ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล โพสต์เฟซบุ๊ก เผยผลการศึกษาประสิทธิภาพวัคซีนโควิด-19 ของทีมนักวิจัย Oxford เผยวัคซีน Pfizer ประสิทธิภาพลดลงเร็วกว่า AstraZeneca
เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล โพสต์เฟซบุ๊ก “มานพ พิทักษ์ภากร” ในหัวข้อ “การศึกษานี้น่าสนใจ พบว่าอัตราลดลงของประสิทธิภาพวัคซีน Pfizer เร็วกว่า AstraZeneca” โดยได้ระบุข้อความว่า
“ข้อมูลจากการติดตาม “โอกาสที่จะตรวจพบการติดเชื้อ COVID จำนวนมาก (high viral load, Ct<30)” จากทีมนักวิจัย Oxford ร่วมกับ Office of National Statistics เปรียบเทียบระหว่างกลุ่มประชากรที่ได้ AstraZeneca vaccine เทียบกับ Pfizer vaccine พบว่าแม้ประสิทธิผลของวัคซีน Pfizer จะสูงกว่า AstraZeneca ในช่วงแรก แต่เมื่อติดตามไปเรื่อยๆ พบว่าอัตราการลดลง (attrition rate) ของวัคซีน Pfizer เร็วกว่า AstraZeneca จนวัคซีนทั้งสองชนิดเริ่มมีค่าเท่าๆ กันที่ 3 เดือนหลังฉีด และถ้าแนวโน้มยังคงเป็นแบบเดิม ประสิทธิผลของ AstraZeneca จะเหนือกว่าหลังเดือนที่ 4 เป็นต้นไป
ข้อมูลที่สำคัญอีกอันหนึ่งใน preprint นี้คือ ผู้ที่เคยติด COVID แล้วได้วัคซีน (ไม่ว่าจะเป็น Pfizer หรือ AstraZeneca) ชนะเลิศ! มีระดับประสิทธิผลที่คงอยู่ได้ดีสุด คือยืนระยะเกิน 90% ได้
อย่างไรก็ดี ข้อมูลการคาดการณ์ที่ 4 เดือนนี้เป็น extrapolation ของการติดตาม ไม่ใช่ข้อมูลจริง และการศึกษานี้ดูเฉพาะรายที่ติดเชื้อ “เยอะ” เท่านั้น ไม่ได้ดูที่ประสิทธิผลรวมทั้งหมด และไม่ได้แปลว่าผู้ที่ติดเชื้อจะป่วยหรือมีอาการ ดังนั้นคงจะบอกว่าวัคซีน Pfizer กลับด้อยกว่า หรือ AstraZeneca ดีกว่าไม่ได้จนกว่าจะเห็นข้อมูลมากกว่านี้ แต่อย่างน้อยสิ่งที่ยืนยันได้คือ ประสิทธิผลของวัคซีน Pfizer ลดลงเร็วกว่าจริง สอดคล้องกับข้อมูลก่อนหน้านี้
น่าสนใจว่าถ้าเอา Moderna มาเทียบด้วยจะเป็นอย่างไร เพราะมีข้อมูลก่อนหน้านี้ยืนยันว่าประสิทธิผลของ Moderna ยืนระยะดีกว่า คือที่ 6 เดือนก็ยังคงที่ในระดับสูง”