล่มช่วง 3-4 วันนี้ ต้องเฝ้าระวังบริเวณ จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี เลย นครราชสีมา ศรีสะเกษ ชัยภูมิ อุบลราชธานี กาญจนบุรี จันทบุรี และตราด สำหรับสถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำมีแนวโน้มสูงขึ้น และเสี่ยงน้ำล้นตลิ่งบริเวณแม่น้ำน่าน อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร, แม่น้ำยม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก จ.สุโขทัย, แม่น้ำเจ้าพระยา จ.สิงห์บุรี จ.ชัยนาท จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ปทุมธานี, ลำน้ำพอง อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น, แม่น้ำชี จ.ชัยภูมิ จ.ขอนแก่น, แม่น้ำป่าสัก จ.เพชรบูรณ์ และแม่น้ำพระปรง อ.เมือง จ.สระแก้ว
กอนช.ยังได้ติดตามสถานการณ์พายุดีเปรสชัน “เตี้ยนหมู่” ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณ จ.ขอนแก่น ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำท่าจากแม่น้ำวัง แม่น้ำปิง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น ขณะที่กรมชลประทานปรับการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจากอัตรา 1,951 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ลบ.ม./วินาที) เพิ่มเป็นอัตรา 2,000 ลบ.ม./วินาที จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่นอกคั้นกันน้ำ บริเวณคลองบางบาล, ชุมชนแม่น้ำน้อย ต.หัวเวียง อ.เสนา, ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา, คลองโผงเผง จ.อ่างทอง, วัดไชโย จ.อ่างทอง และ อ.พรหมบุรี อ.เมือง อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ระดับน้ำจะสูงขึ้นจากปัจจุบันช่วงเช้าวันที่ 26 ก.ย. จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมแจ้งเตือนประชาชนเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยารายงานพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า โดยพบว่าบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชัน “เตี้ยนหมู่” บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น และเคลื่อนตัวเข้าสู่แนวร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย
ก่อนหน้านี้ นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า เนื่องจากพายุโซนร้อน “เตี้ยนหมู่” จะอ่อนกำลังเป็นพายุดีเปรสชัน ทำให้ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ ส่งผลให้มีปริมาณน้ำท่าจากแม่น้ำวัง แม่น้ำปิง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันที่สถานีวัดน้ำจังหวัดนครสวรรค์มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,112 ลบ.ม./วินาที แนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านในวันที่ 27 ก.ย. ในอัตรา 2,441 ลบ.ม./วินาที เมื่อรวมกับน้ำท่าจากแม่น้ำสะแกกรังประมาณ 200 ลบ.ม./วินาที จะทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นตามไปด้วย กรมชลประทานจึงปรับการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จากอัตรา 1,951 ลบ.ม./วินาที เป็นอัตรา 2,000 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่นอกคั้นกันน้ำ ระดับน้ำจะสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 75 เซนติเมตร ในช่วงเช้าของวันที่ 26 ก.ย.
ทั้งนี้ กรมชลประทานได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการน้ำอย่างเต็มศักยภาพของพื้นที่ เตรียมพร้อมด้านเครื่องจักร เครื่องมือ และเจ้าหน้าที่ประจำจุดเสี่ยงสามารถปฏิบัติงานได้ทันที และได้ร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนให้รับทราบสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดแก่ประชาชนให้ได้มากที่สุด จึงขอให้ประชาชนติดตามสถานกาณ์น้ำในระยะนี้อย่างใกล้ชิด หากต้องการความช่วยเหลือติดต่อได้ที่โครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทร.สายด่วนกรมชลประทาน 1460 ได้ตลอดเวลา
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยาได้ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนพี่น้องประชาชนติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยคาดว่าที่บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำที่พระตำหนักสิริยาลัยและวัดไชยวัฒนาราม ระดับน้ำจะสูงเพิ่มขึ้น 1 เมตร ในช่วงวันที่ 25-26 ก.ย. โดยได้ประสานผู้ดูแลพระตำหนักสิริยาลัย และอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาทราบแล้ว และได้เตรียมการให้ความช่วยเหลือ พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำที่พระราชวังบางปะอินจำนวน 2 เครื่อง และที่นิคมอุตสาหกรรมนครหลวง สนับสนุนรถสูบน้ำเคลื่อนที่จำนวน 2 คัน พร้อมทั้งแจ้งเตือนข่าวสารสถานการณ์น้ำ การระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ระดับน้ำที่จะเพิ่มขึ้น เพื่อให้ประชาชนทราบและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด