นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผวจ.สมุทรสาคร ออกมาโพสต์ข้อความตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับบริจาคมา หลังมีการตั้งกฎเกณฑ์การฉีดมากมาย ถามสุดท้ายจะเหลือได้ฉีดกี่คน
จากกรณี กรมควบคุมโรค เปิดมติการประชุมคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนโควิดไฟเซอร์ เกณฑ์การจัดสรรวัคชีน Pfizer ล็อต 1.5 ล้านโดส สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วประเทศ เป็นเข็มกระตุ้นเท่านั้น ไม่มีเริ่มเข็ม 1 จนกลายเป็นที่วิพากษฺวิจารณ์ในโลกโซเชียลอย่างมาก เนื่องจากยังมีบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากที่ยังไม่ได้ฉีดเข็มที่ 1 โดยบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ไม่เข้าเกณฑ์รับวัคซีน Pizer ในล็อตนี้ มีดังนี้
- ได้รับการฉีดวัคซีน AstraZeneca ครบ 2 เข็ม
- ได้รับการฉีดวัคซีน AstraZeneca เข็มกระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 แล้ว
- ได้รับการฉีดวัคซีน Sinovac 1 เข็ม และ AstraZeneca 1 เข็ม
- ได้รับการฉีดวัคซีน Sinovac หรือ AstraZeneca มาเพียง 1 เข็ม
- ได้รับการฉีดวัคซีนอื่นๆ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 ก.ค. นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผวจ.สมุทรสาคร ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี” เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้า เนื่องจากมีกฎระเบียบมากมายจนไม่รู้ว่าจะเหลือฉีดให้ได้สักกี่คน โดยผู้ว่าฯ ปูได้ระบุข้อความว่า
“ขอเผือกหน่อยเถอะ พยายามจะโพสต์ลง FB ให้น้อยลง เพราะเกรงว่าจะใช้ถ้อยคำรุนแรงไป ด่าว่าคนนั้นคนนี้มากไป หรือบ่นมากไป จนคนคิดว่าเราท้อ ถอดใจ แต่ครั้งนี้ขอเผือกสักเรื่องเถอะ เราคิดทำกล่องห่วงใย (ภาคพิเศษ) เพราะทราบจาก ผอ.รพ.ทั้ง 3 อำเภอว่าหมอ พยาบาล รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อโควิดไปแล้วกว่า 300 คน ไม่นับรวมของ รพ.เอกชน และเจ้าหน้าที่ของสาธารณสุข เลยทำกล่องห่วงใย (ภาคพิเศษ) ไปมอบให้ และคงต้องมอบเพิ่มอีก เมื่อสองสามอาทิตย์ก่อนนึกดีใจที่เห็นส่วนกลางให้สำรวจบุคลากรทางสาธารณสุขว่ามีจำนวนเท่าไร จะฉีดวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับจากอเมริกาให้
จะเรียกว่าเป็นเข็มสาม หรือบูสเตอร์โดสก็แล้วแต่ ถือเป็นเรื่องน่ายินดี เป็นกำลังใจ แสดงออกถึงความห่วงใยได้ชัดเจน
แต่ข่าวที่ออกมาตอนบ่ายวันนี้ กำหนดหลักเกณฑ์การฉีดวัคซีนล็อตนี้มากมาย จนนึกไม่ออกว่าจะเหลือบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้ฉีดวัคซีนชุดกำลังใจนี้กี่คน อย่าลืมนะครับว่า รพ.หนึ่งแห่ง ทั้งรัฐและเอกชน สำคัญหมดทั้งหมอ พยาบาล จนท. ยาม พลเปล แม่บ้าน รวมไปถึงบุคลากรของสาธารณสุขทุกระดับ ตัวเลขก็มีอยู่แล้ว ตามที่ให้จังหวัดสำรวจไป ยึดตัวเลขนั้นเถอะครับ ส่วนจะปรับวิธีการฉีดอย่างไร ให้เป็นเรื่องที่คุณหมอในจังหวัดจะคุยกันเอง หลักเกณฑ์เป็นเรื่องที่ดี แต่ในยามศึกสงครามโควิดเยี่ยงนี้ ขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ต้องมาก่อนครับ”