นายแพทย์ มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์ประจำโรงพยาบาลวิชัยยุทธ เผย ถึงเวลาควรเปิดเมือง ชี้ ถึงปิดไปการระบาดก็ไม่ลดลง แนะใช้โมเดลโรงพยาบาล กักตัวคนป่วยและกลุ่มเสี่ยง
เมื่อวันที่ 15 ส.ค. เฟซบุ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” หรือ นายแพทย์ มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” เสนอ “กักตัวคนป่วยและกลุ่มเสี่ยง ไม่ใช่ล็อกดาวน์ทั้งเมือง” โดยมีใจความว่า
“โรงพยาบาลเป็นสถานที่เสี่ยง มีคนไข้โรคโควิด-19 เข้ามารับการรักษาทุกวัน มีแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ติดเชื้อไวรัสจากคนไข้ขณะปฏิบัติงานในทุกโรงพยาบาล เมื่อวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสโควิดก็ให้หยุดทำงาน และถูกกักตัวจนกว่าจะพ้นระยะแพร่เชื้อ จึงให้กลับมาทำงาน นอกจากนี้ คนที่ใกล้ชิดกับคนที่ติดเชื้อในแผนกนั้น ต้องได้รับการตรวจยืนยันว่าไม่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้หยุดงาน และตรวจซ้ำอีกครั้ง 4-5 วัน ให้แน่ใจว่าไม่ติดเชื้อ จึงให้กลับมาทำงานได้ เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อให้ผู้อื่น
ต้องยอมรับว่า บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลทุกคน ถึงแม้จะระวังตัวเต็มที่ ดูแลตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ ได้รับวัคซีนครบแล้ว ก็ยังติดเชื้อไวรัสโควิด การป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตาทำได้ยากมากๆ
ไม่มีใครมาสั่งปิดโรงพยาบาลเมื่อพบบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โรงพยาบาลปฏิบัติกับคนติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับคนติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ อัตราตายของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย ร้อยละ 0.1 (ไม่ใช่ร้อยละ 2) พอๆ กับไข้หวัดใหญ่ปี 2009 แต่ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลอัตราตายน้อยกว่าประมาณร้อยละ 0.03 (ดูรูป) ประเทศไทยไม่มีการประกาศล็อกดาวน์ช่วงที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ปี 2009
ถึงเวลาแล้วเราควรเอาบทเรียนจากมาตรการที่ใช้กับโรงพยาบาลนำไปใช้กับทุกสถานประกอบการ หน่วยงานต้องรับผิดชอบกับคนงานของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นแคมป์ก่อสร้าง งานก่อสร้าง โรงงาน ระบบขนส่งสินค้าพัสดุ ห้างสรรพสินค้า ร้านตัดผม ตลาด ร้านค้า สนามกอล์ฟ สนามกีฬา สวนสาธารณะ เมื่อพบคนติดเชื้อ ให้คนติดเชื้อและคนใกล้ชิดหยุดทำงาน กักตัวจนกว่าจะพ้นระยะแพร่เชื้อ เพื่อลดการแพร่เชื้อไวรัสโควิดให้ผู้อื่น ไม่ควรมีการสั่งปิดสถานที่ใดที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด ทุกคนที่แข็งแรง ไม่มีอาการ สามารถทำงานตามปกติต่อไปได้
การล็อกดาวน์ ปิดเมือง ปิดการเดินทาง ผลออกมายอดผู้ติดเชื้อของการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระลอกนี้ นอกจากจะไม่ลดลงยังเพิ่มขึ้น เป็นการยืนยันว่าไม่ได้ผล ควรผ่อนคลายบ้างแล้ว เพราะการระบาดครั้งนี้เกิดขึ้นในบ้านมากที่สุด
โรคโควิด-19 ทำให้คนไทยเดือดร้อนมากพอแล้ว การล็อกดาวน์ยิ่งทำให้คนไทยเดือดร้อนมากขึ้นอีก
ถึงเวลาควรเปิดเมือง ใครมีงานทำก็ไปทำ ค้าขายก็ค้าขายไป ไปท่องเที่ยวก็ไป ยกเว้นไปสถานที่คนรวมตัวกัน รวมกลุ่มกันมากๆ ไม่เว้นระยะห่าง สถานที่อากาศถ่ายเทไม่ดี ติดแอร์ เช่น ผับ บาร์ สนามมวย บ่อนการพนัน โรงหนัง กิจกรรมสันทนาการ สังสรรค์ ทานอาหารร่วมกัน (เพราะต้องถอดมาสก์) ทุกคนต้องระวังตัวเต็มที่ ดูแลตัวเองทั้งนอกบ้านและในบ้าน ใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ และรีบฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้เร็วที่สุด”