“นายสุรวิชช์ วีรวรรณ” คอลัมนิสต์ประจำเครือผู้จัดการ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการถอดถอน “สุชาติ สวัสดิ์ศรี” พ้นศิลปินแห่งชาติ ระบุ ตนเองไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกกับการแต่งตั้ง เนื่องจาก นายสุชาติ ไม่มีผลงานวรรณกรรมอันเป็นที่ประจักษ์ มีวรรณศิลป์ที่ทรงคุณค่า
จากกรณี มีข่าวสะพัดออกมาว่า คณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ มีมติเอกฉันท์ปลด “สุชาติ สวัสดิ์ศรี” พ้นศิลปินแห่งชาติ งดจ่ายเงินเดือนสองหมื่นห้า และสิทธิประโยชน์จนวันตาย ให้โอกาสคัดค้านใน 45 วัน พบก่อนหน้านี้ หนุนม็อบยกเลิก 112 ปฏิรูปกษัตริย์ แถมเคยท้าให้ปลดออกจากศิลปินแห่งชาติ
ล่าสุด วันนี้ (21 ส.ค.) “นายสุรวิชช์ วีรวรรณ” คอลัมนิสต์ประจำเครือผู้จัดการ แสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊ก “Surawich Verawan” ถึงประเด็นของ “นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี” ว่า ไม่สมควรได้ “ศิลปินแห่งชาติ” ตั้งแต่แรก เนื่องจากไม่มีผลงานวรรณกรรมให้เป็นที่ประจักษ์ ทั้งนี้ นายสุรวิชช์ ได้ระบุข้อความว่า
“ส่วนตัวผมรู้จักกับ สุชาติ สวัสดิ์ศรี เคยร่วมวงดื่มกินกัน เคยไปเยี่ยมเยียนที่บ้าน แน่นอน สุชาติ เป็นคนที่อยู่ในวงการวรรณกรรมมายาวนานทั้งชีวิต เป็นที่นับหน้าถือตาของนักเขียนจำนวนมาก
แม้ระยะหลังที่มีความขัดแย้งทางการเมืองจนแตกความคิดแบ่งขั้วแบ่งฝ่ายกันไป ผมก็เคารพในจุดยืนทางการเมือง ไม่ว่าของสุชาติ หรือของใครที่รู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน ทั้ง ไม้หนึ่ง วัฒน์ วรรลยางกูร ฯลฯ
แต่ที่ผมรับไม่ได้เลย คือ จิตใจอันคับแคบของสุชาติที่คอยระรานคนที่มีความเห็นต่างกับตัวเอง ไม่ว่ากับ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ หรือ สุรชัย จันทิมาธร
ส่วนการได้ตำแหน่งศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ของสุชาตินั้น ผมไม่เห็นด้วยมาตั้งแต่ต้น ไม่ใช่เพิ่งไม่เห็นด้วยตอนเขาจะถอดถอน เพราะผมคิดว่า การเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์นั้น ต้องมีผลงานวรรณกรรมที่ทรงคุณค่าเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมต่อบรรณพิภพ ไม่ว่าคณะกรรมการจะกำหนดคุณสมบัติด้านอื่นไว้อย่างไร (ผมอ่านแล้ว) แต่ข้อนี้ต้องมาก่อน ซึ่งผมไม่เห็นเลยว่า สุชาติมีคุณสมบัติอะไรข้อนี้
ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ อาจจะมีผลงานที่โดดเด่นเพียงเล่มเดียวก็ได้ ถ้าผลงานนั้นตราตรึงเป็นที่ประจักษ์ แต่ไม่ใช่มีผลงานหลายเล่มแต่ไม่มีอะไรโดดเด่นเลยก็ไม่ควรได้ แล้วอะไรคือผลงานของสุชาติ
และที่ผมไม่เห็นด้วย คือ การที่คณะกรรมการต้องหาศิลปินแห่งชาติในแต่ละสาขาให้ได้ทุกปี ทั้งๆ ที่ถ้าปีไหนยังไม่เห็นว่าจะมีใครมีความเหมาะสมก็ควรจะเว้นไปได้ เพราะการทำเช่นนั้น มันเหมือนต้องเค้นมาให้ได้ทุกปี
สุชาติเพียงอยู่ในวงการวรรณกรรมมานาน เขาสนับสนุนให้หลายคนได้เกิดในวงการวรรณกรรมในฐานะบรรณาธิการ มีความรอบรู้เรื่องวรรณกรรมโลก เป็นนักวิจารณ์วรรณกรรมอันนี้ไม่มีข้อสงสัย แต่คุณสมบัติเหล่านี้ก็ไม่น่าจะใช่ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์
เหมือนคนอยู่ในวงการมวยมานาน ปั้นนักมวยเป็นแชมป์โลกมาหลายคน เขาควรจะได้รับการเชิดชูไหมก็ควรได้รับนะ แต่ไม่ใช่ในฐานะนักมวยยอดเยี่ยม
คนในวงการนักเขียนอาจเห็นด้วยที่สุชาติได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ คิดว่าคงจะมีคนแห่มาปกป้องสุชาติกันมาก หรือมีแถลงการณ์อะไรออกมา เพื่อแสดงถึงจิตใจอันกว้างขวางความเป็นเพื่อนฝูงพี่น้องก็ไม่เป็นไรครับ คนเราอาจมีเหตุผลที่แตกต่างกันไป แต่ผมนั้นยึดเหตุผลอย่างที่กล่าวไปแล้วว่า การเป็นศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์นั้น จะต้องมีผลงานวรรณกรรมอันเป็นที่ประจักษ์มีวรรณศิลป์ที่ทรงคุณค่า
ส่วนการมีความเห็นและจุดยืนทางการเมืองของศิลปินแห่งชาตินั้น ผมคิดว่ามีสิทธิ์ที่จะมีจุดยืนทางการเมืองอย่างไรก็ได้ เป็นสิทธิเสรีภาพอันชอบธรรม ซึ่งศิลปินแห่งชาติก็ควรจะเคารพความเห็นต่างของคนอื่นในสังคมด้วย แต่สุชาติไม่มีคุณสมบัติเรื่องการเคารพความเห็นต่างของคนอื่นเลย
ยังไม่รู้ว่าคณะกรรมการถอดถอนสุชาติเพราะเหตุผลอะไร ถ้าเพราะสุชาติต่อต้านวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลชุดนี้ แน่นอนถ้าเพราะเหตุผลนั้นผมก็ไม่เห็นด้วย แม้จะบอกว่าสุชาติไม่ควรได้รับตำแหน่งตั้งแต่ต้น ก็รอฟังแถลงอย่างเป็นทางการอยู่ แต่ก็เป็นคนละประเด็นกับที่ผมตั้งคำถามถึงคุณสมบัติของสุชาติในฐานะศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์มาตั้งแต่ตอนที่ได้รับการประกาศแล้ว”