1.สังคมสวดยับ “ผกก.โจ้” กับพวกใช้ถุงคลุมหัวทรมานผู้ต้องหาจนเสียชีวิต แถมบิดเบือนการตาย เจ้าตัวยังอ้าง ไม่เจตนาฆ่า!
สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดข่าวฉาวกับแวดวงตำรวจ ในแง่มุมความเหี้ยมโหดที่ไม่ต่างจากโจร สร้างความสะเทือนใจให้กับประชาชน และบั่นทอนภาพลักษณ์ขององค์กรตำรวจอย่างมาก โดยเมื่อวันที่ 24 ส.ค. ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ได้โพสต์คลิปจำนวน 2 คลิป ที่เกิดเหตุลักษณะคล้ายห้องทำงานของตำรวจ และมีกลุ่มคน 5-6 คน กำลังกระทำต่อชายคนหนึ่ง ด้วยการใช้ถุงพลาสติกคลุมศีรษะ ก่อนมัดปากถุง พยายามกดตัวให้นอนลงกับพื้น และมัดมือไพล่หลัง ชายดังกล่าวพยายามดิ้นและร้อง กลุ่มคนดังกล่าวได้ใช้ถุงพลาสติกครอบหัวซ้ำหลายชั้น กระทั่งในที่สุด ไม่มีเสียงร้องจากชายดังกล่าวอีก จากนั้นจึงมีนำถุงพลาสติกออก และเอาน้ำสาดหน้า แต่ชายดังกล่าวอยู่ในสภาพแน่นิ่ง
ทนายษิทรา เขียนข้อความในเฟซบุ๊กประกอบคลิปด้วยว่า "เปิดคลิปผู้กำกับโจ้ คลุมถุงรีดเงิน 2 ล้านฆ่าพ่อค้ายา ผมได้รับคลิปนี้มาจากตำรวจชั้นผู้น้อย ขอให้ผมช่วยนำคลิปนี้มอบให้แก่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝากบอกผมว่าให้ช่วยตามคดีนี้ก่อนที่พวกตนจะถูกฆ่า ผมได้เห็นคลิปนี้แล้วพูดไม่ออก นี่เป็นสิ่งที่ทำกับคนด้วยกันเหรอ ผู้ต้องหาก็ผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ตำรวจทำอย่างนี้ก็ไม่ต่างกับโจรในเครื่องแบบ ขอให้ทุกคนดูความโหดเหี้ยมด้วยสายตาตัวเองนะครับ"
หลังทนายษิทราเผยแพร่คลิปทั้ง 2 คลิปดังกล่าว ต่างมีคนเข้ามาแสดงความเห็นและแชร์คลิปดังกล่าวออกไปอย่างรวดเร็วและจำนวนมาก ซึ่งทุกคนที่ได้ดูคลิป ต่างรู้สึกสะเทือนใจ พร้อมประณามความเหี้ยมโหดของตำรวจ เพราะไม่คาดคิดว่าตำรวจจะกระทำการเยี่ยงโจรขนาดนี้ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า ตำรวจในคลิปมีการใช้ถุงคลุมหัวผู้ต้องหาถึง 6 ชั้น จนขาดอากาศหายใจเสียชีวิต
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังเห็นคลิปดังกล่าว ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบข้อเท็จจริงคลิปดังกล่าวซึ่งถูกระบุว่า เป็นตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ โดยต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียชีวิตจนถึงที่สุด
ขณะที่ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ตรวจสอบคลิป พร้อมมอบหมายให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.ลงไปควบคุมการทำงานในส่วนคดีอาญา
สำหรับ ผกก.โจ้ หรือ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ เป็นตำรวจหนุ่มไฮโซ ฉายา “โจ้ เฟอร์รารี่” เพราะชอบขับรถหรู ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวขอแต่งงานกับดาราสาวชื่อดัง แต่ไม่ทันได้แต่ง เพราะถูกจับได้ก่อนว่า มีภรรยาและลูกอยู่แล้ว ปัจจุบันคบหาอยู่กับลูกสาวของ พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ส่วนผู้ถูกคลุมหัวจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิตคือ นายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด อายุ 24 ปี โดยเสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา
ทนายษิทรา กล่าวว่า คดีนี้เป็นการเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะมีการเตรียมถุงดำไว้ โดยโทษถึงประหารชีวิต ส่วนตำรวจนายอื่นในคลิปจะให้การว่าถูก ผกก.สั่งให้ทำ ก็ไม่สามารถสู้คดีได้ เพราะการสั่งให้ทำผิดกฎหมาย เจ้าตัวต้องรู้อยู่แล้วว่ามันผิดหรือไม่ผิด
ทั้งนี้ ผบ.ตร. ได้ลงนามคำสั่งเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ให้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ ผกก.โจ้ ออกจากราชการไว้ก่อน หลังถูกร้องเรียนว่าทำร้ายร่างกายโดยการทรมานนายจิรพงศ์ จนเสียชีวิต เพื่อเรียกเงิน 2 ล้านบาท
วันต่อมา (25 ส.ค.) ศาลจังหวัดนครสวรรค์ได้อนุมัติออกหมายจับ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ ผกก.โจ้ พร้อมพวกรวม 7 นาย ประกอบด้วย พ.ต.ต.รวีโรจน์ ดิษทอง ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว ด.ต.ศุภกร นิ่มชื่น ส.ต.ต.ปวีณ์กร คำมาเร็ว ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย จากกรณีร่วมกันทำร้ายร่างกายโดยการทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติด ด้วยการใช้ถุงดำคลุมศรีษะเพื่อเรียกเงิน 2 ล้านบาท จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต และอ้างเหตุว่าผู้ต้องหาเสพยาเกินขนาด
ทั้งนี้ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 6 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านของ ผกก.โจ้ ย่านรามอินทรา เนื้อที่ 5 ไร่ เมื่อวันที่ 25 ส.ค. พบรถหรู 13 คันจอดเรียงราย แต่ไม่พบเจ้าตัวแต่อย่างใด ซึ่งจากการตรวจสอบเชิงลึกพบรถหรูในความครองครองของ ผกก.โจ้เกือบ 30 คัน โดยบางคันมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท
ด้านกรมศุลกากร เผยว่า ตั้งแต่ปี 2554-2560 ผกก.โจ้ เป็นเจ้าของสำนวนจับกุม นำส่งรถ 368 คัน ขายทอดตลาดแล้ว 363 คัน ยังขายไม่ออก 5 คัน ซึ่งกฎหมายเดิม ผกก.โจ้จะได้รับส่วนแบ่งเงินรางวัลนำจับและค่าสายข่าวประมาณ 45% ของราคาประมูลได้ คาดว่า ผกก.โจ้น่าจะได้ส่วนแบ่งมากถึง 450 ล้านบาท
ขณะที่ดีเอสไอแถลงว่า ในบรรดารถหรูเกือบ 30 คันของ ผกก.โจ้ มีบางคันที่ดีเอสไอดำเนินคดีความผิดฐานนำรถยนต์ใหม่สำเร็จรูปจากต่างประเทศเข้ามาโดยสำแดงราคานำเข้าเป็นเท็จต่ำกว่าราคาซื้อขายจริงเพื่อเลี่ยงภาษี เป็นเหตุให้รัฐได้รับความเสียหายกว่า 31 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ถูกดำเนินคดี 8 คน ไม่รวม ผกก.โจ้ เนื่องจากเป็นผู้ซื้อและมีชื่อครอบครองคนแรก ก่อนจะเปลี่ยนผู้ครอบครองไปแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ได้มีหนังสือให้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ และนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก (คดีฉ้อโกงพันล้าน) พ้นจากจิตอาสาพระราชทาน เนื่องจากทำให้เสื่อมเสียต่อชื่อเสียงและสถานภาพของจิตอาสา 904 และมีคำสั่งให้เรียกคืนเครื่องแต่งกาย หมวก ผ้าพันคอ เครื่องหมายจิตอาสา 904 (ปีกโลหะ ปีกผ้า) บัตรประจำตัวและประกาศนียบัตรด้วย
หลังถูกศาลออกหมายจับ เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมผู้ที่ร่วมก่อเหตุในคลิปคลุมถุงดำผู้ต้องหาดับได้ ขณะที่ ผกก.โจ้ ซึ่งหลบหนี ภายหลังได้ติดต่อขอมอบตัวกับ พล.ต.ท.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบช.ภ.6 ซึ่งเผยว่า ผกก.โจ้โทรหา บอกอยากฆ่าตัวตาย จึงเกลี้ยกล่อมให้มอบตัว กระทั่งมีการไปรับตัว ผกก.โจ้ ที่ จ.ชลบุรี เพื่อเข้ามอบตัวที่กองปราบฯ เมื่อวันที่ 26 ส.ค.
ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้นำทีมแถลงผลการจับกุม ผกก.โจ้ในคืนเดียวกัน ก่อนเปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวซักถาม ผกก.โจ้ผ่านทางโทรศัพท์ โดย ผกก.โจ้ ยืนยันว่า ไม่ได้เรียกเงิน 2 ล้านจากผู้ต้องหา พร้อมอ้างว่า ผู้ต้องหาถูกจับกุมพร้อมยาเสพติด ไอซ์ 1 กิโลกรัม จึงต้องการถามหายาเสพติดจากผู้ต้องหาเท่านั้น ส่วนการใช้ถุงคลุมหัว เพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาเห็นหน้า ส่วนที่มัดมือไพล่หลัง เพราะผู้ต้องหาฉีกถุง
นอกจากนี้ ผกก.โจ้ ยังขอโทษประชาชน ครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยบอกว่า ได้ช่วยทำบุญให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต 30,000 บาท และปฏิเสธไม่ได้มีการให้เงินพ่อของผู้เสียชีวิตเพื่อบิดเบือนการตาย พร้อมขอโทษ ผบ.ตร. และองค์กรตำรวจที่เกิดเหตุนี้ และว่า หลังเกิดเหตุ รู้สึกช็อกและตกใจ ทำอะไรไม่ถูก นึกว่าผู้ต้องหาสลบ จึงสาดน้ำที่หน้าเพื่อให้ฟื้น และสั่งการให้ถอดข้อมูลจากกล้องวงจรปิด
ผกก.โจ้ ย้ำด้วยว่า ไม่มีการรีดเงินผู้ต้องหา รับราชการมาไม่เคยมีการทุจริตเรื่องเงิน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าผู้ต้องหา และพร้อมรับผิดชอบเพียงผู้เดียว ลูกน้องแค่ทำตามคำสั่ง
ต่อมา 27 ส.ค. พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ได้นำตัว ผกก.โจ้กับพวก ยื่นขอฝากขังต่อศาล เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น พร้อมคัดค้านการประกัน เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ มีอัตราโทษสูง ประกอบกับผู้ต้องหาเป็นตำรวจกระทำผิดเสียเอง หากมีการปล่อยตัวชั่วคราวเกรวงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ด้านศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ ก่อนนำตัวไปคุมขังไว้ที่เรือนจำจังหวัดนครสวรรค์
ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งให้โอนคดี "ผกก.โจ้" กับพวกซ้อมทรมานผู้ต้องหาจากนครสวรรค์มาให้กองปราบฯ รับผิดชอบแทน พร้อมให้ขยายผลไปถึงผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งตรวจสอบเส้นทางการเงิน หลังพบร่ำรวยผิดปกติ
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ เคยมีคำพิพากษาฎีกา ที่ 5332/2560 เป็นบรรทัดฐานแล้วว่า การใช้ถุงคลุมหัว จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ถือว่า เป็นการกระทำที่เจตนาฆ่า โดยศาลฯ ระบุว่า "จำเลยใช้ถุงพลาสติกซึ่งไม่มีช่องอากาศครอบศีรษะผู้ตาย แล้วใช้เทปกาวพันรอบถุงบริเวณลำคอผู้ตาย แม้จำเลยมิได้จะประสงค์จะให้ผู้ตาย ถึงแก่ความตาย แต่จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้การกระทำดังกล่าวจะทำให้ผู้ตายขาดอากาศหายใจและถึงแก่ความตายได้ จึงถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายแล้ว เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย จำเลยจึงมีความผิดฐานเจตนาฆ่าผู้อื่น"
2.ศบค.คลายล็อกนั่งกินในร้านอาหารได้ ไม่มีแอร์-นั่งได้ 75% มีแอร์-นั่งได้ 50% ไฟเขียวเปิดห้างได้ทุกแผนกถึง 2 ทุ่ม เริ่ม 1 ก.ย.!
เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ประชุม ศบค. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน หลังประชุม พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. เผยว่า “ที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ได้พิจารณามาตรการในหลายประเด็น และครั้งนี้ไม่มีการปรับพื้นที่สี แต่มีการปรับมาตรการการควบคุมโรคที่เข้มงวด มีการอนุญาตให้เปิดกิจการ กิจกรรมเพิ่มเติม ตามความพร้อมและความจำเป็น เพื่อให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงกับปกติมากที่สุด รวมทั้งพิจารณารอบด้านทั้งเศรษฐกิจและสังคม”
สำหรับมาตรการที่ผ่อนคลาย ได้แก่ 1.การเดินทางข้ามจังหวัดจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดได้ โดยขอความร่วมมือให้หลีกเลี่ยงการเดินทาง หรือเดินทางเมื่อมีเหตุจำเป็นเท่านั้น สื่อสารให้ผู้ที่มีประวัติเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือผู้ติดเชื้อให้เดินทางตามโครงการรับคนกลับบ้าน/รับผู้ป่วยกลับภูมิลำเนา เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อระหว่างและหลังการเดินทาง ระบบขนส่งสาธารณะจำกัดจำนวนผู้โดยสาร ไม่เกิน 75 % สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ห้ามรับประทานอาหาร
มาตรการสำหรับรถโดยสาร หรือรถตู้ ระยะทางไกล ควรแวะพักทุก 2- 3 ชั่วโมง เพื่อระบายอากาศ การเดินทางไปทำงานของแรงงาน ให้ใช้ระบบ seal route ตามมาตรการ Bubble and Seal
2. การเปิดบริการของร้านอาหาร ร้านอาหารที่อยู่นอกอาคาร หรือในอาคาร แต่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ โล่ง อากาศถ่ายเทดี ให้นั่งรับประทานได้ 75 % ส่วนร้านอาหารที่เป็นห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ ให้นั่งรับประทานได้ 50 % โดยผู้ประกอบการต้องดำเนินตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
3.การปรับมาตรการสำหรับกิจการห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ กิจการ/กิจกรรมสามารถเปิดดำเนินการได้ทุกแผนก ถึงเวลา 20.00 น. ภายใต้มาตรการฯ ยกเว้นบางกิจการ/กิจกรรม โดยแบ่งเป็น กลุ่มที่ 1 กิจการ/กิจกรรมที่เปิดได้แบบมีเงื่อนไข ได้แก่ ร้านเสริมสวย ร้านตัดผมหรือแต่งผม เปิดได้เฉพาะตัดผมเท่านั้น ไม่เกิน 1 ชั่วโมง ร้านนวด เปิดได้เฉพาะนวดเท้า คลินิกเสริมความงาม เปิดจำหน่ายสินค้าเท่านั้น (อาจมีการนัดหมายล่วงหน้า เมื่อมีความพร้อม) ร้านอาหาร เปิดได้ตามเงื่อนไขของมาตรการร้านอาหารมีเครื่องปรับอากาศ กลุ่มที่ 2 กิจการ/กิจกรรมที่ยังไม่เปิดบริการ ได้แก่ สถาบันกวดวิชา โรงภาพยนตร์ สปา สวนสนุก สวนน้ำ ฟิตเนส ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ ห้องจัดประชุม/จัดเลื้ยง ผู้ประกอบการต้องดำเนินตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
4. การเปิดกิจการ/กิจกรรมบางประเภท ได้แก่ ร้านเสริมสวย ร้านนวด เฉพาะนวดเท้า ผู้ประกอบการต้องดำเนินตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
5.การใช้อาคารของสถานศึกษา สามารถใช้อาคารของสถานศึกษาได้ โดยผ่านความเห็นชอบของผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในพื้นที่ ร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และกระทรวงสาธารณสุขกำหนด
6. การเปิดใช้สนามกีฬา สามารถเปิดใช้สนามกีฬา และสวนสาธารณะ ประเภทกลางแจ้ง หรือสนามกีฬาในร่มที่เป็นที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่มีระบบปรับอากาศ สามารถใช้ในการเล่น ซ้อม หรือแข่งขันกีฬาได้แบบไม่มีผู้ชม จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม และไม่ให้มีการรวมกลุ่มกัน โดยผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร สามารถเปิดใช้สนามกีฬาทุกประเภท สำหรับการฝึกซ้อมของนักกีฬาทีมชาติไทย แบบไม่มีผู้ชม โดยแจ้งให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร ทราบล่วงหน้าก่อนการเริ่มใช้ ผู้จัดการแข่งขัน ต้องดำเนินตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โดยเปิดได้ถึง เวลา 20.00 น.
ส่วนการห้ามออกนอกเคหสถาน (เคอร์ฟิว) ยังคงอยู่ โดยห้ามออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 21.00น.-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้น และมาตรการการปฏิบัติงาน ณ ที่พักอาศัย (Work From Home) ยังคงใช้ต่อไปอย่างน้อย 14 วัน
ทั้งนี้ หลักการยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 สำหรับเปิดกิจการ/จัดกิจกรรมให้ปลอดภัยและยั่งยืน มีการใช้หลักการ COVID-Free Setting และ Universal Prevention สำหรับสถานที่เสี่ยงและกลุ่มเสี่ยง ด้วยการใช้วัคซีน และการตรวจ ATK เป็นเกณฑ์ โดยตั้งแต่ 1 ก.ย.2564 ขอความร่วมมือให้ดำเนินการในพื้นที่นำร่อง หรือสถานที่ที่มีความพร้อม และเริ่มใช้มาตรการ 1 ต.ค.2564
3. สธ.พบโควิดสายพันธุ์ย่อยของเดลต้าในไทย 4 สายพันธุ์ ยัน ไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่ เฝ้าระวังจะรุนแรงกว่าเดิมหรือไม่!
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงจาก 2 หมื่นรายต่อวันเล็กน้อย โดยเมื่อวันที่ 22 ส.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 19,014 ราย มีผู้เสียชีวิต 233 ราย, วันที่ 23 ส.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17,491 ราย มีผู้เสียชีวิต 242 ราย, วันที่ 24 ส.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17,165 ราย มีผู้เสียชีวิต 226 ราย, วันที่ 25 ส.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,417 ราย มีผู้เสียชีวิต 297 ราย, วันที่ 26 ส.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,501 ราย มีผู้เสียชีวิต 229 ราย, วันที่ 27 ส.ค.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18,702 ราย มีผู้เสียชีวิต 273 ราย, ล่าสุด 28 ส.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17,984 ราย มีผู้เสียชีวิต 292 ราย
ด้าน นพ.เศวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ค่อยๆ ขยับลง น่าใจชื้นขึ้น คาดว่า หากตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงทั้งสัปดาห์ น่าจะผ่านจุดสูงสุด แต่ต้องจับตามองอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงว่า ขณะนี้โควิดสายพันธุ์เดลต้ากระจายทั้ง 77 จังหวัดของไทยแล้ว และเมื่อสายพันธุ์เดลต้าระบาดกว้างขวาง จึงมีสายพันธุ์ย่อยที่ตรวจจับได้ โดยจะประสานกรมควบคุมโรคติดตามผู้ติดเชื้อรายนั้นว่า มีอาการเปลี่ยนแปลงอย่างไร มีอาการหนักหรือเพิ่มจำนวนที่ผิดปกติอย่างไร เบื้องต้นยังไม่พบข้อแตกต่างตรงนี้ และว่า มีรายงานการพบสายพันธุ์ย่อยในหลายประเทศเช่นกัน เช่น อังกฤษ สเปน เดนมาร์ก ดังนั้นอย่าสรุปว่าเป็นสายพันธุ์ของไทย ต้องจับตาว่าสายพันธุ์ย่อยจะมีผลต่อการควบคุมโรคหรือไม่
ด้าน ศ.เกียรติคุณ วสันต์ จันทราทิตย์ หัวหน้าศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัจจุบันพบสายพันธุ์เดลต้ามีการกลายพันธุ์หลุดออกมาถึง 60 ตำแหน่ง สายพันธุ์เดลต้ามีตัวหลักที่เรียกว่า B.1.617.2 พบว่า มีการกระจายตัวแตกเป็นสายพันธุ์ย่อยถึง 27 สายพันธุ์ย่อย มีตั้งแต่ AY.1 จนถึง AY.22
ซึ่งจากข้อมูลสายพันธุ์ย่อยเดลต้าในไทย พบ AY.4 พบ 4 คน, AY.6 พบ 1 คน, AY.10 พบ 1 คน และ AY.12 พบ 2 คน โดยเก็บข้อมูลว่าพบที่ไหน อย่างไร เมื่อไร จำนวนเท่าไร เพื่อติดตามการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่อง และว่า สายพันธุ์ย่อยที่พบเป็นลูกหลานของสายพันธุ์หลักเดลต้าที่มีอยู่ในไทย แต่ยังไม่มีข้อมูลมารองรับว่า ดื้อต่อวัคซีนหรือไม่ รวมถึงอาการต่างๆ
ขณะที่ นพ.ศุภกิจ ย้ำอีกครั้งว่า การพบสายพันธุ์ย่อยเดลต้านั้น ไม่ใช่สายพันธุ์ไทย และไม่ใช่สายพันธุ์ใหม่ และว่า จริงๆ แล้ว การที่ประเทศพบสายพันธุ์ย่อย ถือเป็นด้านบวก เพราะจะช่วยให้เราจัดทำข้อมูล เพื่อควบคุมโรคอย่างเหมาะสม หากในอนาคตพบสายพันธุ์ไทย
ส่วนการจัดซื้อชุดตรวจโควิดด้วยตนเอง ATK 8.5 ล้านชิ้น เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนนั้น เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่ประชุม ครม.ได้รับทราบการขอปรับปรุงข้อสั่งการของนายกฯ ในการประชุม ศบค.ครั้งที่ 12/2564 และการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ซึ่งเดิมเขียนไว้ว่า “การเร่งดำเนินการจัดหาชุดตรวจโควิด-19 แบบแอนติเจน (ATK) ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) รวมทั้งต้องมีความแม่นยำในการตรวจ เพื่อนำไปสู่การรักษาที่ทันท่วงที และพร้อมจัดส่งให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด” ให้แก้เป็นข้อความว่า “ในเรื่องการจัดการซื้อชุดตรวจ ATK นี้ ขอให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งดำเนินการได้โดยเร็ว หากมีปัญหาความขัดแย้งอยู่ในปัจจุบัน ขอให้เร่งการแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุด”
ด้าน นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ได้มีหนังสือแจ้งไปยัง รพ.ราชวิถีและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ว่า จะเดินหน้าจัดซื้อชุดตรวจแอนติเจน เทสต์ คิด (ATK) 8.5 ล้านชิ้นให้กับ สปสช. เพื่อนำไปแจกให้ประชาชนใช้ตรวจหาเชื้อโควิดด้วยตนเอง โดยดำเนินการคู่ขนานไปกับการแจ้งบริษัทที่ชนะการประมูลชุดตรวจ ATK ยี่ห้อเล่อปู๋ ในราคาชุดละ 70 บาท เพื่อให้ดำเนินการตามสัญญาการจัดซื้อจัดจ้าง
วันเดียวกัน (24 ส.ค.) นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการ รพ.จะนะ จ.สงขลา ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท ได้ออกแถลงการณ์กรณีที่ประชุม ครม.แก้ไขมติ ครม.และข้อสั่งการของนายกฯ เกี่ยวกับการจัดซื้อชุดตรวจ ATK ส่งผลให้องค์การเภสัชกรรมเดินหน้าจัดซื้อชุดตรวจ ATK ยี่ห้อเล่อปู๋ 8.5 ล้านชิ้น “วันนี้มีความชัดเจนว่า รัฐบาลของนายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่แข็งจริง ...ชมรมแพทย์ชนบทยังคงยืนบนหลักการที่เคยเสนอไปแล้วว่า จะระดมทีมปฏิบัติการจากทุกภาพทำการตรวจสอบชุดตรวจ ATK ที่ได้รับการประมูลว่ามีคุณภาพทั้ง sensitivity และ specificity ดังที่กล่าวอ้างหรือไม่ มีผลบวกปลอมหรือผลลบปลอมในสัดส่วนที่เกินกว่าจะรับได้หรือไม่”
4. “เพนกวิน-ไมค์-ไผ่ ดาวดิน” ติดโควิด ถูกส่งตัวรักษาใน รพ.ราชทัณฑ์ อาการไม่น่าห่วง ไม่ต้องส่งตัวรักษา รพ.ภายนอก!
เมื่อวันที่ 22 ส.ค. นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีและโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยว่า ขณะนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองที่ติดเชื้อโควิด-19 ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย นายพรหมศร วีรธรรมจารี หรือฟ้า, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายสิริชัย นาถึง และนายแซม สาแมท โดยแพทย์ตรวจร่างกายพบว่า นายพริษฐ์ รู้สึกตัวดี พูดคุยรู้เรื่อง ไม่มีอาการหายใจเหนื่อยหลังทำกิจกรรม หายใจได้เองโดยไม่ต้องใข้ออกซิเจน ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือก็รู้สึกตัวดี ไม่เหนื่อยเช่นกัน
วันต่อมา 23 ส.ค. นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดานายพริษฐ์ พร้อมด้วยนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท ได้เข้ายื่นหนังสือถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทวงถามความคืบหน้าการย้ายตัวผู้ต้องขังติดโควิดในเรือนจำ ออกมารักษาภายนอกที่โรงพยาบาล โดยมีรองปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นผู้รับเรื่อง
นางสุรีย์รัตน์ เผยว่า ได้ประสานทำเรื่องไปยัง รพ.ธรรมศาสตร์ เพื่อขอย้ายตัวนายพริษฐ์ไปรักษา เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา ตนเข้าเยี่ยมลูกชายบอกว่า เจ้าหน้าที่ให้ยารักษาผิด บางครั้งไม่ได้ให้ยาบ้าง และบ่นว่ายุงเยอะ
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวเมื่อ 24 ส.ค.ถึงกรณีที่มารดาของนายพริษฐ์ จะขอพาตัวไปรักษาโควิด-19 ที่โรงพยาบาลศูนย์ธรรมศาสตร์ว่า ผู้บริหารกระทรวงจะเป็นผู้พิจารณา ถ้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่สามารถรักษาได้ ก็ต้องช่วย แต่ส่วนตัวเชื่อว่าโรงพยาบาลราชทัณฑ์มีมาตรฐานในการรักษาผู้ป่วยอยู่แล้ว และเรื่องนี้อยากให้ส่วนราชการไปบริหารจัดการ ฝ่ายการเมืองไม่ควรยุ่งเกี่ยว เพราะเกรงจะเป็นประเด็นที่ยาวไปอีก เชื่อข้าราชการจะพิจารณาได้อย่างรอบคอบ
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า หากอนุญาตให้ไปรักษาตัวภายนอก เกรงว่าจะทำให้นักโทษคนอื่นเอาอย่างได้ พร้อมย้ำว่า โรงพยาบาลราชทัณฑ์มีมาตรฐานในการรักษาที่ดีเหมือนโรงพยาบาลทั่วไปอยู่แล้ว
ขณะที่นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีและโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ รับทราบถึงความกังวลและห่วงใยของครอบครัวผู้ต้องขังที่มีการร้องขอให้นำตัวนายพริษฐ์ และนายสิริชัย ไปรักษาโรงพยาบาลภายนอก กรมราชทัณฑ์ จึงขอชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสังคมตามข้อเท็จจริงว่า การรักษาพยาบาลผู้ต้องขังในเรือนจำ เป็นมาตรฐานเดียวกันให้กับผู้ต้องขังทุกคน โดยมีทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลเรือนจำกลางบางขวางเป็นแม่ข่ายหลักในการรักษา
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดทั้งภายในและภายนอกเรือนจำ กรมราชทัณฑ์จึงได้จัดหาอุปกรณ์ และเครื่องมือทางการแพทย์ รวมถึงการจัดหายาฟาวิพิราเวียร์ และการผลิตยาฟ้าทะลายโจร เพื่อให้ผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19 ได้รับการรักษา สามารถเข้าถึงยาได้อย่างรวดเร็ว เป็นไปตามมาตรฐาน ขอยืนยันว่า โรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองมาตรฐานถูกต้องตามกระทรวงสาธารณสุข มีความพร้อมในการดูแลรักษาพยาบาลให้แก่ผู้ต้องขังทุกคนตามมาตรฐานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และไม่เลือกปฏิบัติแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 ส.ค. นายธวัชชัย รายงานการควบคุมดูแลผู้ต้องขังผู้ชุมนุมทางการเมืองว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมที่ติดเชื้อโควิด-19 และถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์เพิ่มเติมอีก 2 ราย จากเดิม 4 ราย โดยรายใหม่ ประกอบด้วย นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์, นายชาติชาย แกดำ จึงส่งตัวจากเรือนจำชั่วคราวรังสิต เข้ารับการรักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์เรียบร้อยแล้ว
ต่อมา 26 ส.ค. ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ได้ตรวจโควิดให้ผู้ต้องขัง พบว่า นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ติดโควิด และส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์เรียบร้อยแล้ว
27 ส.ค. ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนายสิริชัย และนายแซม แต่เนื่องจากผู้ต้องขังทั้งสองติดโควิดและรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ทางญาติจึงประสาน รพ.ธรรมศาสตร์ฯ และรับทั้งสองเข้ารักษาตัวเรียบร้อยแล้ว
5. ปลดล็อก “กระท่อม” พ้นบัญชียาเสพติดแล้ว ส่งผลซื้อ-ขายเสรี เตรียมปล่อยตัวผู้กระทำผิดกว่า 1 พันคน!
เมื่อวันที่ 24 ส.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้แถลงปลดล็อกพืชกระท่อมพ้นจากบัญชียาเสพติดให้โทษ โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2564 เป็นต้นไป โดยเป็นไปตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 8 พ.ศ.2564 หลังจากนี้ ประชาชนสามารถปลูกพืชกระท่อมได้อย่างเสรี หรือจะบริโภคก็สามารถทำได้
โดยสาระสำคัญของการบังใช้กฎหมายคือ ให้ผู้ที่ปลูกกระท่อมสามารถครอบครองซื้อขาย หรือนำมาบดเคี้ยวได้ และปลูกต้นกระท่อมเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ยังขยายไปถึงการสามารถส่งขายเป็นพาณิชกรรม อุตสาหกรรม โดยไม่ต้องขออนุญาต หลังจากนี้จะมีการออกกฎหมายรองตามมา ซึ่งจะมีบทบัญญัติเพิ่มเติม อาทิ กำหนดห้ามขายให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ซึ่งเป็นเยาวชน รวมถึงสตรีมีครรภ์ และเตรียมกำหนดสถานที่ห้ามขาย เช่น ในโรงเรียน วัด ส่วนประเภทธุรกิจการส่งออก หรือนำเข้า จะต้องขออนุญาต
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมากระท่อมถูกจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ใน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ แต่วันนี้พืชกระท่อมถูกปลดจากยาเสพติดให้โทษแล้ว ทุกคนสามารถครอบครองและซื้อขายได้ ไม่จำกัดจำนวน หรือจะขายให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ ในอดีตเคยแอบขายกิโลกรัมละ 500-600 บาท ซึ่งราคาขณะนี้ไม่ควรต่ำกว่ากิโลกรัมละ 200 บาท เพราะอาจเป็นพืชเศรษฐกิจอีกตัวที่สำคัญ “ต้องคิดต่อว่า หากจะให้กระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจจะต้องทำอย่างไร และจะทำอย่างไรไม่ให้ราคาตก”
ทั้งนี้ หลังปลดล็อกพืชกระท่อม มีผลให้ต้องปล่อยตัวผู้กระทำความผิดตามกฎหมายพืชกระท่อม ให้ถือว่าไม่เคยกระทำความผิด โดยต้องเป็นกรณีที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผสมสารเสพติดอื่น ในจำนวนนี้เป็นผู้ต้องขังในเรือนจำ 1,038 คน ผู้ที่ถูกจับในข้อหาพืชกระท่อม ที่อยูระหว่างการสอบสวนของตำรวจหรืออยู่ในระหว่างการประกันตัว จะต้องยุติและได้รับการปล่อยตัวในทันที
สำหรับผู้ที่ถูกดำเนินคดีในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ต้องมีการจำหน่ายคดีออกจากสารบบของศาล หรือจะได้รับการพิพากษายกฟ้อง รวมถึงผู้ที่ถูกกักขังแทนค่าปรับ จะต้องยกเลิกการเสียค่าปรับ
สำหรับพืชกระท่อม เป็นไม้ยืนต้น ที่มีสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ในอดีตมักถูกนำมาใช้รักษาการติดเชื้อในลำไส้ บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ลดไข้ บรรเทาอาการไอ ท้องร่วง ปัจจุบันมีกลุ่มคนบางกลุ่ม นำมาใช้เพื่อกดความรู้สึกเมื่อยล้า ทนต่อการทำงานกลางแจ้ง ทนร้อน ทนแดด เพื่อให้ทำงานได้นานขึ้น