xs
xsm
sm
md
lg

แพทย์ รพ.รามาฯ วอนผู้ป่วยโควิดเลิกเห็นแก่ตัว ขอ “ฟาวิพิราเวียร์” ซ้ำ ขายตลาดมืด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นพ.สุรเวช น้ำหอม ศัลยแพทย์เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่ง โรงพยาบาลรามาธิบดี แฉ กลุ่มผู้ป่วยโควิดเห็นแก่ตัว อ้างไม่ได้รับฟาวิพิราเวียร์ทั้งที่ได้ไปแล้ว เตรียมปล่อยขายตลาดมืด วอนอย่าหาผลประโยชน์บนความเดือดร้อนของผู้อื่น อาจทำให้กระจายยาช้ายิ่งขึ้น

เมื่อวันที่ 9 ส.ค. เพจเฟซบุ๊ก “Dr. Surawej Numhom นายแพทย์ สุรเวช น้ำหอม” หรือ นพ.สุรเวช น้ำหอม ศัลยแพทย์เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่ง โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ออกมาโพสต์ข้อความ เกี่ยวกับการรักษาโรคโควิด-19 ด้วยการแจกยา "Favipiravir" โดยได้มีการเน้นย้ำว่า การแจกยาชนิดนี้ด้วยความรวดเร็วให้แก่ประชาชนนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ นพ.สุรเวชได้ระบุข้อความว่า

“เพราะการรักษาโควิด การได้ยา Favipiravir เร็วนั้นสำคัญมาก ในตอนนี้การรับมือกับการระบาดของโควิดในกรุงเทพฯ เราไม่มีเตียงจะให้คนไข้ทุกคนรักษาในโรงพยาบาลแล้ว การรักษาแบบ Home isolation จึงสำคัญมาก ในเวลาที่คนไข้ติดเชื้อมากมายในแต่ละวัน ทีมแพทย์และเภสัชพยายามจะรีบส่งยา Favipiravir ให้เร็วที่สุดเพื่อให้คนไข้ได้ยารับประทานก่อนที่อาการจะเป็นมาก ซึ่งแน่นอนว่าการพยายามส่งให้เร็วและจำนวนมาก การตรวจสอบก็จะไม่ได้มีขั้นตอนที่ละเอียดหรือซับซ้อนมากเพื่อความรวดเร็ว และในเวลานี้เรายังส่งยาได้ไม่เร็วพอเลยด้วยซ้ำ

ตอนนี้มีคนไข้ที่ได้ยาไปแล้วกลับบอกว่าไม่ได้ แต่ในความพยายามที่จะทำให้เร็ว ก็มีคนไข้บางคนที่ได้ยาไปแล้วกลับบอกว่ายังไม่ได้ เพื่อจะให้ทีมแพทย์ส่งยา Favipiravir ไปให้อีกครั้ง จุดประสงค์เพื่อนำยาไปขายต่อ เพราะตอนนี้ราคายา Favipiravir ในตลาดมืดมีราคาสูงมาก เพราะคนกลัวว่าหากการระบาดยังมากขนาดนี้ ยาอาจจะมีไม่พอ จึงมีความต้องการยา Favipiravir มาก และแน่นอนว่าการนำไปขายแบบนี้จะมีคนซื้อทันที

หากเราต้องสร้างระบบตรวจสอบหลายขั้นทุกอย่างจะยิ่งช้า ดังนั้น หากมีเหตุการณ์ที่คนไข้ได้ยาแล้วแต่บอกว่ายังไม่ได้ เช่นตอนนี้ก็สามารถจับได้หลายเคสแล้วที่ทำแบบนี้ และหากมีมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะทำให้เกิดความระแวงว่ายาจะรั่วไหล จะทำให้ต้องมีระบบการตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งก็จะเพิ่มทั้งเวลาในการตรวจสอบ และต้อง double check ทุกครั้งที่คนไข้บอกว่าไม่ได้ยา ซึ่งจะทำให้คนไข้ที่ไม่ได้ยาจริงยิ่งได้รับช้าขึ้นไปอีก

เราได้ยาแล้วแต่ยังมีคนอื่นที่ยังไม่ได้ยาอีกมาก จึงต้องขอว่าในเวลาที่วิกฤตแบบนี้ ทุกคนเดือดร้อนและลำบากกันหมด แค่ส่งยา Favipiravir ให้ถึงมือคนไข้ทุกคนให้ทันเวลาก็ยากแล้ว หากคนไข้ท่านใดที่แจ้งว่าไม่ได้ยาแล้วเราต้องมาตรวจสอบก่อนว่ามีหลักฐานการได้ยาไปแล้วหรือยัง ก็ต้องใช้เวลา ต้องสร้างระบบตรวจสอบ ต้องเพิ่มขั้นตอนในการทำงาน ซึ่งสุดท้ายทุกอย่างก็จะล่าช้าไปหมด

ระบบราชการช้าและซ้ำซ้อนด้วยตัวเองอยู่แล้ว อย่าทำให้ช้าเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเองเลย เวลานี้คนไข้และทีมแพทย์และทีมรักษาต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อให้เรารักษาคนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด เพราะเราจะต้องรอดไปด้วยกันจากวิกฤตครั้งนี้นะครับ”



กำลังโหลดความคิดเห็น